พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,185 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1727/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้แสตมป์สุราปลอมเป็นความผิดตามกฎหมาย แม้ไม่มีกฎกระทรวงรองรับ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังส่งให้กรมสรรพสามิตต์จัดทำแสตมป์สุราขึ้นใช้ในสมัยที่ใช้ พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2486 นั้น หาจำเป็นต้องออกเป็นกฎกระทรวงเสียก่อนดังเช่น พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 บังคับไว้ ก็สมบูรณ์และย่อมถือว่าแสตมป์สุรานั้นเป็นบัตรตาม ก.ม.แล้ว ผู้ใดมีไว้หรือใช้แสดมป์สุราปลอม ย่อมมีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 216
ฟ้องหาว่าจำเลยมีและใช้แสตมป์สุราปลอม ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 216 นั้น ย่อมหมายถึงแสตมป์สุราตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นในนั่นเอง, แม้โจทก์ไม่อ้าง พ.ร.บ.ภาษีชั้นในมาก็หาทำให้เป็นการฟ้องเคลือบคลุมไม่
การมีแสตมป์สุราปลอมไว้จำหน่ายนั้นเป็นผิดมาตรา 216
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงนั้น กฎหมายบัญญัติให้ศาลอุทธรณ์, ฎีกามีอำนาจสั่งย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดข้อเท็จจริงได้ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ฎีกาเห็นไม่จำเบ็นต้องใช้อำนาจนั้น ก็ชี้ขาดข้อเท็จจริงไปได้โดยไม่ต้องใช้อำนาจที่ ก.ม.ให้ไว้ดังกล่าว
ฟ้องหาว่าจำเลยมีและใช้แสตมป์สุราปลอม ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 216 นั้น ย่อมหมายถึงแสตมป์สุราตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นในนั่นเอง, แม้โจทก์ไม่อ้าง พ.ร.บ.ภาษีชั้นในมาก็หาทำให้เป็นการฟ้องเคลือบคลุมไม่
การมีแสตมป์สุราปลอมไว้จำหน่ายนั้นเป็นผิดมาตรา 216
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงนั้น กฎหมายบัญญัติให้ศาลอุทธรณ์, ฎีกามีอำนาจสั่งย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดข้อเท็จจริงได้ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ฎีกาเห็นไม่จำเบ็นต้องใช้อำนาจนั้น ก็ชี้ขาดข้อเท็จจริงไปได้โดยไม่ต้องใช้อำนาจที่ ก.ม.ให้ไว้ดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมฟ้องก่อนสืบพยาน: ศาลอนุญาตได้หากมีเหตุสมควรและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
โจทก์ร้องขอเพิ่มเติมฟ้องก่อนจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีและก่อนสืบพยานนั้น เมื่อมีเหตุอันสมควรแล้วก็ควรอนุญาตให้เพิ่มเติมได้ เพราะข้อที่ว่าจำเลยจะเสียเปรียบหรือหลงข้อต่อสู้คดีไม่อาจเกิดขึ้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิป่าไม้และการชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต การซื้อขายที่ดินไม่ครอบคลุมสิทธิในป่า
มีผู้ยกคันนาทั้ง 3 ด้านล้อมนาและป่าที่มีต้นสักขึ้นอยู่ไว้เพียงเท่านี้ ยังหาทำให้ผู้นั้นเป็นเจ้าของป่าและไม้สักได้ตามกฎหมายไม่ ฉะนั้นแม้ผู้นั้นจะขายที่ดินทั้งหมดให้แก่ผู้อื่น โดยมีเจ้าพนักงานไปรังวัดและไม่มีผู้คัดค้านก็ดีการซื้อขายนั้นก็ไม่ทำให้ผู้รับซื้อมีกรรมสิทธิในที่ป่าและต้นสักนั้น ฉะนั้นผู้ใดตัดต้นสักในที่นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ จึงย่อมมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ฟ้องของโจทก์หาว่าจำเลยชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต อ้าง พ.ร.บ. ป่าไม้ 2484 มาตรา 39 ซึ่งบัญญัติถึงการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต้องมีใบอนุญาตเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วยและจำเลยก็เข้าใจข้อหาข้อนี้ดีแล้ว ถือว่าไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องของโจทก์หาว่าจำเลยชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต อ้าง พ.ร.บ. ป่าไม้ 2484 มาตรา 39 ซึ่งบัญญัติถึงการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต้องมีใบอนุญาตเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วยและจำเลยก็เข้าใจข้อหาข้อนี้ดีแล้ว ถือว่าไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1698/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยจงใจเป็นละเมิด แม้เป็นฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ฟ้องได้ภายใน 10 ปี
จำเลยใช้มีดแทงเขาโดยจงใจ และเขาตายเพราะพิษบาดแผลที่จำเลยทำร้ายดังนี้แม้เป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ก็ย่อมเป็นการละเมิดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
จำเลยถูกฟ้องหาว่าฆ่าคนตายจนคดีถึงที่สุด ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยดังนี้กรณีเข้าตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 168 ซึ่งให้ฟ้องได้ภายใน 10 ปี
จำเลยถูกฟ้องหาว่าฆ่าคนตายจนคดีถึงที่สุด ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยดังนี้กรณีเข้าตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 168 ซึ่งให้ฟ้องได้ภายใน 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบพยาน: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจย้อนสำนวนเพื่อวินิจฉัยพยานจำเลยที่ถูกละเลยได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญา ขอให้บังคับจำเลยต่อสู้ว่าข้อสัญญามิได้เป็นดังโจทก์อ้างแต่เป็นดังที่จำเลยต่อสู้ โจทก์ทำผิดสัญญาจึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายดังนี้เรียกว่าจำเลยปฏิเสธฟ้องของโจทก์ทุกข้อ โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน
ศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบผิดโดยให้จำเลยสืบก่อนแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยไม่รับวินิจฉัยพยานจำเลยเสีย เลย ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นไม่รับวินิจฉัยพยานจำเลยนั้นไม่ชอบและที่ศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบให้จำเลยสืบ ก่อนก็ไม่ชอบ ดังนี้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยใหม่แล้วพิพากษาตามรูปคดีโดยถือว่าโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนได้
ศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบผิดโดยให้จำเลยสืบก่อนแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยไม่รับวินิจฉัยพยานจำเลยเสีย เลย ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นไม่รับวินิจฉัยพยานจำเลยนั้นไม่ชอบและที่ศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบให้จำเลยสืบ ก่อนก็ไม่ชอบ ดังนี้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยใหม่แล้วพิพากษาตามรูปคดีโดยถือว่าโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1684/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีผิดสัญญาของหัวหน้าพนักงานขายแทนบริษัท: ไม่มีอำนาจฟ้องในนามตนเอง
หัวหน้าพนักงานผู้จัดการขายจักรของสาขาบริษัทจักรเย็บผ้า (ซิงเกอร์ปัตตานี) ขายจักรของบริษัทไปแทนบริษัทแม้ผู้ซื้อจะผิดสัญญา ก็ไม่มีสิทธิจฟ้องร้องผู้ซื้อฐานผิดสัญญาอันเป็นเรื่องของบริษัทในนามของตนเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเอาทรัพย์สินชำระหนี้แทนเงินโมฆะ: สัญญากู้ที่ระบุโอนที่นาหากไม่ชำระหนี้
สัญญากู้เงินมีใจความว่ากู้เงินไปจำนวนหนึ่ง สัญญาจะใช้คืนภายในกำหนดและมีข้อความว่าผู้กู้ได้นำนาแปลงหนึ่งมาให้ผู้กู้ยึดถือไว้เป็นปะกันโดยมีบันทึกว่า "นายรายนี้ข้าพเจ้าไม่นำต้นเงินและดอกเบี้ยมาให้ท่านตามสัญญานี้ ข้าพเจ้าขอยอมโอนที่นารายนี้ให้แก่ท่านเป็นกรรมนสิทธิ" ดังนี้ถือว่าเป็นสัญญากู้หนี้ธรรมดาไม่ใช่สัญญาจะซื้อขายที่นาฉะนั้นจึงต้องบังคับตาม ก.ม.ว่าด้วยการยืมใช้สิ้นเปลือง คือ ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 650 เมื่อตกลงกันล่วงหน้าว่าถ้าไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดยอมโอนที่นาให้เป็นกรรมสิทธิจึงเป็นการเอาทรัพย์สินอย่าง อื่นชำระหนี้แทนเงินกันทีเดียวโดยมิได้คำนึงถึงราคาเสียเลย จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 656 วรรค 2 และตกเป็นโมฆะตาม วรรค 3 ผู้ให้กู้จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้บังคับผู้กู้โอนที่นาให้แก่ตนตามสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาขอลดโทษกักกันหลังศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การพิจารณาเป็นดุลยพินิจของศาล
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี และกำหนดโทษกักกันไม่เกิน 5 ปี จำเลยจะฎีกาขอให้ลดหรืองดโทษกักกันอันเป็นเรื่องเกี่ยวแก่ดุลยพินิจของศาล ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงนั้นไม่ได้ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีสุราเถื่อนกับการกินสุราเถื่อนเป็นคนละฐานกัน แม้รับสารภาพการกินสุรา แต่หากไม่ได้มีไว้ในครอบครอง โจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ความผิดฐานมีสุราได้
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยมีสุราที่ผิดกฎหมายไว้ในความครอบครอง และจำเลยได้กินสุราที่มีไว้นั้น จำเลยรับว่าได้กินสุรานั้นจริง ส่วนข้อมีสุราปฏิเสธแล้วโจทก์ไม่สืบพยานดังนี้โจทก์จะกลับมาโต้แย้งว่าต้องมีไว้ในครอบครองก่อนแล้ว จึงจะกินได้นั้นย่อมฟังไม่ขึ้นเพราะความผิดฐานมีสุราเถือนกับกินสุราเถื่อนนั้นเป็นคนละฐานแยกกันได้
พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 ไม่ได้บัญญัติความผิดฐานดื่มกินสุราผิดกฎหมายไว้ ฉะนั้นเมื่อผู้กระทำผิดฐานกินสุราผิด ก.ม.ตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน ถูกฟ้องขอให้ลงโทษฐานนี้ เมื่อใช้ พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 แล้ว ศาลจะลงโทษจำเลยฐานกินสุราผิดกฎหมายไม่ได้
พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 ไม่ได้บัญญัติความผิดฐานดื่มกินสุราผิดกฎหมายไว้ ฉะนั้นเมื่อผู้กระทำผิดฐานกินสุราผิด ก.ม.ตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน ถูกฟ้องขอให้ลงโทษฐานนี้ เมื่อใช้ พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 แล้ว ศาลจะลงโทษจำเลยฐานกินสุราผิดกฎหมายไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดสืบพยานและสิทธิในการดำเนินการพิจารณาต่อ ศาลไม่ควรยกฟ้องทันทีหากโจทก์แสดงเจตนาไม่ติดใจสืบพยานและขอให้สืบพยานจำเลย
โจทก์ขาดนัดในชั้นสืบพยานประเด็น เมื่อปรากฎว่าได้สืบพยานโจทก์ไปแล้ว 2 ปากรวมทั้งตัวโจทก์, และโจทก์ก็ได้ยื่นคำร้องก่อนในวันเดียวกับที่ศาลพิพากษาเรื่องโจทก์ขาดนัดว่า โจทก์ไม่ติดใจสืบพยานต่อไป ขอให้นัดสืบพยานจำเลย เช่นนี้ยังไม่สมควรจะยกฟ้องโจทก์
ป.ม.วิ.อาญามาตรา 181 บัญญัติให้นำเอามาตรา 166 อันเป็นบทบัญญัติในชั้นไต่สวนมูลฟ้องมาใช้บังคับในชั้นพิจารณาได้โดยอนุโลม ซึ่งหมายความว่าให้ใช้ได้ตามควรแก่กรณี
ป.ม.วิ.อาญามาตรา 181 บัญญัติให้นำเอามาตรา 166 อันเป็นบทบัญญัติในชั้นไต่สวนมูลฟ้องมาใช้บังคับในชั้นพิจารณาได้โดยอนุโลม ซึ่งหมายความว่าให้ใช้ได้ตามควรแก่กรณี