พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,185 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาผ่อนส่งซื้อเรือนและสิทธิในการโอนการเช่าที่ดิน ผู้ขายมีหน้าที่ต้องโอนเมื่อผู้ซื้อชำระเงินครบ
ตกลงขายเรือนกันโดยวิธีผ่อนส่ง ในสัญญาข้อหนึ่งผู้ขายรับรองว่าเมื่อผู้ซื้อส่งเงินครบแล้วผู้ขายจะอนุญาตให้ผู้ซื้อรับโอนการเช่าที่ดินรายที่ปลูกเรือนพิพาทด้วยดังนี้ เมื่อผู้ขายได้รับเงินครบถ้วนแล้ว ผู้ขายก็ย่อมมีหน้าที่ต้องโอนการเช่าให้ผู้ซื้อ การที่ผู้ซื้อขอผัดเพื่อสอบเขตหรือขอแถลงรับการโอนช้าไปบ้างนั้นไม่เป็นเหตุที่จะถือว่าผู้ซื้อผิดนัดถึงแก่ทำให้ผู้ขายหมดหน้าที่ไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาประมาทต้องระบุรายละเอียดการกระทำที่เป็นเหตุแห่งความประมาท มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
ฟ้องหาว่าเขาขับรถยนต์โดยประมาทปราศจากความระมัดระวังอันควร เป็นวิสัยของปกติชนเป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่นเสียหายและเกิดบาดเจ็บสาหัสขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก 2477 และ ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 259 ดังนี้ เมื่อฟ้องมิได้บรรยายว่าจำเลยมีความประมาทอย่างไรอันเป็นลักษณะของคดีที่จะทำให้จำเลยรู้ข้อหาในความประ มาทของตนได้ จัดว่าเป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158(5)
(อ้างฎีกาที่ 241/2493)
(อ้างฎีกาที่ 241/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเกินกว่าเหตุ: ศาลพิจารณาจากสถานการณ์ถูกทำร้ายรุมทำร้าย ไม่มีทางหลบหนี
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 251, 53 โจทก์พอใจมิได้อุทธรณ์หรือแก้อุทธรณ์แต่อย่างใด จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโดยเห็นว่าเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ดังนี้โจทก์จะฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการป้องกันเลยไม่ได้ คงฎีกาได้แต่เพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุเท่านั้น
จำเลยถูกคน 2 คนใช้ไม้กลุ้มรุมทำร้าย และคนหนึ่งกอดจำเลยไว้ อีกคนหนึ่งใช้ไม้ตีเช่นนี้จำเลยใช้มีดพกปลายแหลมยาวเกือบคืบที่แย่งมาได้จากคน 2 คนนั้นแทงคนทั้ง 2 ไป ย่อมเป็นการแสดงว่าจำเลยจะแทงเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกกระทำร้ายเท่านั้น จึงเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ
จำเลยถูกคน 2 คนใช้ไม้กลุ้มรุมทำร้าย และคนหนึ่งกอดจำเลยไว้ อีกคนหนึ่งใช้ไม้ตีเช่นนี้จำเลยใช้มีดพกปลายแหลมยาวเกือบคืบที่แย่งมาได้จากคน 2 คนนั้นแทงคนทั้ง 2 ไป ย่อมเป็นการแสดงว่าจำเลยจะแทงเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกกระทำร้ายเท่านั้น จึงเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนและการชำระบัญชีโดยความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วน การวินิจฉัยศาลจำกัดเฉพาะประเด็นทางกฎหมาย
ห้างหุ้นส่วนสามัญตั้งขึ้นไม่มีกำหนดกาล เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งมีหนังสือมาบอกกล่าวเลิกห้างหุ้นส่วนพร้อมกับเสนอระบุชื่อผู้ชำระบัญชีไปด้วย ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นก็มิได้คัดค้านประการใดยังกลับตอบรับเห็นชอบและยอมตั้งผู้ชำระบัญชีผู้ที่ระบุไปนั้นด้วย เป็นแต่กำหนดเงื่อนไขไว้บางประการเท่านั้นดังนี้นับว่าการเลิกห้างหุ้นส่วนและจัดการชำระบัญชีได้กระทำไปแล้ว ตามกฎหมาย แต่การชำระบัญชีในเรื่องทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนจะถูกต้องหรือไม่ย่อมเป็นประเด็นหนึ่งต่างหาก ฉะนั้นผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นจะมาฟ้องศาลขอให้ศาลสั่งเลิกห้างหุ้นส่วนนั้น และตั้งผู้ชำระบัญชีจัดการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนนี้อีกไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและตั้งผู้ชำระบัญชีใหม่และยังมีคำขออีกมากมายท้ายฟ้อง แต่ตั้งรูปคดีมาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ เพราะเสียค่าขึ้นศาลเพียง 15 บาท ดังนี้ศาลควรวินิจฉัยเพียงว่าการเลิกห้างหุ้นส่วน และการชำระบัญชีเป็นไปตาม ก.ม.หรือไม่เท่านั้น ส่วนทรัพย์ในห้างหุ้นส่วนจะมีเท่าใดเป็นส่วนของใครเท่าใดไม่ควรวินิจฉัยให้
โจทก์ฟ้องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและตั้งผู้ชำระบัญชีใหม่และยังมีคำขออีกมากมายท้ายฟ้อง แต่ตั้งรูปคดีมาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ เพราะเสียค่าขึ้นศาลเพียง 15 บาท ดังนี้ศาลควรวินิจฉัยเพียงว่าการเลิกห้างหุ้นส่วน และการชำระบัญชีเป็นไปตาม ก.ม.หรือไม่เท่านั้น ส่วนทรัพย์ในห้างหุ้นส่วนจะมีเท่าใดเป็นส่วนของใครเท่าใดไม่ควรวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์ของผู้อื่นที่ใช้ในการกระทำผิด พ.ร.บ.การประมง ต้องไม่ริบหากเจ้าของมิได้รู้เห็นเป็นใจ
เอาเรือและพายของผู้อื่นไปกระทำผิด พ.ร.บ.การประมง โดยเจ้าของมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยนั้น จะริบเรือและพายนั้นเสียตาม พ.ร.บ.การประมง 2490 มาตรา 69 ไม่ได้ ต้องคืนแก่เจ้าของไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1380/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากคดีทำร้ายร่างกาย: อำนาจฟ้องและการขัดแย้งในคำให้การ
จำเลยเคยถูกอัยการเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าทำร้ายร่างกายผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ จำเลยรับสารภาพศาลจึงพิพากษาลงโทษจำเลยว่ามีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม. 245 ผู้เสียหายจึงได้มาเป็นโจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยในทางแพ่งจำเลยย่อมต่อสู้ว่าที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายมีบาดเจ็บนั้นเนื่องจากการวิวาทระหว่างจำเลยกับผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยดังนี้ได้ (เพราะข้อเท็จจริงทางอาญาในคดีก่อนนั้น ศาลไม่ได้พิจารณาชี้ขาดประเด็นว่าวิวาทหรือไม่ศาลก็ย่อมลงโทษ จำเลยตามมาตรา 254 ได้)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1379/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่เกิดจากการตกลงกันหลังยืมข้าวและเปลี่ยนเป็นเงิน: ศาลยืนตามสัญญา
ขอยืมข้าวเขาครั้งหนึ่งแล้วถึงกำหนดไม่มีข้าวใช้จึงได้ขอยืมข้าวเขามาอีกแล้วตกลงกันกับเจ้าหนี้ว่า ให้ผู้ยืมใช้เป็นเงินจำนวนหนึ่งแล้วได้ทำสัญญากู้ยืมขึ้นไว้ 1 ฉบับ ระบุจำนวนเงินที่ตกลงกันนั้นไว้ดังนี้เจ้าหนี้ย่อมฟ้องร้องให้บังคับตามสัญญากู้นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1377/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขึ้นทะเบียนโรงงานตาม พ.ร.บ.โรงงาน 2482: กรณีโรงงานที่ขึ้นทะเบียนแล้วยังต้องขออนุญาตใหม่หรือไม่
โรงงานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้วตามกำหนดในมาตรา 23 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน 2482 นั้น เมื่อพ้นกำหนด 2 ปีนับแต่วันใช้พระราชกฤษฎีกาแล้ว ยังคงดำเนินงานต่อไปโดยไม่ได้ขออนุญาตขึ้นทะเบียนตั้งโรงงานอีกนั้นยังไม่เป็นผิดตามมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน 2482 เพราะความในมาตรานี้บังคับเอาผิดแก่เจ้าของโรงงานที่มิได้มารายงานขึ้นทะเบียนตามกำหนดในวรรค 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1366/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระหนี้ไม่ถือเป็นการแปลงหนี้ หากราคารวมยังคงเดิม สัญญาจะซื้อขายเดิมยังใช้บังคับ
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินบ้านและที่สวนรวม 2 แปลง ราคา 3000 บาท วันโอนกันที่อำเภอผู้ซื้อมีเงินไม่ถึง 3000 บาท จึงตกลงขายที่บ้านแปลงเดียวก่อนตีราคา 2600 บาท ส่วนที่สวนตีราคา 400 บาท นัดโอนกันภายหลัง ดังนี้ย่อมถือได้ว่าคู่กรณีมิได้ตกลงกันเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญแห่งหนี้ให้ผิดแผกไปจากเดิมเลยที่ให้โอนที่บ้านก่อนแล้วจึงมาโอนที่สวนภายหลัง ก็เพื่อความสะดวกของผู้ซื้อในเรื่องเงิน จำนวนราคาเมื่อรวมกันก็เป็น 3000 บาทเท่าเดิมจึงไม่ใช่เรื่องแปลงหนี้สัญญาจะซื้อขายฉบับเดิมหาได้ระงับไปไม่ ผู้ขายยังมีสิทธิฟ้องบังคับให้ผู้ซื้อซื้อที่สวนในราคา 400 บาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียน กรณีผู้จัดการมอบหมายรับเงินแทน หุ้นส่วนทุกคนมีสิทธิฟ้อง
ผู้จัดการหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียนมอบหมายให้ผู้หนึ่งไปรับเงินของหุ้นส่วนมาย่อมเป็นเรื่องที่ผู้จัดการทำไปในหน้าที่ผู้จัดการของหุ้นส่วนเมื่อถึงคราวจะฟ้องร้องเรียกเงินจำนวนนี้จากผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ไปรับเงินมาแล้ว ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนมาฟ้องก็เป็นการดีแล้ว
หุ้นส่วนผู้หนึ่งรับเงินของหุ้นส่วนจากบุคคลภายนอกมาแล้วไม่มอบให้หุ้นส่วนผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนย่อมเป็นโจทก์ ฟ้องเรียกเงินนั้นจากหุ้นส่วนผู้รับมาได้โดยไมต้องมีการชำระบัญชีเสียก่อน
หุ้นส่วนผู้หนึ่งรับเงินของหุ้นส่วนจากบุคคลภายนอกมาแล้วไม่มอบให้หุ้นส่วนผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนย่อมเป็นโจทก์ ฟ้องเรียกเงินนั้นจากหุ้นส่วนผู้รับมาได้โดยไมต้องมีการชำระบัญชีเสียก่อน