พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,237 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมของผู้เสียหายจากการทำลายหลักฐานการทำไม้ และการเปลี่ยนเลขหมายไม้โดยมิชอบ
อัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 4 สมคบกันถากทำลายตราประจำต้นไม้ของนายจงกลซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ แล้วสมคบกันตีราคาเลขหมายอื่น เป็นเลขของนายพิจิตรจำเลยขึ้นใหม่โดยทางการมิได้อนุญาตเพื่อประสงค์จะให้ไม้ของนายจงกลตกเป็นของนายพิจิตร จำเลย โดยจำเลยหวังผลประโยชน์จากนายพิจิตร
ดังนี้นายจงกลย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียหายมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโจทก์ได้ เพราะเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำไม้ที่ตีตราไว้ให้แล้วซึ่งนายจงกลมีสิทธิที่จะเข้ายึดถือครอบครองเป็นเจ้าของในภายหลัง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2499)
ดังนี้นายจงกลย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียหายมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโจทก์ได้ เพราะเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำไม้ที่ตีตราไว้ให้แล้วซึ่งนายจงกลมีสิทธิที่จะเข้ายึดถือครอบครองเป็นเจ้าของในภายหลัง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066-1068/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการยกข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้น และการร้องทุกข์ในคดีอาญาเกี่ยวกับเรือ
ข้อกฎหมายที่คู่ความยกขึ้นอ้างอิงนั้นจะต้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้แต่ศาลชั้นต้น มิฉะนั้นศาลหารับเป็นฎีกาในข้อนั้นไม่
ผู้เช่าเรือยนต์มาทำการหาผลประโยชน์ เมื่อเรือนั้นถูกชนก็ถือว่าเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) และมีอำนาจร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานได้ตามมาตรา 123124 และพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนได้ตามมาตรา 120,121และผู้เช่าในฐานะผู้เสียหายก็ยังมีสิทธิเข้าร่วมเป็นโจทก์ กับพนักงานอัยการตามมาตรา 28(2) อีกด้วย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเจ้าของเรือยนต์ได้ร่วมกับผู้ถือท้ายควบคุมเรือแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานกล่าวหาว่าผู้ถือท้ายเรืออีกลำหนึ่งชนเอาจนต่างฝ่ายได้ร่วมกันทำบันทึกการเสียหายกับเจ้าพนักงานเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเจ้าของเรือนั้นได้ร้องทุกข์ตามกฎหมายอาญา มาตรา 80 แล้ว จึงหาขาดอายุความไม่ ส่วนเรื่องการร้องทุกข์ไม่ถูกต้องเพราะไม่ลงลายมือชื่อนั้นไม่มีประเด็นที่ได้ว่ากล่าวกันมาจึงตกไป
ผู้เช่าเรือยนต์มาทำการหาผลประโยชน์ เมื่อเรือนั้นถูกชนก็ถือว่าเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) และมีอำนาจร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานได้ตามมาตรา 123124 และพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนได้ตามมาตรา 120,121และผู้เช่าในฐานะผู้เสียหายก็ยังมีสิทธิเข้าร่วมเป็นโจทก์ กับพนักงานอัยการตามมาตรา 28(2) อีกด้วย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเจ้าของเรือยนต์ได้ร่วมกับผู้ถือท้ายควบคุมเรือแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานกล่าวหาว่าผู้ถือท้ายเรืออีกลำหนึ่งชนเอาจนต่างฝ่ายได้ร่วมกันทำบันทึกการเสียหายกับเจ้าพนักงานเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเจ้าของเรือนั้นได้ร้องทุกข์ตามกฎหมายอาญา มาตรา 80 แล้ว จึงหาขาดอายุความไม่ ส่วนเรื่องการร้องทุกข์ไม่ถูกต้องเพราะไม่ลงลายมือชื่อนั้นไม่มีประเด็นที่ได้ว่ากล่าวกันมาจึงตกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066-1068/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกข้อต่อสู้ไม่ทันในชั้นศาล และการร้องทุกข์ของผู้เช่าเรือที่ได้รับความเสียหาย
ข้อ ก.ม.ที่คู่ความยกขึ้นอ้างอิงนั้นจะต้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้แต่ศาลชั้นต้น มิฉะนั้นศาลหารับเป็นฎีกาในข้อนั้นไม่
ผู้เช่าเรือยนต์มาทำการหาผลประโยชน์ เมื่อเรือนั้นถูกชนก็ถือว่าเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) และมีอำนาจร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานได้ตามมาตรา 123,124 และพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนได้ตามมาตรา 120,121 และผู้เช่าในฐานะผู้เสียหายก็ยังมีสิทธิเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการตามมาตรา 28(2) อีกด้วย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเจ้าของเรือยนต์ได้ร่วมกับผู้ถือท้ายควบคุมเรือแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานกล่าวหาว่าผู้ถือท้ายเรืออีกลำหนึ่งชนเอาจนต่างฝ่ายได้ร่วมกันทำบันทึกการเสียหายกับเจ้าพนักงานเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเจ้าของเรือนั้นได้ร้องทุกข์ตามกฎหมายอาญามาตรา 80 แล้ว จึงหาขาดอายุความไม่ ส่วนเรื่องการร้องทุกข์ไม่ถูกต้องเพราะไม่ลงลายมือชื่อนั้นไม่มีประเด็นที่ได้ว่ากล่าวกันมาจึงตกไป
ผู้เช่าเรือยนต์มาทำการหาผลประโยชน์ เมื่อเรือนั้นถูกชนก็ถือว่าเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) และมีอำนาจร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานได้ตามมาตรา 123,124 และพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนได้ตามมาตรา 120,121 และผู้เช่าในฐานะผู้เสียหายก็ยังมีสิทธิเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการตามมาตรา 28(2) อีกด้วย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเจ้าของเรือยนต์ได้ร่วมกับผู้ถือท้ายควบคุมเรือแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานกล่าวหาว่าผู้ถือท้ายเรืออีกลำหนึ่งชนเอาจนต่างฝ่ายได้ร่วมกันทำบันทึกการเสียหายกับเจ้าพนักงานเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเจ้าของเรือนั้นได้ร้องทุกข์ตามกฎหมายอาญามาตรา 80 แล้ว จึงหาขาดอายุความไม่ ส่วนเรื่องการร้องทุกข์ไม่ถูกต้องเพราะไม่ลงลายมือชื่อนั้นไม่มีประเด็นที่ได้ว่ากล่าวกันมาจึงตกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขออนุญาตฎีกาต้องยื่นภายในกำหนดอายุฎีกา หากยื่นหลังกำหนด แม้ได้รับอนุญาต ศาลฎีกาก็รับไว้วินิจฉัยไม่ได้
การที่คู่ความจะขอรับคำอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม วิ.อาญา ม.221 นั้น จะต้องยื่นคำขอเสียก่อนที่จะพ้นกำหนดอายุฎีกา ถ้าหากยื่นคำร้องขอภายหลังแม้จะได้รับอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ศาลฎีกาก็รับไว้วินิจฉัยไม่ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2499)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขออนุญาตฎีกาข้อเท็จจริงต้องยื่นก่อนหมดอายุฎีกา มิฉะนั้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
การที่คู่ความจะขอรับคำอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 นั้น จะต้องยื่นคำขอเสียก่อนที่จะพ้นกำหนดอายุฎีกา ถ้าหากยื่นคำร้องขอภายหลังแม้จะได้รับอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ศาลฎีกาก็รับไว้วินิจฉัยไม่ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความยินยอมเลิกเช่าและการสละสิทธิประโยชน์ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ข้อตกลงไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย
จำเลยเช่าห้องโจทก์เพื่ออยู่อาศัยมีกำหนด 1 ปี และก่อนครบกำหนดตามสัญญาเช่าเล็กน้อยจำเลยมีหนังสือยินยอมแจ้งให้โจทก์ทราบล่วงหน้าว่าจะเลิกการเช่าและสละสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ พ.ศ.2489 ในเมื่อถึงกำหนดสัญญาเช่า เช่นนี้ถือว่าโจทก์ได้รับความยินยอมจากจำเลยผู้เช่าตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ พ.ศ.2489 ม.16 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความยินยอมเลิกสัญญาเช่าและการสละสิทธิประโยชน์ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
จำเลยเช่าห้องโจทก์เพื่ออยู่อาศัยมีกำหนด 1 ปี และก่อนครบกำหนดตามสัญญาเช่าเล็กน้อยจำเลยมีหนังสือยินยอมแจ้งให้โจทก์ทราบล่วงหน้าว่าจะเลิกการเช่า และสละสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ พ.ศ.2489 ในเมื่อถึงกำหนดสัญญาเช่า เช่นนี้ถือว่าโจทก์ได้รับความยินยอมจากจำเลยผู้เช่าตามความหมายแห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ พ.ศ.2489 มาตรา 16 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องคดีฆ่าคนตายและมีอาวุธปืน เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานยืนยันความผิดของจำเลย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาและมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แยกกระทงลงโทษจำคุกฐานฆ่าคนโดยเจตนากว่า 5 ปีและปรับฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลฎีกาไม่เชื่อว่าจำเลยได้ฆ่าผู้ตายและปืนก็ไม่ใช่ของจำเลยและไม่ได้จับจากจำเลย ศาลฎีกาย่อมพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกายกฟ้องคดีฆ่าคนตายและพกพาอาวุธปืน เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาและมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แยกกะทงลงโทษจำคุกฐานฆ่าคนโดยเจตนากว่า 5 ปี และปรับฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลฎีกาไม่เชื่อว่าจำเลยได้ฆ่าผู้ตายและปืนก็ไม่ใช่ของจำเลยและไม่ได้จับจากจำเลยศาลฎีกาย่อมพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุทางอาญา: การใช้กำลังเพื่อป้องกันตนเองที่เกินสมควร
ผู้ตายเมาสุราอาละวาดถือมีดไล่แทงผู้มีชื่อ ๆ หนีแอบข้างหลัง จำเลย ๆ ร้องขอห้าม ผู้ตายไม่ฟังจึงกอดคอจำเลยและแทงจำเลยถูกชายโครง จำเลยจึงแทงผู้ตายรวม 11 แผล ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นลักษณะของการป้องกัน แต่การกระทำเกินกว่าเหตุเข้าเกณฑ์ตาม ม.251,53