พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,237 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินโฉนด: สิทธิของเจ้าของโฉนดเมื่อผู้เช่าคืนที่ดิน
เมื่อปรากฏว่าที่นาพิพาทที่จำเลยเช่าทำนั้นอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์และเจ้าของนาได้ยินยอมคืนให้โจทก์แล้วจำเลยผู้เช่าเป็นแต่เพียงผู้ครอบครองแทนเจ้าของเมื่อเจ้าของยอมคืนไปแล้วจำเลยก็ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่อย่างใดที่จะมาขัดขวาง
การครอบครองที่ดินในโฉนดของผู้อื่นเช่นในกรณีนี้เมื่อผู้ครอบครองคืนที่ให้เจ้าของโฉนด(โจทก์)หรือสละทิ้งที่นั้นแล้วเจ้าของโฉนดในที่ตรงนั้น(โจทก์) ย่อมเข้าครอบครองถืออำนาจเป็นเจ้าของได้ต่อไปโดยไม่ต้องเปลี่ยนแก้ทางทะเบียนประการใด
การครอบครองที่ดินในโฉนดของผู้อื่นเช่นในกรณีนี้เมื่อผู้ครอบครองคืนที่ให้เจ้าของโฉนด(โจทก์)หรือสละทิ้งที่นั้นแล้วเจ้าของโฉนดในที่ตรงนั้น(โจทก์) ย่อมเข้าครอบครองถืออำนาจเป็นเจ้าของได้ต่อไปโดยไม่ต้องเปลี่ยนแก้ทางทะเบียนประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกเงินภาษีและการปลอมแปลงเอกสาร: ข้อหาชัดเจนและพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
บรรยายฟ้องว่าจำเลยยักยอกเงินค่าภาษีโรงค้ารายนายฉลองไป 600 บาท แต่ต่อมานำส่งเสีย 57.60 บาท จำเลยยักยอกไปเพียง 542.40 บาท ดังนี้จัดว่าชัดเจนพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาฐานยักยอกได้ดีตาม ม.158 วิ.อาญา.หาเคลือบคลุมไม่
แม้ข้อเท็จจริงทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยยักยอกเงินค่าภาษีรายนายฉลองไป 600 บาท มิใช่ 542.40 บาท ดังข้อหาให้จำเลยรับผิดตามฟ้องก็ดี ควรฟังข้อเท็จจริงดังนี้เพราะเงิน 57.60 บาท ที่จำเลยนำส่งเป็นค่าภาษีรายนายช่อล้องมิใช่นายฉลอง ฉนั้นเงินค่าภาษีนายฉลองที่จำเลยยักยอกจึงคงมี 600 บาท จึงถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณากับฟ้องเช่นนี้หาเป็นเหตุให้ยกฟ้องโจทก์ตาม ป.วิ.อาญา ม.192ได้ไม่
ถึงจำเลยจะมีหน้าที่เขียนต้นขั้วใบเสร็จรับเงินด้วยตนเองก็ดี แต่ถ้าจำเลยตกเติมแก้ไขต้นขั้วใบเสร็จนั้นโดยมีเจตนาปลอมแปลงจากเดิมให้เข้าใจผิดเป็นอย่างอื่นและอาจเกิดการเสียหายขึ้นได้ ดังนี้จำเลยก็หาพ้นความรับผิดฐานปลอมหนังสือไม่
การที่จะวินิจฉัยข้อ ก.ม.นั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้ว.
แม้ข้อเท็จจริงทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยยักยอกเงินค่าภาษีรายนายฉลองไป 600 บาท มิใช่ 542.40 บาท ดังข้อหาให้จำเลยรับผิดตามฟ้องก็ดี ควรฟังข้อเท็จจริงดังนี้เพราะเงิน 57.60 บาท ที่จำเลยนำส่งเป็นค่าภาษีรายนายช่อล้องมิใช่นายฉลอง ฉนั้นเงินค่าภาษีนายฉลองที่จำเลยยักยอกจึงคงมี 600 บาท จึงถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณากับฟ้องเช่นนี้หาเป็นเหตุให้ยกฟ้องโจทก์ตาม ป.วิ.อาญา ม.192ได้ไม่
ถึงจำเลยจะมีหน้าที่เขียนต้นขั้วใบเสร็จรับเงินด้วยตนเองก็ดี แต่ถ้าจำเลยตกเติมแก้ไขต้นขั้วใบเสร็จนั้นโดยมีเจตนาปลอมแปลงจากเดิมให้เข้าใจผิดเป็นอย่างอื่นและอาจเกิดการเสียหายขึ้นได้ ดังนี้จำเลยก็หาพ้นความรับผิดฐานปลอมหนังสือไม่
การที่จะวินิจฉัยข้อ ก.ม.นั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกเงินภาษีและการปลอมแปลงเอกสารราชการ จำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา
บรรยายฟ้องว่าจำเลยยักยอกเงินค่าภาษีโรงค้ารายนายฉลองไป600 บาท แต่ต่อมานำส่งเสีย 57.60 บาท จำเลยยักยอกไปเพียง542.40 บาท ดังนี้จัดว่าชัดเจนพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาฐานยักยอกได้ดีตาม มาตรา158 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หาเคลือบคลุมไม่
แม้ข้อเท็จจริงทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยยักยอกเงินค่าภาษีรายนายฉลองไป 600 บาท มิใช่ 542.40 บาท ดังข้อหาให้จำเลยรับผิดตามฟ้องก็ดีการฟังข้อเท็จจริงดังนี้เพราะเงิน 57.60 บาท ที่จำเลยนำส่งเป็นค่าภาษีรายนายช่อล้องมิใช่รายนายฉลองฉะนั้นเงินค่าภาษีรายนายฉลองที่จำเลยยักยอกจึงคงมี 600 บาทจึงถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาต่างกับฟ้องเช่นนี้หาเป็นเหตุให้ยกฟ้องโจทก์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192ได้ไม่
ถึงจำเลยจะมีหน้าที่เขียนต้นขั้วใบเสร็จรับเงินด้วยตนเองก็ดีแต่ถ้าจำเลยตกเติมแก้ไขต้นขั้วใบเสร็จนั้นโดยมีเจตนาปลอมแปลงจากเดิมให้เข้าใจผิดเป็นอย่างอื่นและอาจเกิดการเสียหายขึ้นได้ดังนี้จำเลยก็หาพ้นความรับผิดฐานปลอมหนังสือไม่
การที่จะวินิจฉัยข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้ว
แม้ข้อเท็จจริงทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยยักยอกเงินค่าภาษีรายนายฉลองไป 600 บาท มิใช่ 542.40 บาท ดังข้อหาให้จำเลยรับผิดตามฟ้องก็ดีการฟังข้อเท็จจริงดังนี้เพราะเงิน 57.60 บาท ที่จำเลยนำส่งเป็นค่าภาษีรายนายช่อล้องมิใช่รายนายฉลองฉะนั้นเงินค่าภาษีรายนายฉลองที่จำเลยยักยอกจึงคงมี 600 บาทจึงถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาต่างกับฟ้องเช่นนี้หาเป็นเหตุให้ยกฟ้องโจทก์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192ได้ไม่
ถึงจำเลยจะมีหน้าที่เขียนต้นขั้วใบเสร็จรับเงินด้วยตนเองก็ดีแต่ถ้าจำเลยตกเติมแก้ไขต้นขั้วใบเสร็จนั้นโดยมีเจตนาปลอมแปลงจากเดิมให้เข้าใจผิดเป็นอย่างอื่นและอาจเกิดการเสียหายขึ้นได้ดังนี้จำเลยก็หาพ้นความรับผิดฐานปลอมหนังสือไม่
การที่จะวินิจฉัยข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละที่ดินเพื่อสร้างมหาวิทยาลัย: เงื่อนไขการสละและการพิสูจน์เจตนา
โจทก์อ้างว่าที่พิพาทนี้จำเลยที่ 1 สละสิทธิยกให้แก่ทางราชการเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดตั้งมหาวิทยาลัย แต่จำเลยที่ 1 โต้เถียงว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ตกลงกันว่าถ้าทางราชการได้สร้างมหาวิทยาลัยขึ้นโดยแท้จริงแล้วจำเลยที่ 1 ยอมยกที่พิพาทให้เปล่าโดยไม่คิดมูลค่าและจะได้ทำนิติกรรมต่อคณะกรมการอำเภอเจ้าของท้องที่ให้เป็นการถูกต้องภายหลัง แต่ก็หาได้สร้างมหาวิทยาลัยขึ้นไม่เช่นนี้ถือว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้ยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้สละสิทธิยกที่พิพาทให้แก่ทางราชการเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับตั้งมหาวิทยาลัยจึงจำเป็นจะต้องฟังหลักฐานพยานต่อไปจนสิ้นกระแสความ ศาลจะสั่งงดสืบพยานเสียยังไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละที่ดินเพื่อสร้างมหาวิทยาลัย และผลของการไม่สร้างตามข้อตกลง ศาลต้องฟังพยานหลักฐานเพิ่มเติม
โจทก์อ้างว่าที่พิพาทหนี้จำเลยที่ 1 สละสิทธิยกให้แก่ทางราชการเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดตั้งมหาวิทยาลัย แต่จำเลยที่ 1 โต้เถียงว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ตกลงกันว่าถ้าทางราชการได้สร้างมหาวิทยาลัยขึ้นโดยแท้จริงแล้วจำเลยที่ 1 ยอมยกที่พิพาทให้เปล่าโดยไม่คิดมูลค่า และจะได้ทำนิติกรรมต่อคณะกรรมการอำเภอเจ้าของท้องที่ให้เป็นการถูกต้องภายหลัง แต่ก็หาได้สร้างมหาวิทยาลัยขึ้นไม่ เช่นนี้ถือว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้ยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้สละสิทธิยกที่พิพาทให้แก่ทางราชการเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับตั้งมหาวิทยาลัย จึงจำเป็นจะต้องฟังหลักฐานพยานต่อไปจนสิ้นกระแสร์ความ ศาลจะสั่งงดสืบพยานเสียยังไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเก็บเกี่ยวข้าวรวมกันในที่พิพาท แม้เข้าใจผิดก็ถือเป็นการทุจริตฐานลักทรัพย์
ประมูลเช่าที่ดินได้ จึงเข้าทำนา โดยผู้เสียหายก็เข้าแย่งทำด้วยจำเลยเกี่ยวข้าวไปทั้งหมด โดยรู้ว่าเป็นข้าวของผู้เสียหายรวมอยู่ด้วยเป็นการทุจริต เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1751/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยไม่สุจริตและสิทธิครอบครองปรปักษ์ ผู้ซื้อมีสิทธิเหนือกว่าหากจดทะเบียนสิทธิ
ตามคำให้การของจำเลยอ่านรวมกันพออนุมานได้ว่าจำเลยโต้เถียงเรื่องการซื้อขายที่พิพาทว่าเป็นการไม่สุจริต ก็ถือว่าจำเลยโต้เถียงว่าโจทก์ทำการโดยไม่สุจริตแล้ว
ในข้อโต้เถียงเรื่องทุจริตหรือไม่นั้นมี ป.พ.พ.มง 6 บัญญัติเป็นข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต ฉะนั้นเมื่อจำเลยโต้เถียงว่าโจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต จำเลยย่อมมีหน้าที่พิสูจน์แสดงหักล้างข้อสันนิษฐานนี้
ที่ดินซึ่งเป็นที่มีโฉนดเป็นหลักฐาน แม้หากจำเลยจะได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทซึ่งอยู่ภายในโฉนดมาโดยปรปักษ์ต่อเจ้าของเดิมเป็นเวลากว่า 10 ปี แล้วก็ตามจำเลยมิได้จดทะเบียนเป็นสิทธิตาม ป.พ.พ.ม.1299 วรรค 2 จะยกสิทธิครอบครองอันยังมิได้จดทะเบียนนั้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้ได้ที่มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโอนซื้อขายกันต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยชอบด้วย ก.ม.แล้วไม่ได้
ในข้อโต้เถียงเรื่องทุจริตหรือไม่นั้นมี ป.พ.พ.มง 6 บัญญัติเป็นข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต ฉะนั้นเมื่อจำเลยโต้เถียงว่าโจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต จำเลยย่อมมีหน้าที่พิสูจน์แสดงหักล้างข้อสันนิษฐานนี้
ที่ดินซึ่งเป็นที่มีโฉนดเป็นหลักฐาน แม้หากจำเลยจะได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทซึ่งอยู่ภายในโฉนดมาโดยปรปักษ์ต่อเจ้าของเดิมเป็นเวลากว่า 10 ปี แล้วก็ตามจำเลยมิได้จดทะเบียนเป็นสิทธิตาม ป.พ.พ.ม.1299 วรรค 2 จะยกสิทธิครอบครองอันยังมิได้จดทะเบียนนั้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้ได้ที่มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโอนซื้อขายกันต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยชอบด้วย ก.ม.แล้วไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1751/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายไม่สุจริตและสิทธิครอบครองปรปักษ์: โจทก์มีสิทธิเหนือที่ดินเพราะซื้อโดยสุจริตและจดทะเบียน แม้จำเลยครอบครองก่อน
ตามคำให้การของจำเลยอ่านรวมกันพออนุมานได้ว่าจำเลยโต้เถียงเรื่องการซื้อขายที่พิพาทว่า เป็นการไม่สุจริต ก็ถือว่าจำเลยโต้เถียงว่า โจทก์ทำการโดยไม่สุจริตแล้ว
ในข้อโต้เถียงเรื่องสุจริตหรือไม่นั้นมี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6 บัญญัติเป็นข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต ฉะนั้นเมื่อจำเลยโต้เถียงว่าโจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต จำเลยย่อมมีหน้าที่พิสูจน์แสดงหักล้างข้อสันนิษฐานนี้
ที่ดินซึ่งเป็นที่มีโฉนดเป็นหลักฐาน แม้หากจำเลยจะได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทซึ่งอยู่ภายในโฉนดมาโดยปรปักษ์ต่อเจ้าของเดิมเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วก็ตามจำเลยมิได้จดทะเบียนสิทธิตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง จะยกสิทธิครอบครองอันยังมิได้จดทะเบียนนั้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้ได้ที่มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโอนซื้อขายกันต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่ได้
ในข้อโต้เถียงเรื่องสุจริตหรือไม่นั้นมี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6 บัญญัติเป็นข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต ฉะนั้นเมื่อจำเลยโต้เถียงว่าโจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต จำเลยย่อมมีหน้าที่พิสูจน์แสดงหักล้างข้อสันนิษฐานนี้
ที่ดินซึ่งเป็นที่มีโฉนดเป็นหลักฐาน แม้หากจำเลยจะได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทซึ่งอยู่ภายในโฉนดมาโดยปรปักษ์ต่อเจ้าของเดิมเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วก็ตามจำเลยมิได้จดทะเบียนสิทธิตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง จะยกสิทธิครอบครองอันยังมิได้จดทะเบียนนั้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้ได้ที่มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโอนซื้อขายกันต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1751/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินมีโฉนด การครอบครองปรปักษ์ต้องจดทะเบียน การซื้อขายโดยสุจริตมีผลเหนือการครอบครอง
ตามคำให้การของจำเลยอ่านรวมกันพออนุมานได้ว่าจำเลยโต้เถียงเรื่องการซื้อขายที่พิพาทว่า เป็นการไม่สุจริต ก็ถือว่าจำเลยโต้เถียงว่า โจทก์ทำการโดยไม่สุจริตแล้ว
ในข้อโต้เถียงเรื่องสุจริตหรือไม่นั้นมี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6 บัญญัติเป็นข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต ฉะนั้นเมื่อจำเลยโต้เถียงว่าโจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต จำเลยย่อมมีหน้าที่พิสูจน์แสดงหักล้างข้อสันนิษฐานนี้
ที่ดินซึ่งเป็นที่มีโฉนดเป็นหลักฐาน แม้หากจำเลยจะได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทซึ่งอยู่ภายในโฉนดมาโดยปรปักษ์ต่อเจ้าของเดิมเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วก็ตามจำเลยมิได้จดทะเบียนสิทธิตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง จะยกสิทธิครอบครองอันยังมิได้จดทะเบียนนั้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้ได้ที่มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโอนซื้อขายกันต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่ได้
ในข้อโต้เถียงเรื่องสุจริตหรือไม่นั้นมี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6 บัญญัติเป็นข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต ฉะนั้นเมื่อจำเลยโต้เถียงว่าโจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต จำเลยย่อมมีหน้าที่พิสูจน์แสดงหักล้างข้อสันนิษฐานนี้
ที่ดินซึ่งเป็นที่มีโฉนดเป็นหลักฐาน แม้หากจำเลยจะได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทซึ่งอยู่ภายในโฉนดมาโดยปรปักษ์ต่อเจ้าของเดิมเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วก็ตามจำเลยมิได้จดทะเบียนสิทธิตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง จะยกสิทธิครอบครองอันยังมิได้จดทะเบียนนั้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้ได้ที่มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโอนซื้อขายกันต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าต้องกระทำล่วงหน้าพอสมควรก่อนกำหนดชำระค่าเช่า เพื่อให้เป็นไปตามหลักกฎหมาย
เช่าห้องแถวกันโดยชำระค่าเช่าเป็นรายเดือน ผู้ให้เช่าบอกเลิกการเช่ากับผู้เช่าในวันที่ 9 ของเดือน แล้วยื่นฟ้องขับไล่ผู้เช่าในวันที่ 22 ของเดือนถัดไปเช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าได้มีการบอกเลิกการเช่าล่วงหน้าชั่วกำหนดเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่งแล้ว