คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เลขวณิชธรรมวิทักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,237 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนลักษณะการยึดถือที่ดินต้องแจ้งเจ้าของ หากไม่แจ้งสิทธิครอบครองปรปักษ์เป็นโมฆะ
ผู้ครอบครองที่ดินโดยอาศัยอำนาจของเจ้าของที่ดินเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้จะต้องบอกกล่าวไปยังเจ้าของที่ดินทราบมิฉะนั้นจะอ้างว่าครอบครองโดยปรปักษ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงลักษณะการยึดถือที่ดิน: จำเป็นต้องแจ้งเจ้าของเดิม หากไม่แจ้งสิทธิปรปักษ์ไม่สมบูรณ์
ผู้ครอบครองที่ดินโดยอาศัยอำนาจของเจ้าของที่ดิน จะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้ จะต้องบอกกล่าวไปยังเจ้าของที่ดินทราบ มิฉะนั้นจะอ้างว่าครอบครองโดยปรปักษ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตำรวจสมคบร่วมกระทำผิดเอง ไม่ผิดฐานใช้อำนาจในทางทุจริตตาม ม.142
แม้จำเลยเป็นตำรวจมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายก็ตาม ก็ลงโทษจำเลยฐานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 142 ไม่ได้ ในเมื่อจำเลยสมคบกับพวกพยายามลักทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์เสียเอง จึงมิได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือจำเลยอื่นกระทำผิดหรือช่วยเหลือให้พ้นอาญา
บทบัญญัติตามก.ม.ลักษณะอาญา ม.142 เป็นกรณีเจ้าพนักงานช่วยเหลือผู้กระทำผิดมิให้ต้องรับอาญา มิใช่เอาผิดแก่เจ้าพนักงานผู้กระทำผิดเสียเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานกระทำผิดเอง ไม่สามารถลงโทษฐานช่วยเหลือผู้อื่นกระทำผิดได้
แม้จำเลยเป็นตำรวจมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายก็ตามก็ลงโทษจำเลยฐานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 142 ไม่ได้ ในเมื่อจำเลยสมคบกับพวกพยายามลักทรัพย์ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์เสียเอง จึงมิได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือจำเลยอื่นกระทำผิดหรือช่วยเหลือให้พ้นอาญา
บทบัญญัติตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา142 เป็นกรณีเจ้าพนักงานช่วยเหลือผู้กระทำผิดมิให้ต้องรับอาญามิใช่เอาผิดแก่เจ้าพนักงานผู้กระทำผิดเสียเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลือกตั้งที่มีการระงับการลงคะแนนในหน่วยเลือกตั้งเดียว ศาลฎีกาพิจารณาเหตุผลความชอบธรรมในการไม่ให้มีการเลือกตั้งใหม่
การเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดมหาสารคามเป็นไปโดยมิชอบเพราะหน่วยเลือกตั้งที่ 4 ไม่เปิดการเลือกตั้งให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนแต่ปรากฏว่าหน่วยเลือกตั้งทั้งหมดในจังหวัดนั้นมี 186 หน่วยใน 186 หน่วยนี้ 185 หน่วยการเลือกตั้งเป็นไปโดยถูกต้อง แต่มีหน่วยเลือกตั้งอยู่ 1 หน่วยคือหน่วยเลือกตั้งที่ 4 ดังกล่าวข้างต้นไม่เปิดการเลือกตั้งให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนเนื่องจากเจ้าพนักงานผู้ได้รับการแต่งตั้งให้มีหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งรับเครื่องหมายประจำตัวผู้สมัครไปแล้ว ครั้นจวนเวลาเปิดการลงคะแนนตรวจดูปรากฏว่าเครื่องหมายประจำตัวผู้สมัครเลข 6 ถึง10 มีอยู่เพียงแผ่นเดียวเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งได้พยายามพอสมควรแล้วที่จะให้ได้เครื่องหมายดังกล่าวมาเพื่อเปิดการลงคะแนนเลือกตั้งแต่ก็ได้มาเมื่อจวนหมดเวลาลงคะแนนเลือกตั้งแล้ว จึงไม่ยอมเปิดการลงคะแนนเลือกตั้งทั้งไม่ปรากฏว่าได้มีการทุจริตจงใจจะไม่เปิดการลงคะแนนเลือกตั้งอย่างใด และฝ่ายผู้ร้องก็มิได้นำสืบแสดงให้เห็นได้ว่าหากมีการลงคะแนนเลือกตั้งในหน่วยที่เจ้าพนักงานไม่เปิดการลงคะแนนเลือกตั้งดังกล่าวนั้นแล้วผู้ร้องจะได้รับคะแนนนิยมเท่าหรือเหนือกว่าผู้ที่ได้รับเลือกตั้งได้โดยพฤติการณ์ทั่วๆ ไป ประกอบด้วยเหตุผลที่ปรากฏในคดียังไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งแห่งหนึ่งไม่เปิดทำการ แต่ไม่มีเหตุอันสมควรให้มีการเลือกตั้งใหม่
การเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจังหวัดมหาสารคามเป็นไปโดยมิชอบเพราะหน่วยเลือกตั้งที่ 4 ไม่เปิดการเลือกตั้งให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนน แต่ปรากฎว่าหน่วยเลือกตั้งทั้งหมดในจังหวัดนั้นมี 186 หน่วยใน 186หน่วยนี้ 185 หน่วยการเลือกตั้งเป็นไปโดยถูกต้อง แต่มีหน่วยเลือกตั้งอยู่ 1 หน่วยคือหน่วยเลือกตั้งที่ 4 ดังกล่าวข้างต้นไม่เปิดการเลือกตั้งให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนน เนื่องจากเจ้าพนักงานผู้ได้รับการแต่งตั้งให้มีหน้าที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งรับเครื่องหมายประจำตัวผู้สมัครไปแล้ว ครั้นจวนเวลาเปิดการลงคะแนนตรวจดูปรากฎว่า เครื่องหมายประจำตัวผู้สมัครเลข 6 ถึง 10มีอยู่เพียงแผ่นเดียว เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งได้พยายามพอสมควรแล้วที่จะให้ได้เครื่องหมายดังกล่าวมาเพื่อเปิดการลงคะแนนเลือกตั้ง แต่ก็ได้มาเมื่อจวนหมดเวลาลงคะแนนเลือกตั้งแล้ว จึงไม่ยอมเปิดการลงคะแนนเลือกตั้ง ทั้งไม่ปรากฎว่าได้มีการทุจริตจงใจจะไม่เปิดการลงคะแนนเลือกตั้งอย่างใด และฝ่ายผู้ร้องก็มิได้นำสืบแสดงให้เห็นได้ว่า หากมีการลงคะแนนเลือกตั้งในหน่วยที่เจ้าพนักงานไม่เปิดการลงคะแนนเลือกตั้งดังกล่าวนั้นแล้ว ผู้ร้องจะได้รับคะแนนนิยมเท่าหรือเหนือกว่าผู้ที่ได้รับเลือกตั้งได้โดยพฤติการณ์ทั่ว ๆ ไป ประกอบด้วยเหตุผลที่ปรากฎในคดี ยังไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของพ.ร.บ.ล้างมลทินต่อการกักกันและการเพิ่มโทษของผู้กระทำผิดซ้ำ
ระหว่างฎีกามีพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสครบ 25 พุทธศตวรรษ2499 ออกใช้โทษที่จำเลยเคยรับมาก่อนเป็นอันไม่มีจึงกักกันจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงโทษกักกันหลังคำพิพากษาถึงที่สุด โดยอาศัยกฎหมายที่บัญญัติขึ้นใหม่ที่เป็นคุณแก่จำเลย
การที่จะรื้อฟื้นเอาคำพิพากษาในคดีอาญาถึงที่สุดแล้วมาเปลี่ยนแปลงได้ จะต้องอาศัยอำนาจตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง และมาตรา 3
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 12 ถึง 16 ได้บัญญัติเรื่องวิธีการเพื่อความปลอดภัยไว้และได้มี มาตรา41 บัญญัติถึงเงื่อนไขในการที่จะกักกันไว้ด้วยซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงไปจากที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติกักกันฯ พ.ศ.2479 มาตรา8,9. ต้องนำบทบัญญัติ มาตรา 41 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ที่บัญญัติภายหลังเป็นคุณแก่จำเลยมาใช้บังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงโทษกักกันหลังคดีอาญาถึงที่สุด โดยอาศัยบทบัญญัติกฎหมายที่บัญญัติขึ้นใหม่ที่เป็นคุณแก่จำเลย
การที่จะรื้อฟื้นเอาคำพิพากษาในคดีอาญาถึงที่สุดแล้ว มาเปลี่ยนแปลงได้ จะต้องอาศัยอำนาจตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2 วรรค 2 และมาตรา 3
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 12 ถึง 16 ได้บัญญัติเรื่องวิธีการเพื่อความปลอดภัยไว้และได้มี ม.41 บัญญัติถึงเงื่อนไขในการที่จะกักกันไว้ด้วย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงไปจากที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.กักกันฯ พ.ศ.2479 ม.8,9 ต้องนำบทบัญญัติม.41 แห่งประมวลกฎหมายอาญาที่บัญญัติภายหลังเป็นคุณแก่จำเลยมาใช้บังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลูกสร้างอาคารชิดเขตที่ดินของผู้อื่น แม้ผิดเทศบัญญัติ แต่หากไม่ละเมิดสิทธิ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยปลูกตึกแถวชิดตึกแถวของโจทก์โดยได้รับอนุญาตจากเทศบาล แม้จะเป็นการผิดเทศบัญญัติ แต่ถ้ามิได้ละเมิดสิทธิของโจทก์แล้วโจทก์ก็ไม่มีสิทธิมาฟ้องขอให้รื้อถอน
of 324