คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เลขวณิชธรรมวิทักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,237 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมโนสาเร่ ศาลอุทธรณ์ต้องยึดข้อเท็จจริงเดิมของศาลชั้นต้น หากไม่ยกเหตุว่าข้อเท็จจริงเดิมผิดกฎหมาย
คดีมโนสาเร่ซึ่งคู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลอุทธรณ์ต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ฉะนั้นถ้าศาลอุทธรณ์กลับไปถือเอาข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยไว้โดยศาลอุทธรณ์มิได้ยกเหตุว่าการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นผิดต่อ กฎหมายอย่างใดแล้ว และเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่เป็นการผิดต่อ กฎหมาย ศาลฎีกาก็จำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายมาสู่ศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมโนสาเร่: ศาลต้องยึดข้อเท็จจริงชั้นต้น หากศาลอุทธรณ์มิได้พิสูจน์ว่าผิดกฎหมาย
คดีมโนสาเร่ซึ่งคู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลอุทธรณ์ต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ฉะนั้นถ้าศาลอุทธรณ์กลับไปถือเอาข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยไว้โดยศาลอุทธรณ์มิได้ยกเหตุว่าการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นผิดต่อ กฎหมายอย่างใดแล้ว และเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่เป็นการผิดต่อ กฎหมาย ศาลฎีกาก็จำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายมาสู่ศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมโนสาเร่ ศาลฎีกาต้องยึดข้อเท็จจริงเดิมของศาลชั้นต้น หากศาลอุทธรณ์ไม่ได้โต้แย้ง
คดีมโนสาเร่ซึ่งคู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อก.ม.นั้น ศาลอุทธรณ์ต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ฉนั้นถ้าศาลอุทธรณ์กลับไปถือเอาข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยไว้โดยศาลอุทธรณ์มิได้ยกเหตุว่าการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นผิดต่อก.ม.อย่างใดแล้ว และเมื่อปรากฎว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่เป็นการผิดต่อ ก.ม.ศาลฎีกาก็จำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาในการวินิจฉัยปัญหาข้อ ก.ม.ที่มาสู่ศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้เงินเจ้าพนักงานเพื่อช่วยเหลือให้ได้ทรัพย์คืนจากการยึด เป็นการมีเจตนาผิดกฎหมาย ทำให้ขาดอำนาจฟ้องฐานฉ้อโกง
การที่โจทก์ให้เงินแก่จำเลยผู้เป็นเจ้าพนักงานเพื่อจัดการให้คืนไม้ของกลางซึ่งถูกยึดไปนั้นย่อมมีวัตถุประสงค์ผิด ก.ม.ไม่สุจริตฉนั้นจะถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายโดยชอบด้วย ก.ม.หาได้ไม่ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหรือร้องทุกข์ในฐานฉ้อโกงนี้
อ้างฎีกาที่ 771/2453

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้เงินเจ้าพนักงานเพื่อช่วยเหลือทางกฎหมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ขาดอำนาจฟ้องฐานฉ้อโกง
การที่โจทก์ให้เงินแก่จำเลยผู้เป็นเจ้าพนักงานเพื่อจัดการให้คืนไม้ของกลางซึ่งถูกยึดไปนั้น ย่อมมีวัตถุประสงค์ผิด กฎหมายไม่สุจริต ฉะนั้นจะถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายโดยชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหรือร้องทุกข์ในฐานฉ้อโกงนี้ (อ้างฎีกาที่771/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้เงินเจ้าพนักงานเพื่อจัดการคืนของกลางที่ถูกยึด ถือเป็นวัตถุประสงค์ผิดกฎหมาย ทำให้ไม่เป็นผู้เสียหายชอบด้วยกฎหมาย
การที่โจทก์ให้เงินแก่จำเลยผู้เป็นเจ้าพนักงานเพื่อจัดการให้คืนไม้ของกลางซึ่งถูกยึดไปนั้น ย่อมมีวัตถุประสงค์ผิด กฎหมายไม่สุจริต ฉะนั้นจะถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายโดยชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหรือร้องทุกข์ในฐานฉ้อโกงนี้ (อ้างฎีกาที่771/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีละเมิด แม้ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สิน หากได้รับความเสียหายเป็นพิเศษจากการกระทำละเมิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยกคันนากั้นน้ำในลำห้วยสาธารณะเป็นเหตุให้น้ำท่วมต้นข้าวโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและทำลายคันนา
ดังนี้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องให้จำเลยรับผิดเพื่อการละเมิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 แม้นาที่โจทก์ปลูกข้าวจะไม่ใช่ของโจทก์ก็ดี โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องได้และในเรื่องห้วยสาธารณะก็เช่นเดียวกันเมื่อโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษเนื่องจากการกระทำของจำเลย โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีละเมิดของผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิด แม้ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินที่เสียหาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยกคันนากั้นน้ำในลำห้วยสาธารณะเป็นเหตุให้น้ำท่วมต้นข้าวโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและทำลายคันนา
ดังนี้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องให้จำเลยรับผิดเพื่อการละเมิดตาม ป.พ.พ.ม. 420 แม่น้ำที่โจทก์ปลูกข้าวจะไม่ใช่ของโจทก์ก็ดี โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องได้และในเรื่องห้วยสาธารณะก็เช่นเดียวกันเมื่อโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษเนื่องจากการกระทำของจำเลย โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องละเมิดของผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิด แม้ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยกคันนากั้นน้ำในลำห้วยสาธารณะเป็นเหตุให้น้ำท่วมต้นข้าวโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและทำลายคันนา
ดังนี้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องให้จำเลยรับผิดเพื่อการละเมิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 แม้นาที่โจทก์ปลูกข้าวจะไม่ใช่ของโจทก์ก็ดี โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องได้และในเรื่องห้วยสาธารณะก็เช่นเดียวกันเมื่อโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษเนื่องจากการกระทำของจำเลย โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมแก้ไขตกเติม & การสืบพยาน: โจทก์ต้องตั้งประเด็นเรื่องพินัยกรรมปลอมตั้งแต่แรก
ข้อขูดลบแก้ไขตกเติมในพินัยกรรมโดยมิได้ปฏิบัติตามแบบอย่างเดียวกับการทำพินัยกรรมตามความใน มาตรา 1656 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ วรรคสองนั้น ย่อมไม่สมบูรณ์เฉพาะส่วนที่ทำไม่ถูกต้องนั้นเท่านั้น หาทำให้พินัยกรรมที่สมบูรณ์พลอยเสียไปด้วยไม่
เมื่อคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยมีประเด็นโต้เถียงกันในข้อไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ทำพินัยกรรมด้วย ดังนี้ตามปกติโจทก์ย่อมนำพยานเข้าสืบแสดงให้เห็นว่าผู้ทำพินัยกรรมมิได้ลงลายพิมพ์นิ้วมือต่อหน้าพยานผู้นั่งพินัยกรรมได้ แต่เมื่อโจทก์กลับจะขอสืบว่าลายพิมพ์นิ้วมือนั้นจะใช่ของผู้ทำพินัยกรรมหรือไม่ก่อนและจะขอสืบในประเด็นข้อนี้เพียงข้อเดียวเท่านั้น(รายงานพิจารณา 1 พ.ค. 96) ดังนี้ก็เป็นอันว่าโจทก์ไม่ติดใจขอสืบพยานในประเด็นที่ว่าผู้ทำพินัยกรรมจะได้พิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าผู้นั่งพินัยกรรมหรือไม่ แต่จะขอสืบว่าลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมมิใช่ของผู้ทำพินัยกรรมซึ่งโจทก์มิได้ตั้งประเด็นไว้ในฟ้องเลยเช่นนี้โจทก์สืบไม่ได้ ฎีกาที่ 1572/2492 ฎีกาที่ 982/2496
of 324