คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เลขวณิชธรรมวิทักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,237 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างอาคารชิดที่ดินอื่น แม้ผิดเทศบัญญัติ แต่ถ้าไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยปลูกตึกแถวชิดตึกแถวของโจทก์โดยได้รับอนุญาตจากเทศบาล แม้จะเป็นการผิดเทศบัญญัติ แต่ถ้ามิได้ละเมิดสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิมาฟ้องขอให้รื้อถอน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1891/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พ.ร.บ.ล้างมลทิน 2499: ผลต่อการเพิ่มโทษผู้เคยต้องโทษจำคุก และการนำโทษที่รอการลงโทษมารวม
จำเลยที่ต้องคำพิพากษาให้เพิ่มโทษมาตั้งแต่ยังไม่มี พ.ร.บ. ล้างมลทิน 2499 นั้น ต่อมามี พ.ร.บ.ล้างมลทิน 2499 จำเลยที่ฎีกา แม้จะไม่ได้ฎีกาในข้อนี้ ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยไม่เพิ่มโทษจำเลยนั้นได้
พ.ร.บ.ล้างมลทิน 2499 ม.3 ย่อมไม่มีความหมายกินถึงผู้ที่รอการลงโทษไว้ตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.41 และประมวลกฎหมายอาญา ม.56 .

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1891/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พระราชบัญญัติล้างมลทิน 2499: ผลกระทบต่อการเพิ่มโทษผู้ต้องโทษซ้ำ
จำเลยที่ต้องคำพิพากษาให้เพิ่มโทษมาตั้งแต่ยังไม่มีพระราชบัญญัติล้างมลทิน 2499 นั้น ต่อมามีพระราชบัญญัติล้างมลทิน2499 จำเลยที่ฎีกา แม้จะไม่ได้ฎีกาในข้อนี้ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยไม่เพิ่มโทษจำเลยนั้นได้
พระราชบัญญัติล้างมลทิน 2499 มาตรา 3 ย่อมไม่มีความหมายกินถึงผู้ที่รอการลงโทษไว้ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 41 และ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1829/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกใบแทนใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยไม่มีเอกสารต้นฉบับจริง ถือเป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารและสมรู้ร่วมคิด
เสมียนตรวจคนเข้าเมืองประจำอำเภอซึ่งมีหน้าที่ทำใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และปลัดอำเภอซึ่งมีหน้าที่เซ็นใบสำคัญ ได้จัดทำใบแทนใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวออกให้ไปโดยรู้อยู่ว่าไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตัวจริง ย่อมเป็นการปลอมหนังสือตาม มาตรา 230
จำเลยผู้เป็นคนต่างด้าวแต่ไม่มีใบสำคัญประจำตัวอยู่ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ออกใบแทนใบสำคัญ เพื่อที่จะให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในการทำใบสำคัญจัดทำใบแทนใบสำคัญให้โดยรู้อยู่ว่าใบสำคัญตัวจริงไม่มีอยู่ ดังนี้ นับว่าเป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งจัดทำใบแทนใบสำคัญให้โดยรู้อยู่ว่าไม่มีใบสำคัญตัวจริงจัดว่าเป็นการสมรู้ด้วยการกระทำของเจ้าหน้าที่ผู้จัดออกใบแทนใบสำคัญดังกล่าวแล้วด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำและฟ้องเคลือบคลุม: สัญญาทางทนายและอำนาจจำหน่ายสิทธิ
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่าจำเลยรบกวนสิทธิ ละเมิดสิทธิ ขอให้ห้ามมิให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้องหรือขัดขวางในการที่โจทก์จะครอบครองทรัพย์ แต่คดีหลังโจทก์ฟ้องเรื่องผิดสัญญาและเรียกค่าเสียหายตามสัญญาที่ทำกันไว้ เกี่ยวกับทรัพย์รายเดียวกันนั้น ไม่เกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดไว้ในคดีก่อน กรณีไม่ต้องด้วย ม.144 ป.วิ.แพ่ง ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ในคดีหลังโจทก์กล่าวฟ้องว่านางอ่าง(ซึ่งเป็นตัวความในคดีก่อน)เป็นผู้ทำสัญญากับโจทก์ โดยโจทก์ไม่บรรยายฟ้องว่า ในคดีก่อนนายสว่างเป็นทนายแก้ต่างนางอ่างและได้ทำสัญญาแทนนางอ่าง แต่ปรากฏตามใบแต่งทนายที่นางอ่างได้แต่งให้นายสว่างเป็นทนายว่าความแทนในคดีก่อน ให้อำนาจแก่นายสว่างทนายที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาแทนในทางจำหน่ายสิทธิได้ด้วยตาม ป.วิ.แพ่ง ม. 62 เมื่อเป็นเช่นนี้นายสว่างจึงมีอำนาจทำความตกลงยอมใช้ค่าเสียหายแทนนางอ่างได้เสมือนว่า นางอ่างเป็นผู้ตกลงเอง โจทก์ไม่จำเป็นที่จะต้องบรรยายความข้อนี้ลงในฟ้องให้ยืดยาว ฟ้องเช่นนี้ไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำและการบรรยายฟ้อง: อำนาจทนายทำสัญญาแทน, สัญญาที่แตกต่างจากละเมิด
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่า จำเลยรบกวนสิทธิ ละเมิดสิทธิ ขอให้ห้ามมิให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้องหรือขัดขวางในการที่โจทก์จะครอบครองทรัพย์ แต่คดีหลังโจทก์ฟ้องเรื่องผิดสัญญาและเรียกค่าเสียหายตามสัญญาที่ทำกันไว้เกี่ยวกับทรัพย์รายเดียวกันนั้น ไม่เกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดไว้ในคดีก่อน กรณีไม่ต้องด้วย มาตรา 144 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ในคดีหลังโจทก์กล่าวฟ้องว่านางอ่าง (ซึ่งเป็นตัวความในคดีก่อน) เป็นผู้ทำสัญญากับโจทก์ โดยโจทก์ไม่บรรยายฟ้องว่า ในคดีก่อนนายสว่างเป็นทนายแก้ต่างนางอ่างและได้ทำสัญญาแทนนางอ่าง แต่ปรากฏตามใบแต่งทนายที่นางอ่างได้แต่งให้นายสว่างเป็นทนายว่าความแทนในคดีก่อน ให้อำนาจแก่นายสว่างทนายที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาแทนในทางจำหน่ายสิทธิได้ด้วยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62 เมื่อเป็นเช่นนี้นายสว่างจึงมีอำนาจทำความตกลงยอมใช้ค่าเสียหายแทนนางอ่างได้เสมือนว่านางอ่างเป็นผู้ตกลงเอง โจทก์ไม่จำเป็นที่จะต้องบรรยายความข้อนี้ลงในฟ้องให้ยืดยาว ฟ้องเช่นนี้ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794-1795/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความละเมิด: เริ่มนับเมื่อรู้ผู้รับผิด และการยกประเด็นใหม่ในชั้นฎีกา
การนับอายุความ 1 ปี เรื่องละเมิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ต้องเริ่มนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ว่าใครควรรับผิดอย่างใด เมื่อมาฟ้องคดีเกินกว่าหนึ่งปี นับแต่ได้ทราบเรื่อง ก็ขาดอายุความ (ฎีกา 243/2497)
เมื่อโจทก์จำเลยกะประเด็นกันมาแต่ศาลชั้นต้นว่ามีประเด็นข้อสืบเป็นเรื่องละเมิดแล้ว ในชั้นฎีกาจะโต้เถียงว่าควรปรับอายุความเข้าตามบทมาตรา 164,165 ย่อมเป็นการแปรเรื่องเป็นอื่นซึ่งไม่ตรงกับคดี และจะโต้เถียงว่า หากจะมิใช่เป็นความผิดเรื่องละเมิดก็ต้องรับผิดในฐานเป็นตัวแทนผู้เสียหายด้วย ดังนี้เป็นเรื่องยกประเด็นขึ้นมาใหม่ มิใช่ข้อที่ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794-1795/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความละเมิด: เริ่มนับแต่วันที่รู้ตัวผู้ละเมิด & ห้ามเปลี่ยนประเด็นใหม่ในชั้นฎีกา
การนับอายุความ 1 ปี เรื่องละเมิดตาม ป.พ.พ.มาตรา 448 ต้องเริ่มนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ว่าใครควรรับผิดอย่างใด เมื่อมาฟ้องคดีเกินกว่าหนึ่งปี นับแต่ได้ทราบเรื่อง ก็ขาดอายุความ (ฎีกา 243/2497)
เมื่อโจทก์จำเลยกะประเด็นมาแต่ศาลขั้นต้นว่ามีประเด็นข้อสืบเป็นเรื่องละเมิดแล้ว ในชั้นฎีกาจะโต้เถียงว่าควรปรับอายุความเข้าตามบทมาตรา 164,165 ย่อมเป็นการแปรเรื่องเป็นอื่นซึ่งไม่ตรงกับคดี และจะโต้เถียงว่า หากจะมิใช่เป็นความผิดเรื่องละเมิดก็ต้องรับผิดในฐานเป็นตัวแทนผู้เสียหายด้วย ดังนี้เป็นเรื่องยกประเด็นขึ้นมาใหม่ มิใช่ข้อที่ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1790/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทางจำยอมโดยการใช้ต่อเนื่องและจำเป็น: สิทธิในการใช้ทางแม้เจ้าของที่ดินคัดค้าน
ข้อเท็จจริงฟังว่าโจทก์และบุคคลอื่นรวมประมาณ 40 คน อาศัยทางพิพาทเดินจากที่อาศัยซึ่งอยู่ด้านในออกไปสู่ซอยมิตรคามซึ่งเป็นทางสาธารณะมาประมาณ 40 ปี โดยไม่มีทางอื่น เช่นนี้ ถือว่าทางพิพาทเป็นภาระจำยอม เช่นนี้โจทก์ไม่จำต้องชดใช้ค่าใช้ทางเดินตามประมวลแพ่งฯ มาตรา 1349 ให้แก่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1790/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมโดยการใช้ทางต่อเนื่อง 40 ปี และสิทธิในการใช้ทางเมื่อไม่มีทางอื่น
ข้อเท็จจริงฟังว่าโจทก์และบุคคลอื่นรวมประมาณ 40 คนอาศัยทางพิพาทเดินจากที่อาศัยซึ่งอยู่ด้านในออกไปสู่ซอยมิตรคามซึ่งเป็นทางสาธารณะมาประมาณ 40 ปี โดยไม่มีทางอื่น เช่นนี้ ถือว่าทางพิพาทเป็นที่มีภาระจำยอมเช่นนี้โจทก์ไม่จำต้องชดใช้ค่าใช้ทางเดินตามประมวลแพ่งฯ มาตรา 1349 ให้แก่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของ
of 324