พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,237 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1046/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิดจากผู้ไม่ร่วมกระทำผิดทางอาญา และอายุความจากความผิดอาญา
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในฐานะละเมิดจากผู้อื่น ซึ่งมิได้ร่วมในการกระทำผิดทางอาญาด้วยนั้น ต้องนับอายุความตาม ป.พ.พ.ม.448 วรรค 1 ( อ้างฎีกาที่ 383/2497 )
คดีแพ่งที่โจทก์ถอนฟ้องไปแล้วย่อมไม่เป็นเหตุให้อายุความสดุดหยุดลง
สิทธิของผู้เสียหายที่จะฟ้องคดีแพ่งเนื่องจากความผิดอาญาต่อจำเลยผู้กระทำผิดหลังจากเมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยจนคดีเด็ดขาดแล้ว ย่อมมีกำหนดอายุความตาม ป.พ.พ.ม.168
คดีแพ่งที่โจทก์ถอนฟ้องไปแล้วย่อมไม่เป็นเหตุให้อายุความสดุดหยุดลง
สิทธิของผู้เสียหายที่จะฟ้องคดีแพ่งเนื่องจากความผิดอาญาต่อจำเลยผู้กระทำผิดหลังจากเมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยจนคดีเด็ดขาดแล้ว ย่อมมีกำหนดอายุความตาม ป.พ.พ.ม.168
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1046/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิดจากผู้ไม่ร่วมกระทำผิดทางอาญา และผลของการถอนฟ้องคดีแพ่ง
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในฐานละเมิดจากผู้อื่น ซึ่งมิได้ร่วมในการกระทำผิดทางอาญาด้วยนั้น ต้องนับอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคหนึ่ง (อ้างฎีกาที่ 383/2497)
คดีแพ่งที่โจทก์ถอนฟ้องไปแล้วย่อมไม่เป็นเหตุให้อายุความสดุดหยุดลง
สิทธิของผู้เสียหายที่จะฟ้องคดีแพ่งเนื่องจากความผิดอาญาต่อจำเลยผู้กระทำผิดหลังจากเมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยจนคดีเด็ดขาดแล้ว ย่อมมีกำหนดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 168
คดีแพ่งที่โจทก์ถอนฟ้องไปแล้วย่อมไม่เป็นเหตุให้อายุความสดุดหยุดลง
สิทธิของผู้เสียหายที่จะฟ้องคดีแพ่งเนื่องจากความผิดอาญาต่อจำเลยผู้กระทำผิดหลังจากเมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยจนคดีเด็ดขาดแล้ว ย่อมมีกำหนดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 168
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นเดียวกันห้ามยกขึ้นต่อสู้ซ้ำ และคำพิพากษาเกี่ยวกับฐานะบุคคลย่อมมีผลผูกพัน
โจทก์กับจำเลยที่ 2 เคยพิพาทกันเรื่องแบ่งทรัพย์สิน ศาลได้วินิจฉัยถึงประเด็นเรื่องการหย่าระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ในคดีนั้นแล้ว ครั้นต่อมาโจทก์ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนการสมรสระหว่างจำเลยที่ 1 และ 2 ในคดีหลังนี้จำเลยที่ 2 จะยกประเด็นเรื่องหย่าขึ้นต่อสู้โจทก์อีกไม่ได้ เพราะเป็นประเด็นเดียวกันและโจทก์กับจำเลยก็เป็นคู่ความเดียวกัน ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาในคดีก่อนเรื่องแบ่งทรัพย์สินที่วินิจฉัยชี้ประเด็นเรื่องหย่าไว้ด้วยนั้นเป็นคำพิพากษาเกี่ยวกับฐานะของบุคคลย่อมใช้ยันจำเลยที่ 1 ด้วยได้ จำเลยที่ 1จะขอสืบพยานในประเด็นเรื่องหย่าในคดีนี้อีกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2498)
คำพิพากษาในคดีก่อนเรื่องแบ่งทรัพย์สินที่วินิจฉัยชี้ประเด็นเรื่องหย่าไว้ด้วยนั้นเป็นคำพิพากษาเกี่ยวกับฐานะของบุคคลย่อมใช้ยันจำเลยที่ 1 ด้วยได้ จำเลยที่ 1จะขอสืบพยานในประเด็นเรื่องหย่าในคดีนี้อีกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นซ้ำในคดีแพ่ง, ผลคำพิพากษาเกี่ยวกับฐานะบุคคลย่อมใช้ยันบุคคลภายนอก, การงดสืบพยานในประเด็นที่เคยวินิจฉัยแล้ว
โจทก์กับจำเลยที่ 2 โดยพิพาทกับเรื่องแบ่งทรัพย์สิน ศาลได้วินิจฉัยถึงประเด็นเรื่องการหย่าระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ในคดีนั้นแล้วครั้นต่อมาโจทก์ได้ฟ้อง่ขอให้เพิกถอนการสมรสระหว่างจำเลยที่ 1 และ 2 ในคดีหลังนี้จำเลยที่ 2 จะยกประเด็นเรื่องหย่าขึ้นต่อสู้โจทก์อีกไม่ได้เพราะเป็นประเด็นเดียวกันและโจทก์กับจำเลยก็เป็นคู่ความเดียวกัน ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.148
คำพิพากษาในคดีก่อนเรื่องแบ่งทรัพย์สินที่วินิจฉัยชี้ประเด็นเรื่องหย่าไว้ด้วยนั้นเป็นคำพิพากษาเกี่ยวกับฐานะของบุคคลย่อมใช้ยันจำเลยที่ 1 ด้วยได้ จำเลยที่ 1 จะขอสืบพะยานในประเด็นเรื่องหย่าในคดีนี้อีกไม่ได้ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.145 ( ป.ช.ญ.ครั้งที่ 1/2498 )
คำพิพากษาในคดีก่อนเรื่องแบ่งทรัพย์สินที่วินิจฉัยชี้ประเด็นเรื่องหย่าไว้ด้วยนั้นเป็นคำพิพากษาเกี่ยวกับฐานะของบุคคลย่อมใช้ยันจำเลยที่ 1 ด้วยได้ จำเลยที่ 1 จะขอสืบพะยานในประเด็นเรื่องหย่าในคดีนี้อีกไม่ได้ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.145 ( ป.ช.ญ.ครั้งที่ 1/2498 )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 994/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าพนักงานไปรษณีย์ต่อความเสียหายของสิ่งของที่ส่ง หากความเสียหายมิได้เกิดจากการกระทำของตน
ระเบียบการส่งและรับแสตมป์อากรและแสตมป์อากรรมหรสพระหว่างกรมสรรพากรกับกรมไปรษณีย์ มุ่งประสงค์มิให้หีบห่อศูนย์หาย ทั้งเป็นแต่เพียงข้อตกลงที่วางเป็นระเบียบขึ้นไว้ หาใช่กฎหมายไม่ เมื่อหีบห่อเรียบร้อยแต่แสตมป์อากรที่บรรจุอยู่ในหีบห่อศูนย์หายไปนั้น หาใช่ผลโดยตรงหรือเนื่องมาจาการที่จำเลยจ่ายแก่ผู้รับที่ไม่มีใบมอบอำนาจอันเป็นการผิดระเบียนไม่ ดังนี้แล้ว ความเสียหายนั้นก็มิได้เกิดจากการกระทำของจำเลย ๆ ไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 994/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าพนักงานไปรษณีย์ต่อการสูญหายของแสตมป์อากร: ระเบียบการส่งไม่ใช่กฎหมาย
ระเบียบการส่งและรับแสตมป์อากรและแสตมป์อากรมหรสพระหว่างกรมสรรพากรกับกรมไปรษณีย์ มุ่งประสงค์มิให้หีบห่อสูญหายทั้งเป็นแต่เพียงข้อตกลงที่วางเป็นระเบียบขึ้นไว้ หาใช่กฎหมายไม่เมื่อหีบห่อเรียบร้อยแต่แสตมป์อากรที่บรรจุอยู่ในหีบห่อสูญหายไปนั้น หาใช่ผลโดยตรงหรือเนื่องมาจากการที่จำเลยจ่ายแก่ผู้รับที่ไม่มีใบมอบอำนาจอันเป็นการผิดระเบียบไม่ ดังนี้แล้ว ความเสียหายนั้นก็มิได้เกิดจากการกระทำของจำเลย จำเลยไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายไม้เสา: การเกิดสัญญาจากเงินมัดจำและการรับชำระหนี้บางส่วน แม้มีปัญหาอำนาจกรรมการ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาซื้อขายไม้เสากับบริษัทโจทก์จำเลยตัดฟ้องว่ากรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์เซ็นชื่อในสัญญาซื้อขายโดยไม่มีอำนาจเป็นโมฆะ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทำสัญญาขายไม้กับบริษัทโจทก์และได้รับเงินมัดจำหรือชำระหนี้บางส่วนจากบริษัทโจทก์ไปแล้ว ก็ย่อมเกิดสัญญาระหว่างจำเลยกับบริษัทโจทก์ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ ฉะนั้นปัญหาว่ากรรมการผู้จัดการมีอำนาจเซ็นสัญญากับจำเลยหรือไม่ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเกิดสัญญาระหว่างบริษัทกับคู่สัญญา แม้มีข้อโต้แย้งเรื่องอำนาจกรรมการผู้จัดการ สัญญาบังคับคดีได้หากมีการวางมัดจำ
โจทย์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาซื้อขายไม้เสากับบริษัทโจทก์ จำเลยตัดฟ้องว่ากรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์เซ็นชื่อในสัญญาซื้อขายโดยไม่มีอำนาจเป็นโมฆะ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทำสัญญาขายไม้กับบริษัทโจทก์และได้รับเงินมัดจำหรือชำระหนี้บางส่วนจากบริษัทโจทก์ไปแล้ว ก็ย่อมเกิดสัญญารระหว่างจำเลยกับบริษัทโจทก์ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ ฉะนั้นปัญหาว่ากรรมการผู้จัดการมีอำนาจเซ็นสัญญากับจำเลยหรือไม่ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพาทเรื่องเขตที่ดิน การสืบพยานร่วมไม่สมบูรณ์โจทก์จึงต้องรับผิดชอบตามคำท้า
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่ดิน จำเลยปฏิเสธแล้วโจทก์จำเลยท้ากันว่า ขอให้สืบนายประสงค์ นายเมืองเจ้าพนักงานแผนที่ถ้าปรากฏว่ามีการย้ายหลักเขตเข้าไปในที่โจทก์แล้ว จำเลยยอมแพ้ถ้าไม่ได้ความว่ามีการย้ายหลักเขตโจทก์ยอมแพ้เมื่อพยานที่ท้ากันเบิกความไม่แน่นอน ฟังไม่ได้ว่ามีการย้าย ดังนี้โจทก์ก็ต้องแพ้ตามคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์การรุกล้ำที่ดิน: ข้อตกลงท้าสืบพยาน & ความไม่สมบูรณ์ของพยานหลักฐาน
โจทย์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่ดิน จำเลยปฏิเสธ แล้วโจทก์จำเลยท้ากันว่า ขอให้สืบนายประสงค์ นายเมืองเจ้าพนักงานแผนที่ ถ้าปรากฎว่ามีการย้ายหลักเขตเข้าไปในที่โจทก์แล้ว จำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่ได้ความว่ามีการย้ายหลักเขตโจทก์ยอมแพ้เมื่อพยาน+ท้ากันเบิกความไม่แน่นอน ฟังไม่ได้ว่ามีการย้ายดังนี้โจทก์ต้องแพ้ตามคำท้า