พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,237 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้เยาว์และการฎีกาเฉพาะประเด็นข้อเท็จจริง
ในคดีที่ผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องคดีเอง ฟ้องหาว่าจำเลยบังอาจฉุดคร่าห์อนาจาร ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 276 นั้น แม้จำเลยจะให้การตัดฟ้องไว้ว่าโจทก์มีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์แม้บิดาจะให้ความยินยอมแล้วก็ยังใช้ไม่ได้ บิดาจะต้องเป็นผู้ฟ้องแทนโจทก์จึงจะสมบูรณ์ก็ดีแต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยไม่เชื่อข้อเท็จจริง จำเลยจึงไม่ได้อุทธรณ์ คงมีแต่โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียว และเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลย จำเลยก็ฎีกาเพียงข้อเท็จจริงไม่ได้ยกข้อตัดฟ้องขึ้นฎีกาด้วย ดังนี้ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยข้อตัดฟ้องนั้นก็ได้คงวินิจฉัยเฉพาะข้อเท็จจริงที่ฎีกาขึ้นมาเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของคณะกรมการจังหวัดหลังพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 คณะกรมการจังหวัดหมดสภาพเป็นนิติบุคคลจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คณะกรมการจังหวัดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีภายหลังวันประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2495 ซึ่งตามพระราชบัญญัติดังกล่าวคณะกรมการจังหวัดไม่เป็นนิติบุคคลแล้ว ดังนี้คณะกรมการจังหวัดจึงไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ที่ดินมือเปล่า การซื้อขายที่ดิน และสิทธิการครอบครอง
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญ ซึ่งโจทก์ได้สิทธิครอบครองโดยซื้อมาจากผู้มีชื่อ และโจทก์ได้เข้าครอบครองในที่นั้นแล้ว จำเลยให้การว่าจำเลยได้เข้าไปบุกร้างถางป่า ตรงที่พิพาททำมรรคผล กับปลูกเรือนอยู่ และทำการล้อมรั้วเป็นเขตต์คันทั้ง 4 ด้าน มาจนบัดนี้เป็นเวลาประมาณ 30 ปีแล้วนั้นจะถือว่าคำให้การจำเลยเช่นนี้เป็นคำให้การที่ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนหาได้ไม่ เพราะมิได้แสดงไว้โดยชัดแจ้งในคำให้การจำเลย ตามนัยแห่ง ป.วิ.แพ่ง มาตรา 177 ฉะนั้นจึงต้องถือว่าที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า
ขายที่ดินมือเปล่าให้แก่เขาไปโดยรับเงินค่าที่ดินครบถ้วนแล้วและมอบที่ดินให้เขาครอบครองแล้วก็ย่อมถือได้ว่าผู้ขายเจตนาสละการครอบครอง และไม่ยึดถือที่ดินต่อไป
ขายที่ดินมือเปล่าให้แก่เขาไปโดยรับเงินค่าที่ดินครบถ้วนแล้วและมอบที่ดินให้เขาครอบครองแล้วก็ย่อมถือได้ว่าผู้ขายเจตนาสละการครอบครอง และไม่ยึดถือที่ดินต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ที่ดินมือเปล่าและการสละเจตนาครอบครอง
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญ ซึ่งโจทก์ได้สิทธิครอบครองโดยซื้อมาจากผู้มีชื่อ และโจทก์ได้เข้าครอบครองในที่นั้นแล้ว จำเลยให้การว่าจำเลยได้เข้าไปบุกร้างถางป่าตรงที่พิพาททำมรรคผล กับปลูกเรือนอยู่ และทำการล้อมรั้วเป็นเขตคันทั้ง 4 ด้าน มาจนบัดนี้เป็นเวลาประมาณ 30 ปีแล้วนั้น จะถือว่าคำให้การจำเลยเช่นนี้เป็นคำให้การที่ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนหาได้ไม่ เพราะมิได้แสดงไว้โดยชัดแจ้งในคำให้การจำเลยตามนัยแห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 ฉะนั้นจึงต้องถือว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า
ขายที่ดินมือเปล่าให้แก่เขาไปโดยรับเงินค่าที่ดินครบถ้วนแล้วและมอบที่ดินให้เขาครอบครองแล้วก็ย่อมถือได้ว่าผู้ขายเจตนาสละการครอบครอง และไม่ยึดถือที่ดินต่อไป
ขายที่ดินมือเปล่าให้แก่เขาไปโดยรับเงินค่าที่ดินครบถ้วนแล้วและมอบที่ดินให้เขาครอบครองแล้วก็ย่อมถือได้ว่าผู้ขายเจตนาสละการครอบครอง และไม่ยึดถือที่ดินต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการประทับฟ้องและการลงโทษตามบทแจ้งความเท็จ: มาตรา 118 และ 158
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 118,158,268,270 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งให้รับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานแจ้งความเท็จ ส่วนข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพให้ยกเสีย ดังนี้ย่อมรวมถึงให้รับฟ้องตามมาตรา 158 ที่โจทก์ขอมาในฟ้องด้วย เพราะมาตรา 158 ก็เป็นบทเรื่องแจ้งความเท็จหากพิเศษกว่ามาตรา 118 ขึ้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการรับฟ้องและลงโทษอาญา: การรับฟ้องตามมาตรา 118 รวมถึงมาตรา 158 และการลงโทษตามบทที่มีอัตราโทษหนัก
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จและทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118,158,268, 270 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งให้รับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานแจ้งความเท็จ ส่วนข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพให้ยกเสีย ดังนี้ย่อมรวมถึงให้รับฟ้องตามมาตรา 158 ที่โจทก์ขอมาในฟ้องด้วย เพราะมาตรา 158 ก็เป็นบทเรื่องแจ้งความเท็จหากพิเศษกว่ามาตรา118 ขึ้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194-1195/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับรองหลักทรัพย์ประกันตัว และการบังคับคดีเมื่อหลักทรัพย์ไม่เป็นความจริง
ศาลชั้นต้นให้ ด. รับรองว่านายประกันจำเลยมีทรัพย์จริงตามหลักทรัพย์ที่ยื่นต่อศาล ความรับผิดของ ด. มีอย่างไรศาลอาจชี้ขาดในคดีเดิมได้โดยไม่ต้องฟ้องใหม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ต่อเมื่อทรัพย์ของนายประกันไม่มีตามคำรับรองของ ด. จึงให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งในเรื่องความรับผิดของด.ต่อไป ดังนี้ยังไม่มีข้อใดเสียหายแก่ ด.ด. ฎีกาไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ต่อเมื่อทรัพย์ของนายประกันไม่มีตามคำรับรองของ ด. จึงให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งในเรื่องความรับผิดของด.ต่อไป ดังนี้ยังไม่มีข้อใดเสียหายแก่ ด.ด. ฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำกระเบื้องในเรือนจำโดยใช้แรงงานนักโทษเป็นการส่วนตัว ไม่ถือเป็นการยักยอกทรัพย์ของเรือนจำ
ผู้บัญชาการเรือนจำอนุญาตให้พัศดีทำกระเบื้องในเรือนจำโดยใช้แรงงานนักโทษ แต่พัศดีต้องยืมเงินผู้อื่นมาลงทุนทำเป็นส่วนตัว เป็นการที่พัศดีทำเป็นส่วนตัวไม่ใช่เป็นการงานของเรือนจำ พัศดีเอารายได้จากการขายกระเบื้องไว้เป็นส่วนตัว ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1168/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดจดบัญชีเท็จและฉ้อโกงหุ้นส่วน การรอการลงโทษเมื่อมีการประนีประนอม
ความผิดตาม มาตรา 344 ฐานจดบัญชีห้างหุ้นส่วนเท็จนั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนอาจเป็นโจทก์ฟ้องได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุก 1 ปี จำเลยฎีกาในข้อกฎหมาย ศาลฎีกาอาจพิพากษาให้รอการลงโทษได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุก 1 ปี จำเลยฎีกาในข้อกฎหมาย ศาลฎีกาอาจพิพากษาให้รอการลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1164/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในตัวเด็ก: กรณีพิพาทบุตรบุญธรรม vs. บุตรโดยกำเนิด
โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยมิให้มาเกี่ยวข้องกับบุตรบุญธรรมของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเด็กนั้นเป็นบุตรจำเลยจึงฟ้อง แย้งขอให้ศาลแสดงว่าเด็กนั้นเป็นบุตรของจำเลยให้โจทก์ส่งมอบเด็กนั้นแก่จำเลย ดังนี้ แม้ศษลชั้นต้นและศาล อุทธรณ์จะพิพากษาให้โจทก์ชนะต้องกัน จำเลยก็ยังมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้.