คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เลขวณิชธรรมวิทักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,237 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนสมรสกับผู้อื่นหลังมีภรรยาแล้ว และละทิ้งการเลี้ยงดู ถือเป็นเหตุให้ภรรยาเก่าฟ้องหย่าได้
ชายมีภรรยาอยู่แล้ว ยังไปมีภรรยาใหม่อีก แล้วพาภรรยาใหม่ไปจดทะเบียนสมรส และไม่ถือว่าภรรยาเก่าเป็นภรรยา ซึ่งแสดงว่าชายหมดอาลัยใยดีต่อภรรยาเก่าแล้ว ถือได้ว่า ชายกระทำเป็นปฏิปักษ์ต่อลักษณะการเป็นสามีภริยากับภรรยาเก่าอย่างร้ายแรง และชายยังมิได้ส่งเสียเลี้ยงดูภรรยาเก่าและบุตรตามคำสัญญาประนีประนอมเป็นเวลาปีเศษ โดยไม่มีเหตุจำเป็นอันใด ดังนี้ ภรรยเก่าฟ้องขอหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับชายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนของตำรวจสันติบาล - การรับฟังพยานหลักฐาน - การฎีกา
การที่ศาลชั้นต้นไม่รับฟังว่านายตำรวจสันติบาลผู้ทำการสอบสวนคดีหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจสอบสวน เนื่องจากโจทก์มีแต่คำนายตำรวจผู้สอบสวนคนเดียวมาเบิกความว่าตำรวจสันติบาลมีตำแหน่งหน้าที่สอบสวนคดีได้ทั่วราชอาณาจักร โดยมิได้อ้างเหตุว่าอาศัยบทกฎหมายข้อบังคับหลักฐานอันใดมาแสดง จึงรับฟังไม่ได้และพิพากษายกฟ้องนั้นเป็นการพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ย่อมฎีกาไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนของตำรวจสันติบาล: การพิพากษายกฟ้องเมื่อโจทก์มิได้แสดงหลักฐานทางกฎหมาย
การที่ศาลชั้นต้นไม่รับฟังว่านายตำรวจสันติบาลผู้ทำการสอบสวนคดีหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจสอบสวนเนื่องจากโจทก์มีแต่คำนายตำรวจผู้สอบสวนคดีเดียวมาเบิกความว่า ตำรวจสันติบาลมีตำแหน่งหน้าที่สอบสวนคดีได้ทั้วราชอาณาจักร โดยมิได้อ้างเหตุว่าอาศัยบทกฎหมายข้อบังคับหลักฐานอันใดมาแสดง จึงรับฟังไม่ได้และพิพากษายกฟ้องนั้นเป็นการพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน โจทก์ย่อมฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายข้าวเปลือกด้วยปากเปล่ามีผลผูกพันเมื่อมีการส่งมอบข้าว
ซื้อขายข้าวเปลือกราคากว่า 500 บาทกันด้วยปากเปล่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ และไม่ได้วางมัดจำกัน แต่ผู้ซื้อได้รับมอบข้าวที่ซื้อขายกันไปแล้วดังนี้ สัญญาซื้อขายย่อมบังคับกันได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายข้าวเปลือกปากเปล่ามีผลผูกพันเมื่อมีการส่งมอบข้าวแล้ว
ซื้อขายข้าวเปลือกราคากว่า 500 บาท กันด้วยปากเปล่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือและไม่ได้วางมัดจำกัน แต่ผู้ซื้อได้รับมอบข้าวที่ซื้อขายไปแล้ว ดังนี้ สัญญาซื้อขายย่อมบังคับได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดฐานวางเพลิง: การกระทำโดยประมาทไม่ถึงขั้นลงโทษ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานวางเพลิงโดยเจตนาแต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้เพลิงไหม้สวนยางของโจทก์ ดังนี้จะลงโทษจำเลยฐานประมาทไม่ได้ ต้องพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาต้องสอดคล้องกับพฤติการณ์ที่พิสูจน์ได้ ศาลไม่สามารถลงโทษฐานอื่นนอกเหนือจากที่โจทก์ฟ้องและพยานหลักฐานสนับสนุน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานวางเพลิงโดยเจตนา แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้เพลิงไหม้สวนยางของโจทก์ ดังนี้จะลงโทษจำเลยฐานประมาทไม่ได้ ต้องพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 493/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องไม่ชัดเจน: ประเด็นขัดแย้งเรื่องพินัยกรรม ทำให้ฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์กล่าวในฟ้องตอนแรกว่า ผู้ตายมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้ผู้ใดเลย ขอให้ศาลสั่งทำลายพินัยกรรมที่จำเลยนำออกแสดงนั้นเสียแล้วภายหลังร้องเพิ่มเติมฟ้องอีกว่าถึงแม้ผู้ตายจะได้ทำพินัยกรรมไว้จริงก็เป็นโมฆะเพราะทำในขณะวิกลจริตและทำไม่ถูกตามแบบซึ่งกฎหมายบังคับไว้จึงเป็นฟ้องที่ตั้งประเด็นเป็น 2 นัยหรือ 2 อย่างไม่แน่นอนขัดแย้งกันเพราะจะเป็นไปไม่ได้ทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม(อ้างฎีกาที่ 51/2487)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 493/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม: การอ้างทั้งปฏิเสธการทำพินัยกรรมและอ้างโมฆะของพินัยกรรม
โจทก์กล่าวในฟ้องตอนแรกว่า ผู้ตายมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้ผู้ใดเลย ขอให้ศาลสั่งทำลายพินัยกรรมที่จำเลยนำออกแสดงนั้นเสีย แล้วภายหลังร้องเพิ่มเติมฟ้องอีกว่า ถึงแม้ผู้ตายจะได้ทำพินัยกรรมไว้จริง ก็เป็นโมฆะ เพราะทำในขณะวิกลจริต และทำไม่ถูกตามแบบซึ่งกฎหมายบังคับไว้ จึงเป็นฟ้องที่ตั้งประเด็นเป็น 2 นัยหรือ 2 อย่างไม่แน่นอนขัดแย้งกัน เพราะจะเป็นไปไม่ได้ทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งห้ามประกอบการค้าตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข: การวินิจฉัยข้อเท็จจริงและขอบเขตการฎีกา
พระราชบัญญัติสาธารณะสุขพ.ศ.2484 มาตรา 68 ให้ศาลมีอำนาจที่จะสั่งห้ามจำเลยมิให้ประกอบการค้านั้นต่อไป ซึ่งเป็นการให้อำนาจศาลใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยตามเหตุการณ์แห่งคดี ถือว่าเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม พระราชบัญญัติสาธารณะสุข พ.ศ.2484 มาตรา 7,8,68 ปรับ 100 บาท ส่วนคำขอให้ห้ามจำเลยประกอบการค้าทำเต้าหู้ต่อไปนั้น ไม่บังคับให้แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ห้ามจำเลยทำการค้าเต้าหู้ต่อไป ดังนี้ จำเลยจะฎีกาในข้อห้ามทำการค้าทำเต้าหู้ไม่ได้เพราะเป็นฎีกาข้อเท็จจริง
of 324