คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เลขวณิชธรรมวิทักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,237 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จ/แจ้งความเท็จ: การกล่าวอ้างวันผิดพลาดไม่ถือเป็นเจตนาทุจริต
จำเลยเบิกความเป็นพยานต่อศาลว่า โจทก์กล่าวคำหมิ่นประมาทผู้พิพากษา ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 5 แต่ปรากฎว่าวันที่ 5 นั้นศาลปิด หยุดราชการ ดังนี้ เมื่อคดีฟังได้ว่าโจทก์ได้กล่าวคำหมิ่นประมาทผู้พิพากษาให้จำเลยฟังจริง แต่เป็นวันอื่นไม่ใช่วันที่ 5 ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวอ้างวันผิดไป มิใช่มูลเหตุหรือสาระสำคัญแห่งเนื้อเรี่องที่จำเลยกล่าวนั้นเป็นเท็จ จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จหรือแจ้งความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองเหนือกว่าบันดาลโทสะ: การกระทำที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ผู้ตายกับจำเลยไปช่วยเขาไถนาด้วยกันเมื่อไถนาเสร็จแล้วมีการเลี้ยงสุราอาหารผู้ตายกินอิ่มแล้วเดินไปที่จำเลย ตีศีรษะจำเลย 2 ทีแล้ววิ่งหนี จำเลยวิ่งไล่ไปทันที่คูน้ำข้างถนน เข้าปล้ำกัน ปรากฏว่าผู้ตายมีบาดแผลถูกแทง 6 แห่ง เป็นบาดแผลสาหัส 2 แห่ง ผู้ตายขาดใจตายในวันนั้น ดังนี้ เป็นเรื่องจำเลยกระทำไปโดยบันดาลโทสะหาใช่เป็นเรื่องป้องกันไม่
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 จำคุก15 ปี ลดโทษตามมาตรา 59 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยบันดาลโทสะจึงลดโทษให้ตามมาตรา 55 อีกกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี ดังนี้จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบรรดาลโทสะ ไม่เป็นเหตุป้องกันตัว คดีทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
ผู้ตายกับจำเลยไปช่วยเขาไถนาด้วยกัน เมื่อไถนาเสร็จแล้วมีการเลี้ยงสุราอาหาร ผู้ตายกินอิ่มแล้วเดินไปที่จำเลย ตีศีร์ษะจำเลย 2 ทีแล้ววิ่งหนี จำเลยวิ่งไล่ไปทันที่คูน้ำข้างถนน เข้าปล้ำกัน ปรากฎว่าผู้ตายมีบาดแผลถูกแทง 6 แห่ง เป็นบาดแผลสาหัส 2 แห่ง ผู้ตายขาดใจตายในวันนั้น ดังนี้ เป็นเรื่องจำเลยกระทำไปโดยบรรดาลโทษะ หาใช่เป็นเรื่องป้องกันไม่
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 จำคุก 15 ปี ลดโทษ-ตามมาตรา 59 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยบรรดาลโทษะจึงลดโทษให้ตามมาตรา 55 อีกกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี ดังนี้จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อขายสวน: สิทธิในสัญญาเช่าระยะยาวเมื่อมีการเปลี่ยนเจ้าของ
ทำสัญญาเช่าสวนกันมีกำหนด 8 ปี 6 เดือน โดยทำเป็นหนังสือจดทะเบียนที่หอทะเบียนที่ดิน แล้วต่อมาได้ทำสัญญาเช่ากันอีก 1 ฉบับมีกำหนด 2 ปี นับตั้งแต่วันหมดกำหนดอายุสัญญาเช่าฉบับแรกแต่สัญญาฉบับที่ 2 นี้ทำกันที่อำเภอ ดังนี้สัญญาเช่าฉบับที่ 2 นี้มีผลว่าถ้าครบกำหนดสัญญาเช่าเดิม ผู้ให้เช่าจะให้เช่าต่อไปอีก 2 ปี ฉะนั้นถ้าผู้ให้เช่าขายกรรมสิทธิ์สวนนั้นไปเมื่อก่อนครบกำหนดอายุสัญญาเช่าฉบับแรก ผู้ให้เช่านั้นก็ไม่มีสิทธิที่จะให้เช่าตามสัญญาเช่าต่อ ที่ทำล่วงหน้าให้ไว้แล้วนั้นได้ต่อไป เพราะได้ขายกรรมสิทธิ์ไปเสียก่อนแล้วส่วนเจ้าของคนใหม่ก็ไม่มีภาระที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้าของเดิมทำล่วงหน้าไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าสองฉบับ ผลผูกพันเมื่อมีการขายทรัพย์สินเช่า การที่เจ้าของใหม่ไม่ต้องผูกพันตามสัญญาเดิม
ทำสัญญาเช่าสวนกันมีกำหนด 8 ปี 6 เดือน โดยทำเป็นหนังสือ จดทะเบียนที่หอทะเบียนที่ดิน แล้วต่อมาได้ทำสัญญาเช่ากันอีก 1 ฉะบับ มีกำหนด 2 ปี นับตั้งแต่วันหมดกำหนดอายุสัญญาเช่าฉะบับแรก แต่สัญญาฉะบับที่ 2 นี้ทำกันทีอำเภอ ดังนี้ สัญญาเช่าฉะบับที่ 2 นี้ มีผลว่าถ้าครบกำหนดสัญญาเช่าเดิม ผู้ให้เช่าจะให้เช่าต่อไปอีก 2 ปี ฉะนั้นถ้าผู้ให้เช่าขายกรรมสิทธสวนนั้นไปเมื่อก่อนครบกำหนดอายุสัญญาเช่าฉะบับแรก ผู้ให้เช่านั้นก็ไม่มีสิทธิที่จะให้เช่าตามสัญญาเช่าต่อ ที่ทำล่วงหน้าให้ไว้แล้วนั้นได้ต่อไป เพราะได้ขายกรรมสิทธิไปเสียก่อนแล้ว ส่วนเจ้าของคนใหม่ก็ไม่มีภาระที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้าของเดิมทำล่วงหน้าไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองที่ดิน: การพิสูจน์การยึดถือเพื่อทำต่างดอกเบี้ย และผลกระทบต่อการครอบครอง
ทำกรมธรรม์จำนองที่ดินมือเปล่า มีข้อสัญญาว่าจะไถ่ภายใน 3 ปีผู้รับจำนองยึดถือที่ดินที่จำนองมานาน 6 ปี ผู้จำนองจึงมาฟ้องขอไถ่โดยอ้างว่าที่ดินอยู่ในความครอบครองของผู้รับจำนองเพราะภายหลังการจำนอง ตนไม่สามารถส่งดอกเบี้ยได้ จึงมอบที่ดินที่จำนองให้ทำต่างดอกเบี้ย ฝ่ายผู้รับจำนองต่อสู้ว่า ผู้จำนองได้ตกลงในภายหลังมอบที่ที่จำนองเป็นสิทธิแก่ตนแทนต้นเงินจำนองและดอกเบี้ย กับขอเพิ่มเงินอีกจำนวนหนึ่งและตนได้ครอบครองที่นั้น ตั้งแต่นั้นตลอดมา ดังนี้ เป็นหน้าที่ผู้จำนอง โจทก์ต้องสืบให้ได้ความจริงก่อนว่าผู้รับจำนองยึดถือที่ดินไว้ทำต่างดอกเบี้ยจึงจะหักล้างข้อที่ผู้รับจำนองยึดถือครอบครองที่พิพาทเพื่อตนเองซึ่งกฎหมายรับสันนิษฐานไว้เสียได้ ถ้าโจทก์ไม่นำสืบหักล้างก็ไม่มีทางชนะคดีได้ (อ้างฎีกาที่ 420/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีอนาจาร: การระบุอายุผู้ถูกกระทำอนาจารในฟ้อง
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยกระทำอนาจารแก่หญิง โดยระบุชื่อและว่าเป็นนางสาว กับอ้าง ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 246 เป็นบทขอให้ลงโทษจำเลย ดังนี้ แม้ในฟ้องจะไม่ได้ระบุว่าจำเลยกระทำอนาจารแก่บุคคล ซึ่งมีอายุกว่า 13 ปีขึ้นไป ก็ตาม ก็ย่อมถือได้ว่า โจทก์ได้กล่าวในฟ้องชัดแจ้งว่า ผู้ถูกกระทำอนาจารมีอายุเป็นนางสาวแล้ว ทั้งยังขอให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่กระทำผิดต่อบุคคลอายุเกิน 13 ปีด้วย ฟ้องจึงสมบูรณ์ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีอนาจาร แม้ไม่ได้ระบุอายุผู้ถูกกระทำ
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำอนาจารแก่หญิง โดยระบุชื่อและว่าเป็นนางสาว กับอ้างกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 246 เป็นบทขอให้ลงโทษจำเลย ดังนี้ แม้ในฟ้องจะไม่ได้ระบุว่าจำเลยกระทำอนาจารแก่บุคคล ซึ่งมีอายุกว่า 13 ปีขึ้นไป ก็ตาม ก็ย่อมถือได้ว่า โจทก์ได้กล่าวในฟ้องชัดแจ้งว่า ผู้ถูกกระทำอนาจารมีอายุเป็นนางสาวแล้ว ทั้งยังขอให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่กระทำผิดต่อบุคคลอายุเกิน 13 ปีด้วย ฟ้องจึงสมบูรณ์ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1993/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทำนาหลังไถ่ถอนมรดก: สิทธิในมรดกยังคงอยู่
สามีของทายาทคนหนึ่งไถ่ถอนนามรดก ซึ่งยังมิได้แบ่งปันกันมาจากเจ้าหนี้ โดยตกลงกับทายาทอื่นว่า ตนต้องเข้าทำนาก่อน 3 ปี พ้น 3 ปีแล้วมีทายาทคนใดจะเข้าทำนา ต้องใช้เงินให้ตนจำนวนหนึ่ง ครั้นครบ 3 ปีแล้วทายาทอื่นต่างเอาเงินตามจำนวนที่ตกลงกันไว้มามอบให้สามีทายาทคนนั้น เพื่อจะเข้าทำนาตามที่ตกลงกัน แต่สามีของทายาทคนนั้นไม่ยอม ดังนี้ จะถือว่าการที่ทายาทอื่นยอมให้สามีของทายาทผู้ไถ่ถอนนา ครอบครองทำนาพิพาทนั้นทายาทอื่นได้สละสิทธิในการรับมรดกที่นาพิพาทไม่ได้ ทายาทอื่นยังคงมีสิทธิในที่นาพิพาทอยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1993/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองมรดกโดยทายาทอื่นและการสละสิทธิรับมรดก
สามีของทายาทคนหนึ่งไถ่ถอนนามรดก ซึ่งยังมิได้แบ่งปันกันมาจากเจ้าหนี้โดยตกลงกับทายาทอื่นว่า ตนต้องเข้าทำนาก่อน 3 ปี พ้น 3 ปีแล้วมีทายาทคนใดจะเข้าทำนา ต้องใช้เงินให้ตนจำนวนหนึ่ง ครั้นครบ 3 ปี แล้วทายาทอื่นต่างเอาเงินตามจำนวนที่ตกลงกันไว้มามอบให้สามีทายาทคนนั้น เพื่อจะเข้าทำนาตามที่ตกลงกัน แต่สามีของทายาทคนนั้น ไม่ยอมดังนี้ จะถือว่าการที่ทายาทอื่นยอมให้สามีของทายาทผู้ไถ่ถอนนา ครอบครองทำนาพิพาท นั้นทายาทอื่นได้สละสิทธิในการรับมรดกที่นาพิพาทไม่ได้ ทายาทอื่นยังคงมีสิทธิในที่นาพิพาทอยู่
of 324