คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เลขวณิชธรรมวิทักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,237 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของสามีในกรณีภรรยากู้เงินโดยไม่ได้รับความยินยอม: การคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินส่วนตัว
จำเลยถูกฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้สามีจำเลยขอเข้าเป็นจำเลยร่วมอ้างว่าเพื่อคุ้มครองสิทธิของตนโดยที่จำเลยทำนิติกรรมไปไม่ได้รับความยินยอมจากตนก่อนดังนี้ ศาลไม่อนุญาต เพราะถึงแม้ว่าโจทก์ชนะคดี ก็ยังไม่แน่ว่าโจทก์จะบังคับเอาจากทรัพย์ใดโจทก์อาจบังคับเอาจากทรัพย์สินส่วนตัวของจำเลยก็ได้เพราะฉะนั้นในชั้นนี้ จึงยังไม่จำเป็นที่ผู้ร้องสามีจำเลยจะต้องร้องขอความคุ้มครองสิทธิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าเป็นจำเลยร่วมเพื่อคุ้มครองสิทธิในกรณีสัญญากู้ที่สามีมิได้ยินยอม ศาลไม่อนุญาตหากยังไม่ถึงเวลาบังคับชำระหนี้
จำเลยถูกฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ สามีจำเลยขอเข้าเป็นจำเลยร่วมอ้างว่า เพื่อคุ้มครองสิทธิของตนโดยที่จำเลยทำนิติกรรมไปไม่ได้รับความยินยอมจากตนก่อน ดั่งนี้ ศาลไม่อนุญาต เพราะถึงแม้ว่าโจทก์ชนะคดี ก็ยังไม่แน่ว่าโจทก์จะบังคับเอาจากทรัพย์ใด โจทก์อาจบังคับเอาจากทรัพย์สินส่วนตัวของจำเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นในชั้นนี้ จึงยังไม่จำเป็นที่ผู้ร้องสามีจำเลยจะต้องร้องขอความคุ้มครองสิทธิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณาคดีแพ่ง: ผลกระทบต่อสิทธิการสืบพยาน และการพิจารณาคดีต่อไป
ศาลสั่งให้โจทก์นำสืบก่อน ในวันสืบพยาน จำเลยไม่มาศาลได้ชื่อว่าขาดนัดพิจารณา
จำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลสืบพยานโจทก์และนัดตัดสินแม้ศาลยังจะต้องเรียกสำนวนจากอีกศาลหนึ่งมาตามที่โจทก์อ้างก็ได้ชื่อว่าการพิจารณาเสร็จแล้ว ก่อนตัดสินจำเลยจะร้องขอสืบพยานจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคำให้การทั้งหมดและการยื่นคำให้การใหม่พ้นกำหนด: ศาลไม่อนุญาต
จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีแพ่งแล้ว ต่อมาขอยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมเสียทั้งหมด แล้วขอให้การใหม่ไม่เกี่ยวข้องกับคำให้การเดิมเลย ถ้าให้ถอนไปหมดเท่ากับคำให้การเดิมไม่มี ทั้งการยื่นคำให้การใหม่พ้นกำหนดเวลาแห่งกฎหมาย เช่นนี้ศาลไม่อนุญาตให้ ๆ การใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคำให้การทั้งหมดและการยื่นคำให้การใหม่พ้นกำหนดเวลา ศาลไม่อนุญาต
จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีแพ่งแล้ว ต่อมาขอยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมเสียทั้งหมดแล้วขอให้การใหม่ไม่เกี่ยวข้องกับคำให้การเดิมเลยถ้าถอนไปหมดเท่ากับคำให้การเดิมไม่มีทั้งการยื่นคำให้การใหม่พ้นกำหนดเวลาแห่งกฎหมายเช่นนี้ศาลไม่อนุญาตให้ให้การใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเป็นจำเลยร่วมในคดีกู้ยืมเงิน: สิทธิของสามีเมื่อภรรยาทำสัญญาโดยไม่ได้รับความยินยอม
ในคดีที่โจทก์ฟ้องหญิงมีสามีเป็นจำเลยเรียกเงินตามสัญญากู้นั้นเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธความรับผิดคดียังไม่แน่ว่าโจทก์จะชนะหรือไม่ ถึงหากชนะ จะยึดทรัพย์ส่วนตัวของหญิงสามีก็ไม่มีสิทธิโต้แย้งคัดค้านเช่นนี้สามีก็ยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิอย่างไรฉะนั้นการที่สามีร้องขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วมกับภรรยาเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) ในขณะนี้ศาลจึงไม่จำเป็นต้องอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิสามีในการโต้แย้งสัญญากู้ของภรรยา: ศาลไม่อนุญาตให้เข้าเป็นจำเลยร่วมหากสิทธิยังไม่ถูกโต้แย้ง
ในคดีที่โจทก์ฟ้องหญิงมีสามีเป็นจำเลยเรียกเงินตามสัญญากู้นั้น เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธความรับผิด คดียังไม่แน่ว่าโจทก์จะชนะหรือไม่ ถึงหากชนะ จะยึดทรัพย์ส่วนตัวของหญิงสามีก็ไม่มีสิทธิโต้แย้งคัดค้านเช่นนี้ สามีก็ยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิอย่างไร ฉะนั้นการที่สามีร้องขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วมกับภรรยาเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิที่มีอยู่ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 57(1) ในขณะนี้ ศาลจึงไม่จำเป็นต้องอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมซื้อขายที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงการยึดทรัพย์ เป็นการแสดงเจตนาลวงและเป็นโมฆะ
ทำสัญญาซื้อขายที่ดินกันมานานถึง 2 ปีเศษแล้วแต่ปรากฏว่าภรรยาและบุตรผู้ขายยังคงอยู่และทำกินในที่ดินที่ทำสัญญาซื้อขายตลอดมา โดยผู้ซื้อมิได้เกี่ยวข้องทำอะไรในที่ดิน และยังปรากฏว่าบุตรเขยผู้ขายได้ปลูกเรือนอยู่ในที่ดินที่ทำสัญญาซื้อขาย พฤติการณ์ต่างๆ ดังกล่าวเป็นเครื่องแสดงให้เห็นได้ว่าการทำสัญญาซื้อขายเป็นการแสดงเจตนาลวง มิใช่มีเจตนาซื้อขายต่อกันจริงจัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงเจตนาลวงในการซื้อขายที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงการยึดทรัพย์ ศาลพิพากษาเพิกถอนนิติกรรม
ทำสัญญาซื้อขายที่ดินกันมานานถึง 2 ปีเศษแล้วแต่ปรากฎว่าภรรยาและบุตรผู้ขายยังคงอยู่และทำกินในดินที่ทำสัญญาซื้อขายตลอดมา โดยผู้ซื้อมิได้เกี่ยวข้องทำอะไรในที่ดิน และยังปรากฎว่าบุตรเขยผู้ขายได้ปลูกเรือนอยู่ในที่ดินที่ทำสัญญาซื้อขาย พฤติการณ์ต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นเครื่องแสดงให้เห็นได้ว่าการทำสัญญาซื้อขายเป็นการแสดงเจตนาลวง มิใช่มีเจตนาซื้อขายต่อกันจริงจัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของตัวแทนและการรับผิดของตัวการในหนี้ซื้อขาย
บรรยายฟ้องว่า 'จำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดได้แต่งตั้งและเชิดให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการมีอำนาจซื้อขายและออกเช็คในนามของห้างหุ้นส่วน' เช่นนี้ถือว่ามิได้บรรยายให้จำเลยที่ 2 รับผิดชอบเป็นส่วนตัวด้วยแต่เป็นเรื่องเป็นตัวแทนของจำเลยที่1 ซึ่งเป็นตัวการ
of 324