พบผลลัพธ์ทั้งหมด 904 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาโดยไม่ระบุสถานะพยานของผู้ให้ข้อมูล ถือเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบ
ไนคดีซึ่งหยุ่ไนชั้นพิจารนาสาลชั้นต้นเรียกปลัดอำเพอและกำนันมาสอบถาม แล้วฟังข้อเท็ดจิงว่าจำเลยมิได้กะทำผิดพิพากสายกฟ้อง โดยไม่ปรากตว่าบุคคลทั้งสองนั้นมาสาลไนถานะ เช่นไร เช่นนี้ ย่อมเปนการไม่ชอบด้วยกะบวนพิจารนา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบถามพยานนอกศาลโดยไม่ระบุฐานะพยาน ทำให้การพิจารณาคดีไม่ชอบ
ในคดีซึ่งอยู่ในชั้นพิจารณาศาลชั้นต้นเรียกปลัดอำเภอและกำนันมาสอบถาม แล้วฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้กระทำผิดพิพากษายกฟ้อง โดยไม่ปรากฏว่าบุคคลทั้งสองนั้นมาศาลในฐานะเช่นไร เช่นนี้ ย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมด้วยวาจา: การแจ้งต่อพยานและกรมการอำเภอต้องกระทำโดยมิชักช้า
การทำพินัยกรรมด้วยวาจากฎหมายบังคับว่าต้องทำต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนและพยานเช่นว่านั้น จะต้องไปแสดงตนต่อกรมการอำเภอโดยมิชักช้าและแจ้งข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมสั่งด้วยวาจานั้น
พยานที่นั่งทำพินัยกรรมด้วยวาจาไปแจ้งและแสดงตัวต่อกรมการอำเภอภายหลังวันทำพินัยกรรมเกือบ 4 เดือน โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอในการไปแจ้งล่าช้า พินัยกรรมด้วยวาจานั้นย่อมใช้บังคับไม่ได้
พยานที่นั่งทำพินัยกรรมด้วยวาจาไปแจ้งและแสดงตัวต่อกรมการอำเภอภายหลังวันทำพินัยกรรมเกือบ 4 เดือน โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอในการไปแจ้งล่าช้า พินัยกรรมด้วยวาจานั้นย่อมใช้บังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมด้วยวาจาต้องแจ้งต่อกรมการอำเภอโดยเร็ว พ้นกำหนดทำให้พินัยกรรมเป็นโมฆะ
การทำพินัยกัมด้วยวาจา กฎหมายบังคับว่าต้องทำต่อหน้าพยานหย่างน้อยสองคนและพยานเช่นว่านั้น จะต้องไปสแดงตนต่อกรมการอำเพอโดยมิชักช้าและแจ้งข้อความที่ผู้ทำพินัยกัมสั่งด้วยวาจานั้น
พยานที่นั่งทำพินัยกัมด้วยวาจาไปแจ้งและสแดงตัวต่อกรมการอำเพอพายหลังวันทำพินัยกัมเกือบ 4 เดือน โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอในการไปแจ้งล่าช้าพินัยกัมด้วยวาจานั้น ย่อมไช้บังคับไม่ได้.
พยานที่นั่งทำพินัยกัมด้วยวาจาไปแจ้งและสแดงตัวต่อกรมการอำเพอพายหลังวันทำพินัยกัมเกือบ 4 เดือน โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอในการไปแจ้งล่าช้าพินัยกัมด้วยวาจานั้น ย่อมไช้บังคับไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 388/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์ดีความได้
คำสั่งไห้ทุเลาการบังคับของสาลอุธรน์นั้น คู่ความดีกาไม่ได้เพราะเปนคำสั่งระหว่างพิจารนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 388/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งทุเลาการบังคับศาลอุทธรณ์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ไม่เป็นฎีกา
คำสั่งให้ทุเลาการบังคับของศาลอุทธรณ์นั้น คู่ความฎีกาไม่ได้ เพราะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความคลาดเคลื่อนของวันที่เกิดเหตุในคำฟ้อง ส่งผลให้ศาลยกฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดระหว่างวันที่ 24-25 พฤศจิกายน พ.ศ.2485ทางพิจารณาได้ความว่า เหตุเกิดระหว่างวันที่24-25 ธันวาคม ศาลก็ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์: วันเวลาเกิดเหตุไม่ตรงกับที่ระบุในฟ้อง ทำให้ศาลยกฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยกะทำผิดระหว่างวันที่ 24-25 พรึสจิกายน พ.ส.2485 ทางพิจารนาได้ความว่า เหตุเกิดระหว่างวันที่ 24-25 ธันวาคม สาลก็ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอค่าบำเหน็ดนำจับต้องมีคำขอบังคับชัดเจนในฟ้อง มิฉะนั้นศาลไม่สามารถตัดสินให้จ่ายได้
ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันค่าโคกะบือโดยมิได้รับอนุญาตและว่ามีสัญญาจ่ายเงินรางวันผู้นำจับโดยจ้างประกาส ส่วนคำขอท้ายฟ้องขอไห้ลงโทสและริบของท้ายฟ้องขอไห้ลงโทสและริบของกลางแต่ไม่มีคำขอบังคับไนเรื่องค่าบำเหน็ดนำจับ ศาลไม่บังคับไห้
การบังคับไห้จำเลยไช้ค่าทดแทนตาม ป.ว.อ.ม.249 ต้องบังคับตามประมวนวิธีพิจารนาแพ่ง ฉะนั้นคำขอไห้ไช้เงินบำเหน็ดจึงเปนคำขอทางแพ่ง ซึ่งต้องมีคำขอบังคับตาม ม.172 ประมวนวิธีพิจารนาความแพ่ง
การบังคับไห้จำเลยไช้ค่าทดแทนตาม ป.ว.อ.ม.249 ต้องบังคับตามประมวนวิธีพิจารนาแพ่ง ฉะนั้นคำขอไห้ไช้เงินบำเหน็ดจึงเปนคำขอทางแพ่ง ซึ่งต้องมีคำขอบังคับตาม ม.172 ประมวนวิธีพิจารนาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ แม้มิได้ใช้ขู่เข็ญก็ถือว่ามีความผิด
จำเลยสองคนมีมีดและพร้าคนละเล่ม คนหนึ่งเข้าจับมือเจ้าทรัพย์อีกคนหนึ่งเข้ากระชากสร้อยคอพาหนีไป แม้จะมิได้ใช้อาวุธขู่เข็ญทำร้ายก็ดี ย่อมถือได้ว่ามีความผิดฐานชิงทรัพย์