คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา: ทิพปัญญา อ. บุปผเวส

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2485

การกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายในการเรียกเงินคืนจากผู้ทำหนังสือปลอม ไม่เป็นกรรโชก

สมคบกันทำหนังสือปลอมโดยใส่ชื่อผู้อื่นเพื่อจะเอาเงินจากจำเลยคืน. จำเลยจึงทำการสอบสวนได้ความว่าเป็นหนังสือปลอมจึงเรียกเงิน 60 บาทจากผู้เสียหาย มิฉะนั้นจะฟ้องร้องหรือจับส่งอำเภอ. เช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าจำเลยมีอำนาจทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นผิดฐานกรรโชกหรือทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2485

แก้ไขโทษจำคุกเป็นปรับ: ผลกระทบต่อการพิจารณาคดี

ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 1 ปีปรับ 3,186 บาท 95 สตางค์.ศาลอุทธรณ์แก้เป็นให้ปรับเพียงสถานเดียว. ยกโทษจำคุกเช่นนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้. ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2485.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

การแก้ไขโทษทางอาญาโดยศาลอุทธรณ์และการไม่อุทธรณ์ข้อเท็จจริง

ศาลชั้นต้นลงโทสจำคุก 1 ปี ปรับ 3186 บาท 95 สตางค์ ศาลอุธรน์แก้เปนไห้ปรับเพียงสถานเดียว ยกโทสจำคุกแช่นนี้ เปนการแก้ไขเล็กน้อยดีกาข้อเท็ดจิงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 983/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

การขุดคันนาเพื่อดักปลา: ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ไม่ใช่ลักทรัพย์

จำเลยขุดคันนาของผู้เสียหายเปนเหตุไหน้ำไหลออกจากนาของผู้เสียหายเพื่อประโยขน์ในการดักปลา ย่อมเปนผิดถานทำให้เสียทรัพย์ ไม่ไช่ลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 983/2485

ขุดคันนาทำให้น้ำไหลออก: ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ไม่ใช่ลักทรัพย์

จำเลยขุดคันนาของผู้เสียหายเป็นเหตุให้น้ำไหลออกจากนาของผู้เสียหายเพื่อประโยชน์ในการดักปลา. ย่อมเป็นผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ไม่ใช่ลักทรัพย์. ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 27-28/2485.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2485

อำนาจฟ้องคดีอาญาแผ่นดินตามมาตรา 319(3) อัยการมีอำนาจดำเนินคดีได้

ความผิดตามมาตรา 319(3) เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน. อัยการมีอำนาจนำคดีขึ้นฟ้องร้องได้. ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2485.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ความผิดยักยอกทรัพย์ ความผิดอาญาแผ่นดิน อัยการมีอำนาจฟ้อง

ความผิดมาตรา 319 (3) เปนความผิดอาญาแผ่นดิน อัยการมีอำนาดนำคดีขึ้นฟ้องร้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2485

ขาดนัดพิจารณา – วินิจฉัยจากพยานฝ่ายเดียว

เมื่อสืบพยานโจทก์หมดแล้วถึงวันนัดสืบพยานจำเลยคู่ความไม่มาศาลทั้งสองฝ่าย. ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีหาได้ไม่. ต้องถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา. แล้ววินิจฉัยชี้ขาดไปตามหลักฐานพยานโจทก์ฝ่ายเดียว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

การขาดนัดพิจารณาคดีและการวินิจฉัยตามพยานฝ่ายเดียว

เมื่อสืบพยานโจทหมดแล้วถึงวันนัดสืบพยานจำเลยคู่ความไม่มาสาลทั้งสองฝ่าย สาลจะสั่งจำหน่ายคดีหาได้ไม่ ต้องถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารนาแล้ววินิจฉัยชี้ขาดไปตามหลักถานพยานโจทฝ่ายเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 977/2485

คำฟ้องไม่ชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดสินเดิมและสินบริคณห์ ถือเป็นคำฟ้องที่ไม่แสดงสภาพแห่งข้อหา

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนสินเดิมสินบริคณห์ให้แก่โจทก์.แต่ในคำฟ้องมิได้แสดงให้ชัดว่า สินเดิมคืออะไร ราคาชนิดไหน เท่าใด. และสินบริคณห์ก็มิได้แสดงว่าเป็นอะไรบ้างราคาเท่าใด. เช่นนี้ ถือว่าเป็นคำฟ้องที่ไม่แสดงสภาพแห่งข้อหาให้ชัดแจ้งตาม มาตรา 172. โจทก์ยื่นบัญชีรายละเอียดสินเดิม แต่ได้ยื่นเมื่อสืบพยานโจทก์. บัญชีรายละเอียดนั้นย่อมไม่เป็นส่วนหนึ่งของฟ้องตามกฎหมาย.

คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา ทิพปัญญา อ. บุปผเวส