คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 188 (2)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9315/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดก: ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานของผู้ถูกกล่าวหา แม้ไม่ได้ยื่นคำคัดค้าน
คำร้องขอให้ถอนผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายแทนผู้ร้องเป็นการเสนอคดีฝ่ายเดียว ผู้ร้องจะยื่นคำคัดค้านหรือไม่ก็ได้ และคำคัดค้านของผู้ร้องไม่ใช่คำให้การ ไม่อยู่ในบังคับ ป.วิ.พ. มาตรา 177 ที่จะต้องยื่นภายในสิบห้าวันและแสดงโดยชัดแจ้งว่ายอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของผู้ร้อง รวมทั้งเหตุแห่งการยอมรับหรือปฏิเสธ และศาลชั้นต้นก็ไม่ได้กำหนดให้ผู้ร้องทำการคัดค้าน ทั้งการที่ผู้ร้องและทนายความของผู้ร้องมาศาลทุกนัด ยื่นบัญชีระบุพยาน ถามค้านผู้คัดค้านที่เบิกความในการไต่สวน และศาลชั้นต้นให้ผู้ร้องนำพยานเข้าเบิกความและอ้างส่งพยานหลักฐานในการไต่สวนด้วยนั้น แสดงให้เห็นโดยปริยายว่าผู้ร้องมีเจตนาคัดค้านคำร้องของผู้คัดค้าน แม้ผู้ร้องจะมิได้ยื่นคำคัดค้านคำร้องของผู้คัดค้าน แต่ก็เป็นคดีไม่มีข้อพิพาทที่ศาลอาจเรียกพยานมาสืบได้เองตามที่เห็นจำเป็น และวินิจฉัยชี้ขาดตามที่เห็นสมควรและยุติธรรม ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 188 (2) จึงสมควรที่ศาลชั้นต้นจะฟังพยานหลักฐานของผู้ร้องประกอบการพิจารณาวินิจฉัยข้ออ้างของผู้คัดค้านด้วย กรณีมีเหตุสมควรที่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (2) ประกอบมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3212/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการเบิกความของผู้ถูกร้องในคดีไม่มีข้อพิพาท เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
คดีไม่มีข้อพิพาท ศาลอาจเรียกพยานมาสืบได้เองตามที่เห็นจำเป็น และวินิจฉัยชี้ขาดตามที่เห็นสมควรและยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188(2) ทั้งศาลสามารถรับฟังพยานที่คู่ความมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานได้ ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) อีกทั้งเมื่อผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอถอนผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นก็มิได้กำหนดให้ผู้ร้องทำคำคัดค้านในวันนัดไต่สวนคำร้อง ผู้ร้องแต่งตั้งทนายความมาศาลทุกนัดทั้งได้ถามค้านพยานที่ผู้คัดค้านนำเข้าสืบในการไต่สวนด้วยแม้ผู้ร้องจะไม่ได้ยื่นหรือแถลงขอให้ศาลจดคำคัดค้านไว้ แต่พฤติการณ์ที่ผู้ร้องแต่งตั้งทนายความมาศาลและถามค้านพยานผู้คัดค้านเช่นนี้ ก็ย่อมแสดงให้เห็นได้โดยปริยายว่า ผู้ร้องมีเจตนาคัดค้านคำร้องของผู้คัดค้านผู้ร้องเป็นผู้ที่จะถูกถอนอำนาจในการจัดการมรดก ศาลชั้นต้นจึงควรที่ไต่สวนฟังข้อเท็จจริงและเหตุผลต่าง ๆ จากผู้ร้องบ้าง เพื่อจะได้นำมาวินิจฉัยชี้ขาดได้ถูกต้องแท้จริงแห่งความยุติธรรม ดังนั้น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมควรให้โอกาสผู้ร้องเข้าเบิกความ