พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9367/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขคำท้าสาบาน การกระทำไม่สุจริตของคู่กรณี และผลตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 186
ในการท้ากันนั้น โจทก์และจำเลยไม่ได้ตกลงให้จำเลยดื่มน้ำสาบานและรับศีลห้าด้วย การดื่มน้ำสาบานและรับศีลห้าจึงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคำท้า ส่วนการที่จำเลยต้องกล่าวคำสาบานให้โจทก์หรือผู้รับมอบอำนาจโจทก์ และผู้อำนวยการฯ ได้ยินด้วยนั้น เป็นเงื่อนไขส่วนหนึ่งของคำท้า เมื่อปรากฏว่าจำเลยกล่าวคำสาบานโดยผู้อำนวยการฯ ได้ยินถ้อยคำสาบานของจำเลยขณะอยู่ห่างจากจำเลยประมาณ 1 เมตร เมื่อผู้อำนวยการฯ แจ้งให้โจทก์เข้าไปใกล้จำเลยเพื่อจะได้ยินถ้อยคำสาบานของจำเลย ฝ่ายโจทก์กลับปฏิเสธว่าต้องการให้จำเลยพูดเสียงดังเพื่อให้ได้ยินทั่วกัน ถือว่าโจทก์ประสงค์จะให้บุคคลทั่วไปได้ยินถ้อยคำสาบานของจำเลยด้วย ซึ่งมิใช่เป็นข้อตกลงอันเป็นส่วนหนึ่งของคำท้า และก็ไม่ได้กำหนดให้จำเลยกล่าวสาบานผ่านเครื่องขยายเสียง อันจะแปลเจตนาของคำท้าได้ว่าจำเลยต้องกล่าวคำสาบานให้บุคคลทั่วไปได้ยิน โจทก์ย่อมสามารถเข้าไปใกล้จำเลยได้ แต่ฝ่ายโจทก์กลับไม่เข้าไปใกล้เพื่อให้ได้ยินเสียงถ้อยคำสาบาน จึงเป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นคู่กรณีฝ่ายเสียเปรียบกระทำการโดยไม่สุจริตจนเป็นเหตุให้เงื่อนไขที่ฝ่ายโจทก์ต้องได้ยินถ้อยคำสาบานของจำเลยด้วยนั้นไม่สำเร็จ ถือได้ว่าจำเลยสาบานตนตรงตามคำท้าครบถ้วน โจทก์จึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5268/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิดและข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 176 กรณีศาลยกฟ้องเนื่องจากไม่มีอำนาจพิจารณา
โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามในมูลหนี้เดียวกับคดีนี้ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการแต่ศาลจังหวัดสมุทรปราการมีคำสั่งจำหน่ายคดีเมื่อวันที่22ธันวาคม2532เนื่องจากจำเลยที่1ไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลเมื่อไม่มีข้อเท็จจริงใดที่แสดงให้เห็นว่าขณะที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามครั้งแรกที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการนั้นโจทก์ได้ฟ้องภายในกำหนดอายุความ1ปีตามมูลละเมิดแล้วจะนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา176มาปรับแก่คดีของโจทก์ในกรณีนี้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องล้มละลายต้องมีสิทธิเรียกร้องบังคับคดีได้ก่อน หากหมดสิทธิแล้ว ก็ไม่มีสิทธิฟ้องล้มละลาย
ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำเลยและให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม2518 ศาลอาญาออกหมายบังคับคดีลงวันที่ 1 สิงหาคม 2527 ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์จำเลยทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 การบังคับคดีมิได้หมายความแต่เพียงว่าโจทก์ดำเนินการให้ศาลออกหมายบังคับคดีเท่านั้นแต่หมายถึงโจทก์ต้องไปแถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์จำเลยทั้งสองมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามหมายบังคับคดีด้วย จึงจะสมบูรณ์ เมื่อปรากฏตามฟ้องโจทก์ว่าจำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินใด ๆ ที่จะยึดมาขายทอดตลาดชำระหนี้ได้จึงแสดงอยู่ในตัวแล้วว่าโจทก์ไม่อาจขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองได้ การที่โจทก์ขอศาลออกหมายบังคับคดีภายในสิบปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาโดยมิได้มีการดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสองตามขั้นตอนให้ครบถ้วนจนถึงขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นเวลาพ้นกำหนดสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะบังคับคดีตามคำพิพากษาดังกล่าวจากจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้ตามคำพิพากษา จึงต้องพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 หรือมาตรา 10ดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสองให้ล้มละลายในมูลหนี้เดียวกันนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3778/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความมิใช่สภาพแห่งข้อหา โจทก์ไม่จำเป็นต้องกล่าวอ้างเหตุขยายอายุความในคำฟ้อง ศาลวินิจฉัยตามข้อกฎหมายได้
อายุความมิใข่สภาพแห่งข้อหา โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องกล่าวในฟ้องว่า คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใด
จำเลยซื้อแหวนไปจาก ส. และค้างชำระราคา ส. ถึงแก่กรรมระหว่างที่ยังไม่ครบกำหนดอายุความสิทธิเรียกร้องตามมูลหนี้ดังกล่าว ทำให้อายุความขยายออกไปเป็น 1 ปี นับแต่วันที่ ส. ถึงแก่กรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 186 เมื่ออายุความก็เป็นข้อต่อสู้ของจำเลย และโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ฟ้องจำเลยโดยได้บรรยายฟ้องกับนำสืบให้เห็นได้ว่า ส. ถึงแก่กรรมในระหว่างคดียังไม่ขาดอายุความ ศาลจึงวินิจฉัยคดีให้เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 186 ได้ โดยโจทก์ไม่จำต้องกล่าวอ้างบทบัญญัติมาตราดังกล่าวมาในคำฟ้องหรือการพิจารณาของศาลเพราะเป็นข้อกฎหมายที่ศาลรู้เอง
จำเลยซื้อแหวนไปจาก ส. และค้างชำระราคา ส. ถึงแก่กรรมระหว่างที่ยังไม่ครบกำหนดอายุความสิทธิเรียกร้องตามมูลหนี้ดังกล่าว ทำให้อายุความขยายออกไปเป็น 1 ปี นับแต่วันที่ ส. ถึงแก่กรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 186 เมื่ออายุความก็เป็นข้อต่อสู้ของจำเลย และโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ฟ้องจำเลยโดยได้บรรยายฟ้องกับนำสืบให้เห็นได้ว่า ส. ถึงแก่กรรมในระหว่างคดียังไม่ขาดอายุความ ศาลจึงวินิจฉัยคดีให้เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 186 ได้ โดยโจทก์ไม่จำต้องกล่าวอ้างบทบัญญัติมาตราดังกล่าวมาในคำฟ้องหรือการพิจารณาของศาลเพราะเป็นข้อกฎหมายที่ศาลรู้เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3778/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความขยายเมื่อผู้ทำหนี้ถึงแก่กรรม ศาลวินิจฉัยได้เอง แม้โจทก์มิได้อ้างในคำฟ้อง
อายุความมิใช่สภาพแห่งข้อหา โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องกล่าวในฟ้องว่า คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใด จำเลยซื้อแหวนไปจาก ส.และค้างชำระราคาส. ถึงแก่กรรมระหว่างที่ยังไม่ครบกำหนดอายุความสิทธิเรียกร้องตามมูลหนี้ดังกล่าว ทำให้อายุความขยายออกไปเป็น 1 ปี นับแต่วันที่ ส.ถึงแก่กรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 186 เมื่ออายุความก็เป็นข้อต่อสู้ของจำเลยและโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ฟ้องจำเลยโดยได้บรรยายฟ้องกับนำสืบให้เห็นได้ว่าส. ถึงแก่กรรมในระหว่างคดียังไม่ขาดอายุความ ศาลจึงวินิจฉัยคดีให้เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 186 ได้ โดยโจทก์ไม่จำต้องกล่าวอ้างบทบัญญัติมาตราดังกล่าวมาในคำฟ้องหรือการพิจารณาของศาลเพราะเป็นข้อกฎหมายที่ศาลรู้เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1930/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องขับไล่: การครอบครองปรปักษ์และการบอกเลิกสัญญาซื้อขายทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการครอบครอง
ป.สามีโจทก์ได้ทำสัญญาซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่ามีหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วจากจำเลย โดยทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ ป. ยังค้างชำระราคาส่วนหนึ่งแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 4 ทวิประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ข้อ 2 ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษสิทธิครอบครองในที่พิพาทจึงโอนไปเป็นของ ป.ด้วยผลของกฎหมาย ไม่จำต้องมอบการครอบครองกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1378 การที่จำเลยอยู่ในที่พิพาทต่อมาก็โดยอาศัยสิทธิของ ป. แต่ต่อมาวันที่ 31 ธันวาคม 2524 จำเลยไปขอรับเงินค่าที่ดินที่ค้างจาก ป.แต่ถูกปฏิเสธ จำเลยจึงบอกเลิกสัญญากับ ป. และว่าจะไม่ยอมออกจากที่พิพาท หาก ป.ต้องการให้ไปฟ้องเอา ดังนี้ แม้จะไม่เป็นผลให้สัญญาซื้อขายระหว่าง ป.กับจำเลยเลิกกันก็ตาม แต่ก็เป็นการบอกกล่าวของจำเลยต่อ ป.ว่า ไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทน ป.ต่อไป อันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือว่าจำเลยมิได้ยึดถือที่พิพาทแทน ป.ต่อไปตาม มาตรา 1381 ป.ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2525 การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกที่พิพาทอันเป็นการสืบสิทธิจาก ป.เจ้ามรดกเพิ่งนำคดีมาฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งที่ดินดังกล่าวจากจำเลยเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2526 ซึ่งเป็นเวลาเกินกว่าหนึ่งปีนับแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2524 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยแย่งการครอบครอง โจทก์จึงขาดสิทธิฟ้องเอาคืนที่พิพาทตาม มาตรา 1375
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1930/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์หลังบอกเลิกสัญญาซื้อขายและการขาดอายุความฟ้องคดี
ป. สามีโจทก์ได้ทำสัญญาซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่ามีหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วจากจำเลยโดยทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่ป. ยังค้างชำระราคาส่วนหนึ่งแก่จำเลยตามป.ที่ดินมาตรา4ทวิประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่96ข้อ2ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษสิทธิครอบครองในที่พิพาทจึงโอนไปเป็นของป. ด้วยผลของกฎหมายไม่จำต้องมอบการครอบครองกันตามป.พ.พ.มาตรา1378การที่จำเลยอยู่ในที่พิพาทต่อมาก็โดยอาศัยสิทธิของป. แต่ต่อมาเมื่อจำเลยไปขอรับเงินค่าที่ดินที่ค้างจากป. กลับถูกปฏิเสธจำเลยจึงบอกเลิกสัญญากับป. และว่าจะไม่ยอมออกจากที่พิพาทหากป.ต้องการให้ไปฟ้องเอาดังนี้แม้จะไม่เป็นผลให้สัญญาซื้อขายระหว่างป. กับจำเลยเลิกกันก็ตามแต่ก็เป็นการบอกกล่าวของจำเลยต่อป. ว่าไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทนป. ต่อไปอันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือว่าจำเลยมิได้ยึดถือที่พิพาทแทนป.ต่อไปตามป.พ.พ.มาตรา1381การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกที่พิพาทอันเป็นการสืบสิทธิจากป. เจ้ามรดกเพิ่งนำคดีมาฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งที่ดินดังกล่าวจากจำเลยเมื่อเกินกว่าหนึ่งปีนับแต่วันที่จำเลยแย่งการครอบครองโจทก์จึงขาดสิทธิฟ้องเอาคืนที่พิพาทตามป.พ.พ.มาตรา1375.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1930/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการขาดอายุความฟ้องร้องคดีครอบครองที่ดิน
ป.สามีโจทก์ได้ทำสัญญาซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่ามีหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วจากจำเลยโดยทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่ป.ยังค้างชำระราคาส่วนหนึ่งแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา4ทวิประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่96ข้อ2ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษสิทธิครอบครองในที่พิพาทจึงโอนไปเป็นของป.ด้วยผลของกฎหมายไม่จำต้องมอบการครอบครองกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1378การที่จำเลยอยู่ในที่พิพาทต่อมาก็โดยอาศัยสิทธิของป.แต่ต่อมาวันที่31ธันวาคม2524จำเลยไปขอรับเงินค่าที่ดินที่ค้างจากป.แต่ถูกปฏิเสธจำเลยจึงบอกเลิกสัญญากับป.และว่าจะไม่ยอมออกจากที่พิพาทหากป.ต้องการให้ไปฟ้องเอาดังนี้แม้จะไม่เป็นผลให้สัญญาซื้อขายระหว่างป.กับจำเลยเลิกกันก็ตามแต่ก็เป็นการบอกกล่าวของจำเลยต่อป.ว่าไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทนป.ต่อไปอันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือว่าจำเลยมิได้ยึดถือที่พิพาทแทนป.ต่อไปตามมาตรา1381ป.ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่16พฤษภาคม2525การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกที่พิพาทอันเป็นการสืบสิทธิจากป.เจ้ามรดกเพิ่งนำคดีมาฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งที่ดินดังกล่าวจากจำเลยเมื่อวันที่4มกราคม2526ซึ่งเป็นเวลาเกินกว่าหนึ่งปีนับแต่วันที่31ธันวาคม2524ซึ่งเป็นวันที่จำเลยแย่งการครอบครองโจทก์จึงขาดสิทธิฟ้องเอาคืนที่พิพาทตามมาตรา1375.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3712/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินและอายุความเช็ค: ประกาศกระทรวงไม่ใช่กฎหมาย, อายุความขยายเมื่อผู้ทรงเช็คถึงแก่กรรม
แม้จะมีประกาศกระทรวงเศรษฐการห้ามมิให้บริษัทที่หุ้นยังชำระไม่เต็มค่าหุ้นกู้ยืมเงิน แต่ประกาศดังกล่าวไม่ใช่กฎหมาย การกู้ยืมเงินจึงไม่เป็นโมฆะ
ในกรณีที่ผู้ทรงเช็คตายภายหลังเช็คถึงกำหนดประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 186 บัญญัติให้ขยายอายุความออกไปเป็น 1 ปีนับแต่วันตาย
ในกรณีที่ผู้ทรงเช็คตายภายหลังเช็คถึงกำหนดประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 186 บัญญัติให้ขยายอายุความออกไปเป็น 1 ปีนับแต่วันตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3712/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินบริษัทที่มีหุ้นชำระไม่เต็มมูลค่า และการขยายอายุความเมื่อผู้ทรงเช็คถึงแก่ความตาย
แม้จะมีประกาศกระทรวงเศรษฐการห้ามมิให้บริษัทที่หุ้นยังชำระไม่เต็มค่าหุ้นกู้ยืมเงิน แต่ประกาศดังกล่าวไม่ใช่กฎหมายการกู้ยืมเงินจึงไม่เป็นโมฆะ
ในกรณีที่ผู้ทรงเช็คตายภายหลังเช็คถึงกำหนดประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 186 บัญญัติให้ขยายอายุความออกไปเป็น 1 ปีนับแต่วันตาย
ในกรณีที่ผู้ทรงเช็คตายภายหลังเช็คถึงกำหนดประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 186 บัญญัติให้ขยายอายุความออกไปเป็น 1 ปีนับแต่วันตาย