คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 226

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 698 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3503/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำหน่ายและครอบครองยาเสพติด (เฮโรอีน, กัญชา) เสพยาเสพติด ศาลฎีกาพิพากษาแก้โทษจำเลย
คดีที่มีความผิดซึ่งต้องสืบพยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา176เมื่อโจทก์สืบพยานแล้วข้อเท็จจริงปรากฎว่าจำเลยที่1และหรือที่2ไม่ได้กระทำความผิดศาลย่อมพิพากษายกฟ้องได้ส่วนความผิดฐานอื่นซึ่งศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพนั้นเมื่อปรากฎว่าจำเลยที่1และหรือที่2ไม่ได้กระทำความผิดฐานนี้ศาลก็ย่อมมีอำนาจยกฟ้องจำเลยที่1และหรือที่2ได้ด้วยเช่นกัน แม้พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักฟังได้ว่าจำเลยที่1จำหน่ายเฮโรอีนและกัญชาให้แก่ผู้อื่นตามฟ้องซึ่งเป็นความผิดคนละกรรมกันแต่เมื่อศาลชั้นต้นมิได้พิพากษาลงโทษจำเลยที่1ฐานจำหน่ายกัญชาและโจทก์มิได้อุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยที่1ในความผิดฐานจำหน่ายกัญชาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2705/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การชั้นสอบสวนมีน้ำหนักกว่าชั้นศาล พยานหลักฐานสอดคล้องกัน ฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์
คำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานสอดคล้องกับคำเบิกความของพยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่ผู้เสียหายมาแจ้งเหตุหลังเกิดเหตุแทบทันทีระบุชื่อจำเลยเป็นคนร้ายผู้เสียหายร้องทุกข์ในคืนเกิดเหตุและให้การต่อพนักงานสอบสวนในวันรุ่งขึ้นทั้งออกติดตามพบทรัพย์ที่ถูกคนร้ายลักไปและรถจักรยานยนต์ที่อ้างว่าจำเลยขับไปลักทรัพย์ผู้เสียหายน่าเชื่อว่าผู้เสียหายให้การชั้นสอบสวนตามความจริงที่ได้รู้เห็นมาโดยปราศจากเหตุจูงใจการที่ผู้เสียหายมาเบิกความชั้นศาลโดยพยายามบ่ายเบี่ยงข้อเท็จจริงให้สับสนว่าจำเลยไม่ใช่คนร้ายรายนั้นคงเพื่อช่วยเหลือจำเลยให้พ้นผิดเชื่อได้ว่าคำให้การของผู้เสียหายเป็นความจริงยิ่งกว่าคำเบิกความชั้นศาลทั้งคำให้การของผู้เสียหายชั้นสอบสวนก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไม่ให้รับฟังประกอบเป็นข้อพิจารณาของศาลเมื่อรับฟังประกอบพยานอื่นตลอดจนพฤติการณ์แห่งคดีแล้วฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง การที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์การลักทรัพย์สำเร็จตั้งแต่เอาทรัพย์เคลื่อนที่ออกจากบริเวณบ้านผู้เสียหายการขับรถจักรยานยนต์มาลักทรัพย์แล้วพาทรัพย์หนีไปรถจักรยานยนต์มิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดฐานลักทรัพย์จึงไม่ริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1775/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร - พยานหลักฐานไม่สอดคล้องกัน - จำเลยปฏิเสธ - ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
จากการนำสืบของโจทก์ได้ความจากคำเบิกความของ อ.ว่าอ.ได้ลักรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุมาให้จำเลยช่วยขายให้เพราะเคยรู้จักกันมาก่อนจำเลยไม่ยอมช่วยขายแต่บอกว่า ท.เพื่อนของจำเลยต้องการจะได้ อ.จึงตกลงขายให้ ท.ในราคา 1,500 บาท และมอบรถจักรยานยนต์ให้แก่ ท.ไป ดังนี้ อ.มิได้ยืนยันว่าจำเลยเป็นคนซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางจาก อ.โดยจำเลยทราบว่ารถของกลางถูกลักมา แต่กลับได้ความว่าจำเลยไม่รับซื้อ ท.ซึ่งอยู่กับจำเลยด้วยในขณะนั้นจึงรับซื้อจาก อ.โดยได้ขอยืมเงินจากจำเลยไปอีก 800 บาท การที่จำเลยให้ ท.ยืมเงินไป 800 บาทนั้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการช่วยจำหน่ายรถจักรยานยนต์ของกลางแต่อย่างใด เพราะ ท.ตกลงซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางจาก อ.เองอยู่แล้วโดยไม่ต้องให้จำเลยช่วยขาย นอกจากนี้ยังได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหาย กับต.และ บ.ในทำนองเดียวกันอีกว่า เมื่อผู้เสียหายนำสิบตำรวจโท พ.ไปจับ อ.ได้นั้นในตอนแรก อ.ได้บอกแก่สิบตำรวจโท พ.ทันทีว่าได้ลักรถจักรยานยนต์ของกลางไปขายเพียงคนเดียว และนำไปขายที่อำเภอท่ามะกาโดยไม่ได้ระบุว่าขายให้แก่ผู้ใดหากขายให้แก่จำเลยก็น่าจะระบุชื่อจำเลยทันทีเพราะรู้จักกันโดยไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องปิดบังไว้ ประการสำคัญได้ความจากคำเบิกความของนาย ต.ว่า ที่สถานี-ตำรวจ จำเลยบอกว่าจำเลยไม่ได้ซื้อรถจักรยานยนต์ของกลาง แต่คนอื่นซื้อซึ่งเงินไม่พอต้องขอยืมจำเลยไปอีก 800 บาท ตรงกับที่จำเลยนำสืบต่อสู้ แม้โจทก์มีพนักงานสอบสวนเป็นพยานเบิกความประกอบบันทึกคำให้การของ อ.ว่า อ.นำรถจักรยานยนต์ของกลางไปขายให้แก่จำเลยก็ตาม แต่คำให้การของ อ.เป็นเพียงพยานบอกเล่ามิได้ทำต่อหน้าจำเลย ซึ่งจำเลยไม่มีโอกาสถามค้าน ทั้งยังขัดแย้งกับคำเบิกความของ อ.เองที่เบิกความว่า อ.ได้ขายรถจักรยานยนต์ของกลางให้แก่ ท.เช่นนี้ คำเบิกความของพนักงานสอบสวนจึงไม่มีน้ำหนัก คดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธมาตั้งแต่ต้นและพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมาไม่สอดคล้องต้องกัน จึงไม่มีน้ำหนักพอฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1775/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจร: พยานหลักฐานโจทก์ขัดแย้ง ไม่สามารถพิสูจน์การกระทำผิดของจำเลยได้
จากการนำสืบของโจทก์ได้ความจากคำเบิกความของอ.ว่าอ. ได้ลักรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุมาให้จำเลยช่วยขายให้เพราะเคยรู้จักกันมาก่อนจำเลยไม่ยอมช่วยขายแต่บอกว่าท. เพื่อนของจำเลยต้องการจะได้อ. จึงตกลงขายให้ท.ในราคา1,500บาทและมอบรถจักรยานยนต์ให้แก่ท. ไปดังนี้อ. มิได้ยืนยันว่าจำเลยเป็นคนซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางจากอ. โดยจำเลยทราบว่ารถของกลางถูกลักมาแต่กลับได้ความว่าจำเลยไม่รับซื้อท. ซึ่งอยู่กับจำเลยด้วยในขณะนั้นจึงรับซื้อจากอ. โดยได้ขอยืมเงินจากจำเลยไปอีก800บาทการที่จำเลยให้ท. ยืมเงินไป800บาทนั้นถือไม่ได้ว่าเป็นการช่วยจำหน่ายรถจักรยานยนต์ของกลางแต่อย่างใดเพราะท. ตกลงซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางจากอ. เองอยู่แล้วโดยไม่ต้องให้จำเลยช่วยขายนอกจากนี้ยังได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายกับต. และบ. ในทำนองเดียวกันอีกว่าเมื่อผู้เสียหายนำสิบตำรวจโทพ. ไปจับอ. ได้นั้นในตอนแรกอ. ได้บอกแก่สิบตำรวจโทพ. ทันทีว่าได้ลักรถจักรยานยนต์ของกลางไปขายเพียงคนเดียวและนำไปขายที่อำเภอท่ามะกาโดยไม่ได้ระบุว่าขายให้แก่ผู้ใดหากขายให้แก่จำเลยก็น่าจะระบุชื่อจำเลยทันทีเพราะรู้จักกันโดยไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องปิดบังไว้ประการสำคัญได้ความจากคำเบิกความของนายต. ว่าที่สถานีตำรวจจำเลยบอกว่าจำเลยไม่ได้ซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางแต่คนอื่นซื้อซึ่งเงินไม่พอต้องขอยืมจำเลยไปอีก800บาทตรงกับที่จำเลยนำสืบต่อสู้แม้โจทก์มีพนักงานสอบสวนเป็นพยานเบิกความประกอบบันทึกคำให้การของอ. ว่าอ. นำรถจักรยานยนต์ของกลางไปขายให้แก่จำเลยก็ตามแต่คำให้การของอ. เป็นเพียงพยานบอกเล่ามิได้ทำต่อหน้าจำเลยซึ่งจำเลยไม่มีโอกาสถามค้านทั้งยังขัดแย้งกับคำเบิกความของอ. เองที่เบิกความว่าอ.ได้ขายรถจักรยานยนต์ของกลางให้แก่ท. เช่นนี้คำเบิกความของพนักงานสอบสวนจึงไม่มีน้ำหนักคดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธมาตั้งแต่ต้นและพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมาไม่สอดคล้องต้องกันจึงไม่มีน้ำหนักพอฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายสาหัส พยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลย การเปลี่ยนแปลงอาวุธที่ใช้ไม่ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ
โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องว่าจำเลยใช้ไม้ตี แต่ทางพิจารณาโจทก์นำสืบได้ความว่าจำเลยใช้เหล็กแป๊บตีโจทก์ ผลก็คือโจทก์ได้รับอันตรายแก่กายจากการกระทำของจำเลย จึงเป็นการแตกต่างกันมิใช่ข้อสาระสำคัญ ทั้งจำเลยให้การต่อสู้คดีอ้างฐานที่อยู่และมิได้หลงข้อต่อสู้ ศาลลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายได้ แม้การพิจารณาและสืบพยานในคดีก่อน มิได้กระทำต่อหน้าจำเลยที่ 4 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172และจำเลยที่ 4 มิได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวก็ตามศาลก็สามารถนำพยานหลักฐานในคดีก่อนมารับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 4ให้มีน้ำหนักมั่นคงยิ่งขึ้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพที่ได้จากความกลัวและการข่มขู่ ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ความผิดได้ การตั้งข้อหาต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน
คำรับสารภาพที่ได้ความว่าหากจำเลยไม่ให้การรับสารภาพเจ้าพนักงานตำรวจก็จะต้องจับกุมภริยาจำเลยและคนในบ้านทั้งหมดด้วยเป็นคำรับสารภาพที่มีเหตุจูงใจและบังคับให้กลัวไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์ความผิดของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการจุดไฟเผาป่าโดยประมาท ทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย
พยานโจทก์เบิกความประกอบกันรับฟังได้ว่าลูกจ้างของจำเลยจุดไฟเผากองไม้ในที่ดินของจำเลยโดยจำเลยยืนสั่งการกำกับการเผาอยู่อย่างใกล้ชิดถือว่าจำเลยร่วมจุดไฟเผากองไม้ด้วยเมื่อไม่อาจกันไม่ให้ไฟลุกลามไปติดที่ข้างเคียงได้เป็นเหตุให้ไฟลุกลามไหม้ทรัพย์ของโจทก์ร่วมทั้งสี่จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารปลอมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญาได้ แม้ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ และการวินิจฉัยความเสียหายไม่เกินคำขอ
สำเนาเอกสารสัญญาจะซื้อขายที่ดินที่โจทก์อ้างเป็นพยานเป็นเอกสารที่จำเลยนำมามอบให้แก่โจทก์ร่วมศาลรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้แม้เอกสารดังกล่าวจะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากรมาตรา118ก็ตามจะใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้เฉพาะคดีแพ่งเท่านั้นไม่รวมถึงคดีอาญาด้วย โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานปลอมเอกสารปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมว่าโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายป.ส.ช.ล.ผู้อื่นและประชาชนโดยไม่ได้บรรยายว่าจะเกิดความเสียหายอย่างใดการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมเพราะโจทก์ร่วมอาจจะฟ้องร้องให้ผู้มีชื่อเป็นผู้จะขายที่ดินโอนที่ดินให้โจทก์ร่วมนั้นมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารสัญญาซื้อขายไม่ติดอากรแสตมป์ใช้เป็นหลักฐานในคดีอาญาได้ การพิพากษาเกินคำขอ
สำเนาเอกสารสัญญาจะซื้อขายที่ดินที่โจทก์อ้างเป็นพยานเป็นเอกสารที่จำเลยนำมามอบให้แก่โจทก์ร่วม ศาลรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้ แม้เอกสารดังกล่าวจะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ตามป.รัษฎากร มาตรา 118 ก็ตาม จะใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้เฉพาะคดีแพ่งเท่านั้นไม่รวมถึงคดีอาญาด้วย
โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมว่า โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ป. ส. ช. ล.ผู้อื่น และประชาชน โดยไม่ได้บรรยายว่าจะเกิดความเสียหายอย่างใด การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมเพราะโจทก์ร่วมอาจจะฟ้องร้องให้ผู้มีชื่อเป็นผู้จะขายที่ดินโอนที่ดินให้โจทก์ร่วมนั้น มิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9333/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำซัดทอดผู้ร่วมกระทำผิดใช้ได้หากไม่มีเจตนาพ้นผิด การลดโทษจำเลยจากพฤติการณ์
คำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกันหาใช่จะต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานลงโทษจำเลยเสียทีเดียวไม่เมื่อไม่ปรากฏว่าด. จำเลยที่1และที่2ให้การซัดทอดจำเลยที่3เพื่อให้ตนเองพ้นผิดหรือได้รับประโยชน์จากการซัดทอดนั้นแต่อย่างใดศาลจึงชอบที่จะฟังคำซัดทอดดังกล่าวมาประกอบพยานแวดล้อมและพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้
of 70