คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 226

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 698 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3170/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีลักทรัพย์โดยอาศัยพยานบอกเล่าและคำรับสารภาพที่ไม่น่าเชื่อถือ
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานว่าจำเลยทั้งสามเป็นคนร้ายลักทรัพย์คงมีแต่คำให้การของ ว.ผู้เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทผู้เสียหาย ในชั้นสอบสวนว่าเห็นจำเลยทั้งสามลักทรัพย์ผู้เสียหายไป ซึ่งเป็นพยานบอกเล่า ทั้งไม่ปรากฏว่า ว.ได้แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้เสียหายทราบตามหน้าที่ของตน คำให้การของ ว.จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ โจทก์คงมีเพียงคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสาม ซึ่งจำเลยทั้งสามก็นำสืบว่า เหตุที่ให้การรับสารภาพเพราะถูกขู่เข็ญบังคับและกลัวจะถูกทำร้าย พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้ลงโทษจำเลยทั้งสามได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นจากพยานแวดล้อมและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยกระทำผิด ได้ความจากมารดาพี่น้องและเพื่อนผู้ตายว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเคยปรับทุกข์ว่ามีเหตุทะเลาะกับจำเลย เพราะจำเลยติดพันฐานชู้สาวกับผู้หญิงอื่นขณะเกิดเหตุจำเลยขับรถมากับผู้ตายเพียงสองต่อสอง ผู้ตายถูกยิงภายนอกรถใกล้รถยนต์ที่จอดอยู่ถูกอวัยวะสำคัญในลักษณะจ่อยิง ทันใดจำเลยวิ่งออกมาจากจุดเกิดเหตุขอความช่วยเหลือจาก ล. และ ค.ที่วัดบอกว่าขณะจอดรถปัสสาวะผู้ตายนั่งคอยอยู่ในรถ มีคนร้ายขับรถจักรยานยนต์เข้ามายิง แต่เมื่อ ล. กับ ค. ไปถึงกลับพบว่าผู้ตายนอนตายอยู่ที่ไหล่ถนนติดประตูหน้ารถข้างซ้าย รถอยู่ในลักษณะที่ปิดประตูไว้ทั้งสองข้างเปิดไฟฟ้าภายในรถกับไฟหรี่หน้ารถไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจที่เกิดเหตุหลังรับแจ้งไม่พบร่องรอยที่จำเลยอ้างว่ายืนถ่ายปัสสาวะทางด้านท้ายรถประมาณ 3 เมตรไม่พบร่องรอยจุดซึ่งจำเลยอ้างว่าวิ่งไปหลบซ่อนคนร้าย ทั้ง ๆที่ดินบริเวณนั้นมีความอ่อนนุ่มถ้าเหยียบจะเป็นรอยเท้า และไม่พบร่องรอยกระสุนปืนภายในรถคันเกิดเหตุ ทั้ง ๆ ที่จำเลยอ้างในที่เกิดเหตุว่าคนร้ายขับรถจักรยานยนต์มาจอดด้านคนขับแล้วใช้อาวุธปืนลูกซองยิงผู้ตายซึ่งนั่งอยู่ภายในรถข้างที่นั่งคนขับจำเลยยืนถ่ายปัสสาวะอยู่ห่างจากรถซึ่งเปิดไฟฟ้าภายในรถประมาณ 3 เมตรจำเลยน่าจะเห็นและจดจำลักษณะรูปพรรณสัณฐานคนร้ายได้และรีบแจ้งให้ตำรวจสกัดจับหรือสืบจับคนร้ายทันที แต่จำเลยไม่ได้กระทำเช่นนั้นถ้าจำเลยและผู้ตายมีศัตรูที่จะทำอันตรายถึงชีวิต คนร้ายก็น่าจะเป็นฝ่ายขับรถจักรยานยนต์ติดตามหรือดักทำร้าย ไม่ใช่ขับรถสวนทางมา ทั้งจำเลยก็อ้างว่าคนร้ายเรียกชื่อจำเลยก่อนแสดงว่าคนร้ายมุ่งฆ่าจำเลย เหตุใดคนร้ายกลับใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายซึ่งคนร้ายสามารถมองเห็นจากไฟฟ้าภายในรถ โดยไม่ติดตามยิงจำเลยซึ่งยืนอยู่ห่างเพียง 3 เมตร และเมื่อมีการตรวจพิสูจน์เขม่าดินปืนที่มือของจำเลยก็พบธาตุแอนติโมนีและธาตุแบเรียม ซึ่งปกติพบในเขม่าดินปืน ดังนั้น พยานแวดล้อมกรณีดังกล่าวมั่นคงเพียงพอฟังได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายจริง ข้ออ้างการนำสืบของจำเลยที่ว่าคนร้ายขับรถจักรยานยนต์เข้ามายิงผู้ตายขณะจำเลยยืนถ่ายปัสสาวะอยู่นั้นมีพิรุธไม่น่าเชื่อ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3039/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานยืนยันการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลรับฟังคำบอกเล่าของผู้ตายในภาวะอันตราย
ผู้ตายบอกกับภริยาว่า จำเลยเป็นผู้ทำร้ายตนในวันที่ 21ธันวาคม 2531 ในขณะที่มีอาการหนักขึ้นอันตรายรักษาไม่ทุเลาเนื่องจากมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง แพทย์ให้รับประทานยาแก้ปวดเพียงอย่างเดียวจนต้องหนีออกจากโรงพยาบาล แสดงถึงความหมดหวังในชีวิต ผู้ตายถึงแก่ความตายวันที่ 22 ธันวาคม 2531 คำบอกเล่าของผู้ตายดังกล่าวนับได้ว่าผู้ตายได้บอกเล่าในขณะตนเองอยู่ในภาวะเป็นอันตรายใกล้ตาย รับฟังประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์อื่นได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2644/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คเพื่อแลกเงินสด ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค หากไม่มีหนี้สินจริง
คำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องที่ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อแลกเงินสดเป็นพยานเอกสารที่ใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานในชั้นพิจารณาได้ เมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อแลกเงินสดไปจากโจทก์ จึงมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงไม่เป็นความผิด ตามพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติภายหลังจากจำเลยออกเช็คพิพาท จำเลยจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 2 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ครอบครองทรัพย์สินในการเป็นผู้เสียหาย, พยานหลักฐานนอกสำนวนสอบสวน, การลดโทษตามเหตุผล
โจทก์ร่วมเช่าซื้อรถยนต์คันที่ถูกจำเลยลักไปมาจากผู้อื่นแม้ว่าขณะเกิดเหตุกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนมาเป็นของโจทก์ร่วมก็ตาม แต่โจทก์ร่วมเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว เมื่อถูกจำเลยแบ่งการครอบครอง โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการโจทก์ได้ ไม่มีกฎหมายบังคับว่าเอกสารที่จะอ้างหรือนำสืบในคดีอาญาจะต้องเป็นเอกสารที่ได้มีการสอบสวนและอยู่ในสำนวนการสอบสวนเท่านั้น ดังนั้น ศาลอุทธรณ์จึงชอบที่จะรับฟังบันทึกคำรับสารภาพแผนที่บ้านจำเลย และภาพถ่ายประกอบพยานหลักฐานอื่นเพื่อลงโทษจำเลยได้ แม้ว่าเอกสารดังกล่าวจะมิใช่เอกสารที่อยู่ในสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเป็นผู้เสียหายและการรับฟังพยานนอกสำนวนคดีอาญา
โจทก์ร่วมเช่าซื้อรถยนต์มาจากผู้อื่น ขณะรถยนต์ถูกลักกรรมสิทธิ์ยังไม่โอนเป็นของโจทก์ร่วม แต่โจทก์ร่วมเป็นผู้ครอบครองรถยนต์อยู่ เมื่อถูกจำเลยแย่งการครอบครอง โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 3(1)(2) ไม่มีกฎหมายบังคับว่าเอกสารที่จะอ้างหรือนำสืบในคดีอาญาจะต้องเป็นเอกสารที่ได้มีการสอบสวนและอยู่ในสำนวนการสอบสวนเท่านั้น ศาลจึงชอบที่จะรับฟังบันทึกคำรับสารภาพ แผนที่บ้านจำเลยและภาพถ่ายที่พนักงานอัยการโจทก์ส่งศาลประกอบพยานหลักฐานอื่น เพื่อลงโทษจำเลยได้ แม้ว่าเอกสารดังกล่าวจะมิใช่เอกสารที่อยู่ในสำนวนการสอบสวนก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องร้องคดีอาญาของผู้ครอบครองทรัพย์สิน & การใช้หลักฐานนอกสำนวน
ในขณะเกิดเหตุแม้โจทก์ร่วมจะมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์แต่โจทก์ร่วมเป็นผู้ครอบครองทรัพย์ที่ถูกจำเลยลักไป เมื่อถูกจำเลยแย่งการครอบครองโจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 3(1)(2) เมื่อไม่มีกฎหมายบังคับว่าเอกสารที่จะอ้างหรือนำสืบในคดีอาญาจะต้องเป็นเอกสารที่ได้มีการสอบสวนและอยู่ในสำนวนการสอบสวนเท่านั้นศาลย่อมรับฟังบันทึกคำรับสารภาพ แผนที่บ้านจำเลยและภาพถ่ายประกอบพยานหลักฐานอื่นเพื่อลงโทษจำเลยได้ แม้ว่าเอกสารดังกล่าวจะมิใช่เอกสารที่อยู่ในสำนวนการสอบสวนก็ตาม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1425/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำเบิกความผู้ร่วมกระทำผิด: การรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา
คดีมี ว.เป็นประจักษ์พยานที่รู้เห็นการกระทำผิดของจำเลยเพียงปากเดียว แต่ว.เองก็ถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาความผิดฐานเดียวกันกับจำเลย ว.จึงอยู่ในฐานะผู้ร่วมกระทำผิดกับจำเลย คำเบิกความของ ว.มีลักษณะเป็นคำซัดทอด ที่ปกติลำพังแต่คำเบิกความของพยานดังกล่าวจะรับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ว.เบิกความในคดีนี้เป็นพยานโจทก์หลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก ว.ไปแล้ว การเบิกความของ ว.ว่าจำเลยร่วมเป็นคนร้ายลักทรัพย์หาได้มีเหตุจูงใจที่จะเบิกความเพื่อให้ตนพ้นผิดหรือได้รับประโยชน์จากการเบิกความของตนไม่ จึงไม่ต้องห้ามที่จะรับฟังคำเบิกความของ ว.เสียเลย ส่วนจะรับฟังได้เพียงใดหรือไม่จะต้องกระทำด้วยความระมัดระวังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 667/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันทึกการจับกุมใช้เป็นหลักฐานได้ แม้ไม่ได้แจ้งสิทธิผู้ถูกจับ โดยมีพยานหลักฐานอื่นประกอบ
บันทึกการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมที่ไม่ได้บอกให้ผู้ถูกจับทราบก่อนว่า ถ้อยคำที่ผู้ถูกจับกล่าวนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันเขาในชั้นพิจารณาได้นั้น รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจร้องทุกข์ในคดีอาญา: เจ้าของ/ผู้ครอบครองทรัพย์สินเสียหายมีสิทธิฟ้องดำเนินคดีได้ แม้มิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
แม้โจทก์ร่วมจะมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ตั้งหมู่บ้าน แต่โจทก์ร่วมก็เป็นเจ้าของหมู่บ้าน เป็นผู้ครอบครองหมู่บ้านกับเป็นเจ้าของโซ่และกุญแจซึ่งปิดกั้นทางเข้าหมู่บ้านเมื่อมีผู้มาทำลายโซ่และกุญแจเพื่อจะเข้าไปในหมู่บ้าน โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีได้ บ.และจำเลยกระทำความผิดร่วมกัน บ.ถูกแยกฟ้องที่ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง แต่ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางพิพากษายกฟ้องเพราะพยานโจทก์เบิกความแตกต่างกัน ก็เป็นดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของแต่ละศาล ศาลในคดีที่จำเลยถูกฟ้องไม่จำต้องถือตาม
of 70