พบผลลัพธ์ทั้งหมด 698 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6281/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้คำให้การของจำเลยเป็นพยานหลักฐาน: ข้อจำกัดและผลกระทบต่อการลงโทษ
ในคดีอาญามีกฎหมายห้ามมิให้โจทก์อ้างจำเลยเป็นพยาน เมื่อจะเอาจำเลยเป็นผู้ต้องหาก็ต้องสอบสวนในฐานะผู้ต้องหา เพราะจะต้องบอกให้จำเลยทราบก่อนว่าถ้อยคำที่จำเลยกล่าวอาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันจำเลยในการพิจารณาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 134การที่พนักงานสอบสวนจำเลยเป็นพยาน แล้วโจทก์จะอ้างคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยในฐานะพยานเพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยมีความผิดตามที่โจทก์ฟ้องนั้น เป็นการมิชอบ แม้คำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นคำรับซึ่งปรักปรำและเป็นผลร้ายแก่ตนเองก็รับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะขัดต่อมาตรา 226.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6281/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้คำให้การของผู้ต้องหาเป็นพยานหลักฐาน การสอบสวนต้องแจ้งสิทธิและข้อจำกัดตามกฎหมาย
ในคดีอาญามีกฎหมายห้ามมิให้โจทก์อ้างจำเลยเป็นพยาน เมื่อจะเอาจำเลยเป็นผู้ต้องหาก็ต้องสอบสวนในฐานะผู้ต้องหา เพราะจะต้องบอกให้จำเลยทราบก่อนว่าถ้อยคำที่จำเลยกล่าวอาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันจำเลยในการพิจารณาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 134 การที่พนักงานสอบสวนสอบสวนจำเลยเป็นพยาน แล้วโจทก์จะอ้างคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยในฐานะพยานเพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยมีความผิดตามที่โจทก์ฟ้องนั้น เป็นการมิชอบ แม้คำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นคำรับซึ่งปรักปรำและเป็นผลร้ายแก่ตนเองก็รับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะขัดต่อมาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5058/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกระทำความผิดฐานรับของโจร: การตระเตรียมไม่ใช่ความผิด
จำเลยที่ 3 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 รับซื้อกระบือของกลางการที่จำเลยที่ 3 อยู่ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขณะถูกจับกุมยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ครอบครองกระบือดังกล่าว หลังจากจำเลยที่ 1 ที่ 2 รับซื้อกระบือของกลางแล้ว จำเลยที่ 3 ได้ร่วมปรึกษากับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ว่าจะหาเงินให้ผู้ขายอย่างไร เอากระบือไปขายที่ไหนเมื่อขายได้แล้วจะนำกำไรมาแบ่งกันวันต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 พาจำเลยที่ 3 ไปดูกระบือที่ผูกซ่อนไว้จึงถูกจับกุม ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 ลงมือกระทำผิด เป็นเพียงการตระเตรียมที่จะร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 เท่านั้น จึงยังไม่เป็นความผิดฐานรับของโจร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4974/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพชั้นสอบสวนต้องมีพยานหลักฐานประกอบ หากพยานประกอบมีพิรุธหรือไม่น่าเชื่อถือ ศาลไม่สามารถนำมาลงโทษจำเลยได้
การรับฟังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนซึ่งจำเลยปฏิเสธชั้นศาลมาใช้ลงโทษจำเลยโจทก์ต้องมีพยานประกอบว่าจำเลยกระทำผิดจริงและพยานประกอบนั้นมิใช่มีเพียงคำเบิกความของพนักงานสอบสวนผู้สอบสวนคำรับสารภาพเท่านั้น คดีนี้พยานประกอบของโจทก์คือ ด. ซึ่งอาจตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับจำเลย ด. อาจซัดทอดจำเลยเพื่อให้ตนพ้นจากการตกเป็นผู้ต้องหาก็ได้ คำเบิกความของ ด. จึงมีน้ำหนักน้อยพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอที่จะลงโทษจำเลยตามฟ้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4974/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพชั้นสอบสวนใช้ลงโทษจำเลยได้ต่อเมื่อมีพยานหลักฐานประกอบยืนยันความผิดจริง มิใช่เพียงคำเบิกความของผู้เกี่ยวข้อง
การรับฟังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนซึ่งจำเลยปฏิเสธชั้นศาลมาใช้ลงโทษจำเลยโจทก์ต้องมีพยานประกอบว่าจำเลย กระทำผิดจริงและพยานประกอบนั้นมิใช่มีเพียงคำเบิกความของพนักงานสอบสวนผู้สอบสวนคำรับสารภาพเท่านั้น คดีนี้พยานประกอบของโจทก์คือ ด. ซึ่งอาจตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับจำเลย ด. อาจซัดทอดจำเลยเพื่อให้ตนพ้นจากการตกเป็นผู้ต้องหาก็ได้ คำเบิกความของ ด. จึงมีน้ำหนักน้อยพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอที่จะลงโทษจำเลยตามฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4913/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพที่ไม่เพียงพอต่อการลงโทษ จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานยืนยัน
คำรับของจำเลยต่อ อ. และคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมจะพึงรับฟังได้แต่เพียงเป็นพยานประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์ เมื่อคำเบิกความของ ง. พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าเห็นจำเลยอุ้มไก่ของผู้เสียหายไป ลำพังแต่คำรับของจำเลยต่อ อ.และคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4617/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพที่ไม่สมัครใจและพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
ผู้ตายเป็นพี่ชายจำเลย หลังเกิดเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ จำเลยพูดรับต่อมารดาและพี่ชายอีกคนหนึ่งของจำเลยว่า จำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย แม้คำรับของจำเลยจะเป็นปฏิปักษ์ต่อจำเลยเองก็ตาม แต่จำเลยพูดไปเพราะถูกข่มขู่และพูดไปโดยไม่สมัครใจหรือบริสุทธิ์ใจ ทั้งโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานแวดล้อมกรณีมาประกอบพอที่จะชี้ให้เห็นได้ว่าจำเลยเป็นคนฆ่าผู้ตายจริง ย่อมไม่อาจนำคำรับของจำเลยที่เป็นปฏิปักษ์ต่อจำเลยมาฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3508/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานบอกเล่า และการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงในคำพิพากษาศาลชั้นต้น-ศาลอุทธรณ์ ทำให้ฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามกฎหมาย
ศาลรับฟังพยานบอกเล่าได้ไม่ต้องห้าม แต่มีน้ำหนักน้อยต้องมีพยานหลักฐานอื่นประกอบจึงจะรับฟังลงโทษจำเลยได้ การที่จะรับฟังพยานหลักฐานใดเป็นการเพียงพอลงโทษได้หรือไม่เป็นดุลยพินิจของศาล
จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบได้ความว่า จำเลยก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการจ้าง วาน ใช้ ไม่ใช่จำเลยร่วมเป็นตัวการด้วย แต่ศาลล่างทั้งสองกลับฟังว่าจำเลยเป็นตัวการ ข้อเท็จจริงที่ปรากฎในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับฟ้องที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ เป็นฎีกาเพื่อให้ศาลฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะการปรับบทลงโทษโดยระบุวรรคของมาตราที่ลงโทษให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบได้ความว่า จำเลยก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการจ้าง วาน ใช้ ไม่ใช่จำเลยร่วมเป็นตัวการด้วย แต่ศาลล่างทั้งสองกลับฟังว่าจำเลยเป็นตัวการ ข้อเท็จจริงที่ปรากฎในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับฟ้องที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ เป็นฎีกาเพื่อให้ศาลฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะการปรับบทลงโทษโดยระบุวรรคของมาตราที่ลงโทษให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3154/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: การกระทำที่บ่งชี้ถึงความรู้ว่าทรัพย์เป็นของผู้อื่น แม้มีส่วนแบ่งกำไร
แม้จะปรากฏว่า ส. เคยถูกฟ้องว่าร่วมกระทำผิดคดีเดียวกันนี้กับจำเลยมาก่อน คำเบิกความและคำให้การของ ส. จึงถือได้ว่าเป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกันก็ตาม แต่คำซัดทอดดังกล่าวก็มิได้เป็นเรื่องการปัดความผิดของผู้ซัดทอดให้เป็นความผิดของจำเลยผู้เดียว คงเป็นการแจ้งเรื่องราวถึงเหตุการณ์ที่ตนได้ประสบมาจากการกระทำผิดของตนยิ่งกว่าเป็นการปรักปรำจำเลย คำเบิกความและคำให้การของ ส. จึงมิใช่เป็นพยานหลักฐานที่จะรับฟังไม่ได้เสียเลย เพียงแต่มีน้ำหนักน้อยและจะต้องรับฟังด้วยความระมัดระวังเท่านั้น จำเลยผิดฐานรับของโจรโดยรับเอาเมล็ดกาแฟซึ่งเป็นทรัพย์ที่ ส. ลักไปจากผู้เสียหายเป็นบางส่วนเท่านั้น โดยพยานโจทก์ไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ว่า จำเลยรับเอาไปเป็นจำนวนเท่าใดราคาเท่าใด จะบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ทั้งหมดแก่เจ้าของทรัพย์ไม่ได้ ศาลจึงไม่กำหนดให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานเบิกความสอดคล้อง ผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่ขัดแย้ง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
ผลการตรวจพิสูจน์ที่ว่าขนอวัยวะเพศซึ่งตรวจพบที่ช่องคลอดผู้เสียหายไม่ใช่ขนอวัยวะเพศของจำเลยนั้นเป็นเพียงความเห็นของผู้ทำการตรวจพิสูจน์หลักฐานเท่านั้น ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ถึงกับจะทำให้คำเบิกความพยานโจทก์รับฟังไม่ได้