คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 226

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 698 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2030/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: ศาลล่างพิจารณาพยานหลักฐานอื่นนอกเหนือจากคำรับสารภาพ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นการปลอมเลขหมายประจำเครื่องยนต์ และเลขหมายประจำตัวถังของรถจักรยานยนต์ของกลางโจทก์มีแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยมาแสดงต่อศาลเท่านั้น จะนำมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ เป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์หาได้หยิบยกเอาเฉพาะแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยมาวินิจฉัยเท่านั้น แต่ยังนำพยานหลักฐานอื่นมาประกอบคำวินิจฉัยด้วยว่าจำเลยได้กระทำความผิดดังฟ้องจริง ฎีกาของจำเลยจึงเป็นเรื่องที่โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลล่างทั้งสอง อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2030/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริง กรณีศาลล่างพิจารณาพยานหลักฐานอื่นประกอบคำรับสารภาพ
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นการปลอมเลขหมายประจำเครื่องยนต์ และเลขหมายประจำตัวถัง ของรถจักรยานยนต์ของกลางโจทก์มีแต่ คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยมาแสดงต่อ ศาลเท่านั้น จะนำมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ เป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์หาได้ หยิบยกเอาเฉพาะแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยมาวินิจฉัยเท่านั้น แต่ ยังนำพยานหลักฐานอื่นมาประกอบคำวินิจฉัยด้วยว่าจำเลยได้ กระทำความผิดดังฟ้องจริง ฎีกาของจำเลยจึงเป็นเรื่องที่โต้เถียง ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลล่างทั้งสอง อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอฟังว่าจำเลยทั้งห้ากระทำความผิดฐานพยายามฆ่าและมีอาวุธปืนเถื่อน ศาลฎีกายืนยกฟ้อง
จำเลยที่ 1 ถึง ที่ 4 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าได้ ร่วมวางแผนกับนาย บ และสั่งให้จำเลยที่ 5 ไปยิงโจทก์ร่วมคำ ของ จำเลยที่ 1 ถึง ที่ 4 จึงเป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหาด้วย กันมีน้ำหนักน้อยยังรับฟังเป็นความจริงไม่ได้ ส่วนคำเบิกความของนาย บที่ว่ารู้เห็นเกี่ยวกับจำเลยทั้งห้าวางแผนที่ศาลา วัดศิริมงคล และร้านอาหารตวงเพชรในการที่จะเอาอาวุธจรวด ไปยิงโจทก์ร่วม ก็ปรากฏจากคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ถึง ที่ 4 ว่านาย บได้ ร่วมวางแผนเป็นผู้ควบคุมดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ และพนักงานสอบสวนได้ จับกุมนาย บ มาดำเนินคดีเช่นกัน แต่ ต่อมาได้ กันไว้เป็นพยาน นับว่ามีพฤติการณ์เป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยถือ ว่าเป็นคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วย กัน มีน้ำหนักน้อย ยังรับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานโจทก์อ่อนแอ ไม่เพียงพอพิสูจน์ความผิดจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
คำให้การซัดทอดของผู้ต้องหาด้วยกันก็ดี คำเบิกความซัดทอดของผู้ที่มีพฤติการณ์เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดแต่ พนักงานสอบสวนได้ กันไว้เป็นพยานก็ดีต่าง มีน้ำหนักน้อย เมื่อโจทก์ไม่มีพยานประกอบที่พิสูจน์ให้ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง พยานหลักฐานโจทก์ก็ยังไม่เพียงพอให้รับฟังลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานโจทก์อ่อนแอ ไม่สามารถพิสูจน์ความผิดจำเลยได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
คำให้การซัดทอดของผู้ต้องหาด้วยกันก็ดี คำเบิกความซัดทอดของผู้ที่มีพฤติการณ์เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดแต่พนักงานสอบสวนได้กันไว้เป็นพยานก็ดีต่างมีน้ำหนักน้อย เมื่อโจทก์ไม่มีพยานประกอบที่พิสูจน์ให้ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง พยานหลักฐานโจทก์ก็ยังไม่เพียงพอให้รับฟังลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจร: พยานเบิกความประกอบกับหลักฐานรถยนต์ของกลางเชื่อมโยงจำเลย
เจ้าพนักงานตำรวจยึดรถยนต์ของกลางที่ถูกปล้นไปได้จาก ส.ต่อมา ส. เป็นพยานโจทก์เบิกความว่า จำเลยเป็นผู้นำรถยนต์ของกลางมาบอกขายให้ โดยมอบให้ไปทดลองขับ และมอบสัญญาเช่าซื้อให้ไว้ด้วย ในเมื่อ ส. รู้จักกับจำเลยมาก่อนเกิดเหตุและไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกัน จึงเชื่อว่า ส. เบิกความไปตามความจริงโดยมิได้ปรักปรำจำเลย แม้ความจริงจะปรากฏว่า ส. ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมดำเนินคดีในข้อหากระทำผิดร่วมกับจำเลยคำเบิกความของ ส. จะเข้าลักษณะเป็นคำซัดทอดของผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดด้วยกัน แต่ก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติไม่ให้รับฟังคำซัดทอดของผู้ต้องหาว่ากระทำผิดด้วยกัน การที่จะเชื่อคำพยานได้หรือไม่นั้นย่อมแล้วแต่เหตุผลที่พยานเบิกความ เมื่อรถยนต์ของกลางที่จำเลยบอกขายให้ ส. มีป้ายทะเบียนปลอม สีรถถูกเปลี่ยนมาเป็นสีแดง หมายเลขประจำตัวถังและหมายเลขประจำเครื่องยนต์ถูกขูดลบออกและตอกหมายเลขใหม่ให้ตรงกับสีรถของจำเลยที่เช่าซื้อมาพยานแวดล้อมจึงฟังได้ว่า จำเลยได้รับรถยนต์ของกลางไว้แล้วช่วยจำหน่าย หรือช่วยพาไปเสีย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจรตามฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังผลพิสูจน์ลายมือชื่อจากคดีอื่นประกอบการพิจารณาคดีเช็ค – ไม่ขัดกฎหมาย
โจทก์จำเลยตกลง กันให้ถือ เอาผลการพิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในคดีอื่นมาเป็นผลการตรวจ พิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ และได้ แถลงรับกันว่าผลการตรวจ พิสูจน์ลายมือชื่อในคดีดังกล่าว ปรากฏว่า ลายมือชื่อในเช็ค ไม่ใช่ลายมือของจำเลยที่ 2 ศาลจึงมีอำนาจที่จะรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวประกอบกับพยานหลักฐานอื่นในสำนวนแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้ ไม่เป็นการผิดกฎหมายหรือขัดต่อ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพ, พยานแวดล้อม, และดุลพินิจศาลในการลดโทษคดีอาญา
จำเลยให้การรับสารภาพและศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์เพียงขอลดมาตราส่วนโทษโดยมิได้อุทธรณ์ในปัญหาที่ว่าจำเลยมิได้กระทำผิดตามฟ้อง ปัญหานี้จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยก็เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
การพิพากษาคดีอาญา หาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายใดให้ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาคดีอื่น ดังนั้นเมื่อ ว. ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดร่วมกับจำเลยถูกฟ้องในคดีอื่น และศาลพิพากษายกฟ้องเพราะไม่มีประจักษ์พยาน จึงไม่ผูกพันศาลว่าจะต้องพิพากษายกฟ้องจำเลยในคดีนี้ด้วย
แม้จำเลยจะกระทำผิดขณะมีอายุ 18 ปี แต่พฤติกรรมที่จำเลยร่วมกันวางแผนกระทำความผิดและดำเนินการตามแผนที่วางไว้ส่อแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกผิดชอบเสมือนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ศาลใช้ดุลพินิจไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการวินิจฉัยข้อไม่รับฟ้อง, ความเป็นอิสระของการพิจารณาคดี, และดุลพินิจในการลดโทษ
จำเลยให้การรับสารภาพและศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์เพียงขอลดมาตราส่วนโทษโดยมิได้อุทธรณ์ในปัญหาที่ว่าจำเลยมิได้กระทำผิดตามฟ้อง ปัญหานี้จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยก็เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา การพิพากษาคดีอาญา หาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายใดให้ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาคดีอื่น ดังนั้นเมื่อ ว. ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดร่วมกับจำเลยถูกฟ้องในคดีอื่นและศาลพิพากษายกฟ้องเพราะไม่มีประจักษ์พยาน จึงไม่ผูกพันศาลว่าจะต้องพิพากษายกฟ้องจำเลยในคดีนี้ด้วย แม้จำเลยจะกระทำผิดขณะมีอายุ 18 ปี แต่พฤติกรรมที่จำเลยร่วมกันวางแผนกระทำความผิดและดำเนินการตามแผนที่วางไว้ส่อแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกผิดชอบเสมือนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ศาลใช้ดุลพินิจไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 488/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดทางอาญาต้องอาศัยพยานหลักฐานที่ชัดเจน การรับคำสารภาพต้องปราศจากความขัดแย้ง
พยานหลักฐานของโจทก์ฟังได้เพียงว่าไร่ที่ปลูกกัญชาและพืชอื่น ๆ เป็นของนายจ้าง จำเลยเป็นเพียงลูกจ้างที่ช่วย ทำไร่โดย โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยเกี่ยวข้องกับไร่กัญชาของนายจ้างอย่างไร ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเข้าทำงานเป็นลูกจ้างตั้งแต่ เมื่อใดและจำเลยได้ ช่วย ปลูกหรือช่วย ทนุ บำรุงกัญชาของกลางหรือไม่จึงไม่มีพฤติการณ์ส่อแสดงการร่วมกระทำผิดของจำเลย ประกอบกับในชั้นสอบสวน จำเลยให้การว่าเมื่อเริ่มเข้าทำงานเป็นลูกจ้างก็เห็นมีต้นกัญชาอยู่แล้ว แต่ จำเลยไม่ได้สนใจอย่างไร แสดงว่าจำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับไร่กัญชาของนายจ้างคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยดังกล่าวมิใช่เป็นคำให้การรับสารภาพไม่อาจรับฟังประกอบพยานโจทก์เพื่อลงโทษจำเลยได้ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ ร่วมกับนายจ้างปลูกกัญชาของกลางและร่วมกันมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ส่วนอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางที่ยึดได้ จากชื่อและครัวในขนำโดย นายจ้างเป็นเจ้าของขนำและได้ อยู่ อาศัยในขนำขณะที่เจ้าพนักงานเข้าตรวจ ค้นตาม ปกติทรัพย์สินในขนำควรจะเป็นของผู้เป็นนายจ้าง เว้นแต่โจทก์นำสืบได้ ว่าจำเลยซึ่ง เป็นลูกจ้างเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น ทางพิจารณาโจทก์คงมีแต่ บันทึกการจับกุมและคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ยืนยันว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางเป็นของจำเลย จำเลยนำสืบปฏิเสธว่าจำเลยให้การรับสารภาพเพราะถูก ชกต่อยทำร้าย แม้จำเลยนำสืบลอย ๆ แต่ เมื่อถ้อยคำ ของ จำเลยตาม บันทึกการจับกุมไม่ตรง กับถ้อยคำ ของ จำเลยตาม คำเบิกความของพยานโจทก์ผู้ร่วมจับกุมจำเลยจึงเป็น เหตุน่าสงสัยว่าบันทึกการจับกุมและคำให้การชั้นสอบสวนได้ มีการบันทึกถูกต้อง ตรง กับความเป็นจริงหรือไม่เพราะทำขึ้นในคราวเดียว กัน คำให้การดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักที่จะนำมารับฟังประกอบพยานโจทก์เพื่อลงโทษจำเลยในความผิดฐาน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต.
of 70