คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 226

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 698 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำตายของผู้ถูกทำร้ายเป็นพยานรับฟังได้
ผู้ตายระบุชื่อคนร้ายแก่ผู้ถาม 3 ครั้งในเวลาห่างกันไม่มากนักโดยครั้งที่สามผู้ตายระบุชื่อคนร้ายขณะที่ผู้ตายมีอาการเพียบหนักทุรนทุราย ต่อจากนั้นผู้ตายก็พูดไม่ได้แล้ว แสดงว่าผู้ตายกล่าวย้ำยืนยันในขณะที่ตนเองรู้ตัวว่าใกล้จะตายคำกล่าวของผู้ตายเช่นนี้ย่อมรับฟังเป็นพยานได้ว่าเป็นความจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพประกอบพยานแวดล้อมมีน้ำหนักเพียงพอลงโทษจำเลยได้ แม้ไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์โดยตรง
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนเล็กกลยิงกราดผู้เสียหายและผู้ตายในโรงภาพยนตร์ แต่มีพยานแวดล้อมโดยผู้เสียหายคนหนึ่งเห็นจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุในเวลาใกล้เคียงกับขณะเกิดเหตุ สอดคล้องกับคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลย จำเลยรับสารภาพทั้งชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนต่อหน้านายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ทั้งยังนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและขอขมาต่อผู้เสียหายและบิดามารดาของผู้ตายด้วยความสมัครใจเพราะสำนึกผิดและโดยเปิดเผยต่อหน้าประชาชนและสื่อมวลชน พยานโจทก์ทุกปากไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย ไม่มีเหตุผลที่จะให้การปรับปรำจำเลย พนักงานสอบสวนก็ให้ความเป็นธรรมแก่จำเลยในวันพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น จำเลยก็ยังให้การรับสารภาพในตอนต้น แม้ต่อมาจะกลับให้การปฏิเสธแต่ก็ไม่ปรากฏว่าเป็นเพราะเหตุใด เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว จำเลยก็มิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษา เชื่อว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงตามฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพและพยานแวดล้อมเพียงพอต่อการลงโทษคดีอาญา แม้ไม่มีพยานรู้เห็นโดยตรง
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนเล็กกลยิงกราดผู้เสียหายและผู้ตายในโรงภาพยนตร์ แต่มีพยานแวดล้อมโดยผู้เสียหายคนหนึ่งเห็นจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุในเวลาใกล้เคียงกับขณะเกิดเหตุ สอดคล้องกับคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลย จำเลยรับสารภาพทั้งชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนต่อหน้านายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ทั้งยังนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและขอขมาต่อผู้เสียหายและบิดามารดาของผู้ตายด้วยความสมัครใจเพราะสำนึกผิดและโดยเปิดเผยต่อหน้าประชาชนและสื่อมวลชนพยานโจทก์ทุกปากไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย ไม่มีเหตุผลที่จะให้การปรักปรำจำเลย พนักงานสอบสวนก็ให้ความเป็นธรรมแก่จำเลยในวันพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น จำเลยก็ยังให้การรับสารภาพในตอนต้น แม้ต่อมาจะกลับให้การปฏิเสธ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าเป็นเพราะเหตุใด เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว จำเลยก็มิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษา เชื่อว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับสารภาพ-คำรับสารภาพสอดคล้องพยานแวดล้อม-การกลับคำให้การ-น้ำหนักพยาน-การพิจารณาโทษ
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนเล็กกลยิงกราดผู้เสียหายและผู้ตายในโรงภาพยนตร์ แต่มีพยานแวดล้อมโดยผู้เสียหายคนหนึ่งเห็นจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุในเวลาใกล้เคียงกับขณะเกิดเหตุ สอดคล้องกับคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลย จำเลยรับสารภาพทั้งชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนต่อหน้านายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ทั้งยังนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและขอขมาต่อผู้เสียหายและบิดามารดาของผู้ตายด้วยความสมัครใจเพราะสำนึกผิดและโดยเปิดเผยต่อหน้าประชาชนและสื่อมวลชน พยานโจทก์ทุกปากไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย ไม่มีเหตุผลที่จะให้การปรับปรำจำเลย พนักงานสอบสวนก็ให้ความเป็นธรรมแก่จำเลยในวันพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น จำเลยก็ยังให้การรับสารภาพในตอนต้น แม้ต่อมาจะกลับให้การปฏิเสธแต่ก็ไม่ปรากฏว่าเป็นเพราะเหตุใด เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว จำเลยก็มิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษา เชื่อว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 633/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาตัดสินให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้พยานหลักฐานมีข้อโต้แย้ง แต่พยานหลักฐานอื่นเพียงพอให้รับฟังได้
สถานที่เกิดเหตุอยู่ในตลาด มีแสงไฟฟ้ามองเห็นได้ชัดในระยะ20 เมตร ขณะจำเลยยิงผู้ตายผู้ตายและ ส. อยู่ห่างจำเลยราว2 เมตร ส. ย่อมเห็นจำเลยได้ชัดเจน ทั้งขณะเกิดเหตุก็ไม่มีเหตุการณ์สับสนวุ่นวายอันจะเป็นเหตุให้จดจำคนร้ายผิดพลาดไปได้ดังนั้น ที่ ส. เบิกความว่าจำเลยเป็นคนร้ายยิงผู้ตายจึงน่าเชื่อถือ ชั้นสอบสวน บ. ยืนยันว่าเห็นจำเลยเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มผู้ตายซึ่งให้การไว้อย่างมีเหตุผล รายละเอียดต่าง ๆ ก็ให้การสอดคล้องกันกับคำเบิกความของ ส. พยานโจทก์ คำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวแม้จะเป็นเพียงพยานบอกเล่าก็สามารถรับฟังประกอบคำเบิกความของส.พยานโจทก์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นได้ ชั้นศาล บ.ไม่ยอมมาเป็นพยานโจทก์โดยไม่ปรากฏเหตุผลแต่กลับมาเป็นพยานจำเลยโดยเบิกความกลับคำให้การชั้นสอบสวนที่อ้างว่าคำให้การชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนเขียนขึ้นเองแล้วพยานลงชื่อโดยไม่ได้อ่านก่อนนั้น ปรากฏว่านอกจาก บ.จะลงชื่อไว้ในคำให้การชั้นสอบสวนแล้วยังได้ลงชื่อไว้ในบันทึกการชี้ตัวผู้ต้องหายืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตาย กรณีจึงน่าเชื่อว่า บ.ได้เห็นจำเลยยิงผู้ตายดังที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา: ความน่าเชื่อถือของพยานผู้เสียหายและเด็กหญิงจากความสัมพันธ์ทางญาติ
ผู้เสียหายถูกคนร้ายยิงบาดเจ็บและแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจภายหลังออกจากโรงพยาบาลแล้วว่า จำเลยที่ 2 เป็นคนร้ายที่ยิงผู้เสียหายคนหนึ่ง ก็เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ผู้เสียหายและภริยาซึ่งร่วมอยู่ในที่เกิดเหตุ ผู้เสียหายจึงบอกภริยาขณะรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า อย่างเพิ่งบอกความจริงต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ประกอบกับผู้เสียหายและเด็กหญิง ข. บุตรซึ่งเป็นประจักษ์พยานต่างเป็นญาติกับจำเลยที่ 1 ดังนั้น การที่ภริยาและเด็กหญิง ข. มิได้แจ้งความในทันทีทันใดจึงไม่เป็นข้อพิรุธ ศาลรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน: การถอนฟ้องเพื่อส่งดำเนินคดีต่อโดยอัยการพลเรือน และการรับฟังพยานผู้มีส่วนร่วม
ทรัพย์ตามฟ้องซึ่งถูกคนร้ายลักไปเป็นของกระทรวงกลาโหมอยู่ในความดูแลของกรมสรรพาวุธทหารบกซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกองทัพบกกระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบกและกระทรวงกลาโหม ต่างก็เป็นนิติบุคคลและเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ การที่เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก ผู้ครอบครองดูแลทรัพย์ดังกล่าว มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ไปร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลย ทั้งคดีนี้เป็นคดีอาญาแผ่นดิน พนักงานสอบสวนจึงมีอำนาจสอบสวนและพนักงานอัยการ กรมอัยการ ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้ เดิมอัยการศาลทหารกรุงเทพเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดเดียวกับคดีนี้ไว้แล้ว ต่อมาขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณา โจทก์คดีนั้นได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง โดยอ้างว่าจำเลยเป็นบุคคลพลเรือนที่สังกัดอยู่ในราชการทหารกระทำความผิดฐานรับของโจทก์และมีอาวุธปืนไว้โดยฝ่าฝืนกฎหมายนอกที่ตั้งหน่วยทหาร คดีไม่อยู่ในอำนาจศาลทหารตามพระธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 14(2) โจทก์จึงขอถอนฟ้องเพื่อส่งคืนพนักงานสอบสวนให้ส่งพนักงานอัยการพลเรือนดำเนินการต่อไป มิใช่เป็นการถอนฟ้องเด็ดขาดตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36 แต่เป็นการถอนฟ้องเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องเกี่ยวกับอำนาจศาลเท่านั้น และแม้กรณีศาลทหารยกฟ้องเพราะเหตุคดีอยู่ในอำนาจศาลพลเรือน พนักงานอัยการก็ยังนำคดีมาฟ้องต่อศาลพลเรือนได้ ดังนั้นสิทธินำคดีมาฟ้องจึงหาระงับไปไม่ พนักงานอัยการ กรมอัยการ มีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้ ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายห้ามมิให้รับฟังพยานโจทก์ที่เคยตกอยู่ในฐานะผู้ต้องหาด้วยกัน เป็นแต่มีน้ำหนักให้รับฟังมากน้อยเพียงใดเท่านั้นหากศาลเห็นว่าพยานเช่นว่านั้นเบิกความประกอบชอบด้วยเหตุผลเชื่อได้ว่าเบิกความตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ศาลก็มีอำนาจรับฟังพยานดังกล่าวประกอบคดีของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงในระยะใกล้ชิดกับเจตนาฆ่า: พฤติการณ์และการพิจารณาจากบาดแผลและคำเบิกความ
แพทย์เบิกความว่าบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับนอกจากจะพบหัวกระสุนปืนแล้วยังพบหมอนรองกระสุนปืนฝังอยู่ในบาดแผลด้วยแสดงว่าคนร้ายยิงผู้เสียหายในระยะใกล้ชิดมาก ซึ่งรับกับคำของผู้เสียหายว่าเห็นจำเลยเดินค่อมๆใช้มือไขว้หลังเดินมาทางด้านหลังผู้เสียหายแล้วใช้ปืนยิงห่างจากผู้เสียหายประมาณ1 เมตรเช่นนี้ คำเบิกความของผู้เสียหายรับฟังได้ เพราะหากมิได้ยิงในระยะใกล้หมอนรองกระสุนซึ่งมีน้ำหนักเบาคงไม่เข้าไปฝังอยู่ในบาดแผล
จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นซึ่งเป็นอาวุธที่ทำให้ถึงแก่ความตายได้ยิงผู้เสียหายในระยะกระชั้นชิด แม้กระสุนถูกขาผู้เสียหาย แต่ก็เนื่องจากผู้เสียหายระวังตัวอยู่ก่อนและหลบได้ทัน กระสุนจึงพลาดจากตัวไปถูกขา เช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานบุคคลผู้พิการ (หูหนวก-ใบ้) โดยใช้ล่ามภาษามือ และการพิสูจน์ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานอื่นประกอบ
คำเบิกความของพยานที่หูหนวกและเป็นใบ้ให้ถือว่าเป็นคำเบิกความของพยานบุคคล ส่วนวิธีถามหรือตอบนั้นอาจจะกระทำโดยวิธีเขียนหนังสือหรือโดยวิธีอื่นที่สมควรได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 96

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4623/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชี้ตัวผู้ต้องหาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และพยานที่รับสินบน ทำให้พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการลงโทษ
หลังเกิดเหตุนานประมาณ 2 เดือน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบถามผู้เสียหายถึงเรื่องถูกคนร้ายชิงทรัพย์แล้วให้ไปดู ตัวและชี้ คนร้ายผู้เสียหายชี้ ว่าจำเลยเป็นคนร้าย แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ผู้เสียหายแอบดู จำเลยที่ม่านในห้องพนักงานสอบสวนก่อนชี้ ตัวเช่นนี้ จะรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวมาลงโทษจำเลยไม่ได้ พ. พยานโจทก์สามารถชี้ ตัวจำเลยว่าเป็นคนร้ายได้ถูกต้องเพราะได้รับเงินจากเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 400 บาท พยานปากนี้ได้กระทำไปโดยมีอามิสสินจ้าง จึงเป็นพยานที่ขาดน้ำหนัก ฟังลงโทษจำเลยไม่ได้เช่นกัน.
of 70