พบผลลัพธ์ทั้งหมด 698 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพประกอบพยานหลักฐานอื่น ฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานข่มขืนและฆ่า
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นเหตุการณ์ขณะจำเลยข่มขืนและฆ่าเด็กหญิง พ. แต่โจทก์มีพยานมาเบิกความว่าเห็นชายคนหนึ่งวิ่งไล่เด็กผู้หญิง พยานจำไม่ได้ว่าเป็นใครเพราะยืนดูอยู่ห่าง ปรากฏว่าเวลาที่พยานเห็นเหตุการณ์นั้นตรงกับเวลาที่เกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุเล็กน้อยพยานได้พบจำเลยอยู่ตรงบริเวณใกล้กับที่พบศพเด็กหญิง พ. จำเลยสวมเสื้อผ้าเช่นเดียวกับเสื้อผ้าของชายที่วิ่งไล่เด็กผู้หญิง ทั้งพฤติการณ์ของชายและเด็กผู้หญิงที่พยานเห็นนั้นก็ตรงกับข้อเท็จจริงตามคำรับสารภาพของจำเลย ประกอบกับได้ความว่า การทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพของจำเลยนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องคอยถามจำเลยทุกขั้นตอน และบางครั้งเมื่อผู้แสดงแทนผู้ตายทำไม่ถูก จำเลยก็บอกให้ทำใหม่ให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นเหตุผลแสดงว่าจำเลยได้ให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ ดังนี้ ฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดตามฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพและการนำชี้ที่เกิดเหตุเป็นหลักฐานสำคัญยืนยันความผิดของผู้ต้องหา
แม้พยานโจทก์มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุมจำเลยและพนักงานสอบสวนมาเบิกความประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและสอบสวนแต่จำเลยก็ไม่ได้อ้างตัวเองเป็นพยานปฏิเสธคำรับสารภาพดังกล่าว ทั้งยังนำชี้ที่เกิดเหตุ แสดงจุดที่ใช้เป็นช่องทางเข้าบ้านผู้เสียหาย งัดฝาบ้านเข้าไปลักทรัพย์ช่องทางเอาทรัพย์ออกจากบ้านผู้เสียหาย จุดที่ถอดขาตู้โทรทัศน์ทิ้งไว้ ตลอดจนช่องทางที่ออกจากบ้านผู้เสียหาย ตรงกับร่องรอยของคนร้าย ดังนี้เชื่อได้ว่าจำเลยรับสารภาพในชั้นจับกุมและสวบสวนตามความสัตย์จริง และรับฟังลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอฟังลงโทษคดีข่มขืน การรับฟังพยานบอกเล่าและการขาดรายละเอียดคำรับสารภาพ
โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเป็นพยาน คงมีแต่คำให้การในชั้นสอบสวนของผู้เสียหายว่าจำเลยข่มขืนผู้เสียหายหลายครั้งพยานของโจทก์ปากอื่นก็ล้วนแต่ได้รับฟังการบอกเล่ามาจากผู้เสียหาย ส่วนคำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมของจำเลยก็ไม่มีรายละเอียดว่าผู้เสียหายถูกข่มขืนกระทำชำเราที่ไหนอย่างไรจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวนและชั้นศาลตลอดมา พยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่พอฟังลงโทษจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่พอฟังลงโทษคดีข่มขืน จำเลยปฏิเสธตลอด
โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเป็นพยาน คงมีแต่คำให้การในชั้นสอบสวนของผู้เสียหายว่าจำเลยข่มขืนผู้เสียหายหลายครั้ง พยานของโจทก์ปากอื่นก็ล้วนแต่ได้รับฟังการบอกเล่ามาจากผู้เสียหาย ส่วนคำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมของจำเลยก็ไม่มีรายละเอียดว่าผู้เสียหายถูกข่มขืนกระทำชำเราที่ไหนอย่างไรจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวนและชั้นศาลตลอดมา พยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่พอฟังลงโทษจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกกล่าวของผู้ตายก่อนสิ้นใจต้องมีสภาพจิตใจที่หมดหวังแล้วจึงจะรับฟังได้ พยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอต่อการลงโทษ
ถ้อยคำของผู้ตายที่ให้ไว้ต่อแพทย์และเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ทำการรักษาผู้ตาย โดยระบุชื่อ จำเลยว่าเป็นคนยิงผู้ตายนั้น เมื่อไม่ได้ความว่าผู้ตายระบุชื่อ จำเลยในขณะที่ผู้ตายรู้ตัวว่าหมดหวังจะมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่เช่นนี้จะรับฟังพยานนั้นมิได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกกล่าวของผู้ตายต้องระบุชื่อผู้กระทำผิดขณะหมดหวังถึงชีวิต จึงจะรับฟังได้
เกณฑ์สำคัญประการหนึ่งที่ให้รับฟังคำบอกกล่าวของผู้ตาย คือผู้ตายต้องระบุชื่อผู้ทำร้ายในขณะที่ผู้ตายรู้ตัวว่าหมดหวังที่จะมีชีวิตรอดอยู่ ทั้งนี้เพราะคนที่รู้สึกตัวว่าหมดหวังจะมีชีวิตรอดอยู่ได้แล้วกล่าวถ้อยคำใดนั้นถือว่ากล่าวโดยสาบานตัวแล้วและไม่ต้องการกล่าวเท็จก่อเวรกรรมอีกต่อไป ส่วนจะถึงแก่ความตายเมื่อใดหาเป็นข้อสำคัญไม่
คำบอกกล่าวของผู้ตายที่ระบุชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำร้ายผู้ตาย แต่ไม่ได้ความว่าผู้ตายกล่าวในขณะที่รู้ตัวว่าหมดหวังจะมีชีวิตรอดอยู่ได้หรือไม่จึงขาดเกณฑ์สำคัญที่ให้รับฟังคำบอกกล่าวของผู้ตายตามกระบวนความ แม้ผู้ตายจะสิ้นใจในอีก 10 นาทีต่อมา คำบอกกล่าวของผู้ตายเช่นนี้ย่อมไม่น่าเชื่อถือ
คำบอกกล่าวของผู้ตายที่ระบุชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำร้ายผู้ตาย แต่ไม่ได้ความว่าผู้ตายกล่าวในขณะที่รู้ตัวว่าหมดหวังจะมีชีวิตรอดอยู่ได้หรือไม่จึงขาดเกณฑ์สำคัญที่ให้รับฟังคำบอกกล่าวของผู้ตายตามกระบวนความ แม้ผู้ตายจะสิ้นใจในอีก 10 นาทีต่อมา คำบอกกล่าวของผู้ตายเช่นนี้ย่อมไม่น่าเชื่อถือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกกล่าวของผู้ตายต้องระบุชื่อผู้กระทำผิดขณะหมดหวัง จึงจะรับฟังได้
เกณฑ์สำคัญประการหนึ่งที่ให้รับฟังคำบอกกล่าวของผู้ตาย คือผู้ตายต้องระบุชื่อผู้ทำร้ายในขณะที่ผู้ตายรู้ตัวว่าหมดหวังที่จะมีชีวิตรอดอยู่ ทั้งนี้เพราะคนที่รู้สึกตัวว่าหมดหวังจะมีชีวิตรอดอยู่ได้แล้วกล่าวถ้อยคำใดนั้นถือว่ากล่าวโดยสาบานตัวแล้วและไม่ต้องการกล่าวเท็จก่อเวรกรรมอีกต่อไป ส่วนจะถึงแก่ความตายเมื่อใดหาเป็นข้อสำคัญไม่
คำบอกกล่าวของผู้ตายที่ระบุชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำร้ายผู้ตาย แต่ไม่ได้ความว่าผู้ตายกล่าวในขณะที่รู้ตัวว่าหมดหวังจะมีชีวิตรอดอยู่ได้หรือไม่จึงขาดเกณฑ์สำคัญที่ให้รับฟังคำบอกกล่าวของผู้ตายตามกระบวนความ แม้ผู้ตายจะสิ้นใจในอีก 10 นาทีต่อมา คำบอกกล่าวของผู้ตายเช่นนี้ย่อมไม่น่าเชื่อถือ.
คำบอกกล่าวของผู้ตายที่ระบุชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำร้ายผู้ตาย แต่ไม่ได้ความว่าผู้ตายกล่าวในขณะที่รู้ตัวว่าหมดหวังจะมีชีวิตรอดอยู่ได้หรือไม่จึงขาดเกณฑ์สำคัญที่ให้รับฟังคำบอกกล่าวของผู้ตายตามกระบวนความ แม้ผู้ตายจะสิ้นใจในอีก 10 นาทีต่อมา คำบอกกล่าวของผู้ตายเช่นนี้ย่อมไม่น่าเชื่อถือ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกเล่าของผู้ถูกยิงก่อนตายเป็นพยานหลักฐานสำคัญพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิด
เมื่อเกิดเหตุแล้ว ผู้ตายซึ่งถูกยิงที่หน้าท้องได้เดินมาขอความช่วยเหลือจาก ก. ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 50 เมตร แล้วบอกกับ ก. และ ส. ทันทีว่าจำเลยยิง ถ้อยคำของผู้ตายดังกล่าวเป็นคำบอกกล่าวในทันทีทันใดในเวลาใกล้ชิดต่อเนื่องกับเวลาเกิดเหตุและระบุว่าจำเลยเป็นคนร้ายโดยไม่มีโอกาสที่จะคิดใส่ความบุคคลอื่น และผู้ตายได้กล่าวอีกว่า ช่วยผู้ตายหน่อย พร้อมกับขอปัสสาวะของ ก. ดื่มเพื่อกันเลือดขึ้น ใจของผู้ตายไม่ดีเลยให้รีบไปแจ้งความและรีบเอาหมอมา ถ้อยคำของผู้ตายแสดงถึงความรู้สึกว่าตนจะต้องถึงแก่ความตายแล้ว การที่ผู้ตายบอกกล่าวในขณะที่มีความรู้สึกเช่นนั้นว่า คนร้ายที่ยิงตนคือจำเลยเช่นนี้ ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานว่าเป็นความจริงตามคำกล่าวได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกเล่าของผู้ตายก่อนเสียชีวิตเป็นพยานหลักฐานสำคัญยืนยันตัวผู้กระทำผิด
เมื่อเกิดเหตุแล้ว ผู้ตายซึ่งถูกยิงที่หน้าท้องได้เดิน มาขอความช่วยเหลือจาก ก. ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 50 เมตร แล้วบอกกับก. และ ส. ทันทีว่าจำเลยยิง ถ้อยคำของผู้ตายดังกล่าวเป็นคำบอกกล่าวในทันทีทันใดในเวลาใกล้ชิดต่อเนื่องกับเวลาเกิดเหตุและระบุว่าจำเลยเป็นคนร้ายโดยไม่มีโอกาสที่จะคิดใส่ความบุคคลอื่น และผู้ตายได้กล่าวอีกว่า ช่วย ผู้ตายหน่อย พร้อมกับขอปัสสาวะของ ก. ดื่ม เพื่อกันเลือดขึ้น ใจของผู้ตายไม่ดีเลยให้รีบไปแจ้งความและรีบเอาหมอ มา ถ้อยคำของผู้ตายแสดงถึงความรู้สึกว่าตนจะต้องถึงแก่ความตายแล้ว การที่ผู้ตายบอกกล่าวในขณะที่มีความรู้สึกเช่นนั้นว่า คนร้ายที่ยิงตนคือจำเลยเช่นนี้ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานว่าเป็นความจริงตามคำกล่าวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 231/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานขัดแย้ง ศาลยกฟ้องจำเลยที่ 2 ฐานร่วมกระทำความผิดอาญา เนื่องจากพยานผู้เสียหายให้การไม่สอดคล้องกัน
แม้โจทก์จะมีผู้เสียหายเพียงปากเดียวเบิกความยืนยันว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้าย แต่ในชั้นจับกุมและสอบสวนจำเลยที่ 1 ก็ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกระทำผิดด้วย ทั้งได้นำชี้ ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพไว้ถึง 2 ครั้ง กับยังปรากฏด้วยว่าหลังจากเกิดเหตุแล้วจำเลยที่ 1 ได้นำอาวุธปืนลูกซองสั้นไปฝากบุคคลอื่นไว้ อาวุธปืนกระบอกนี้เมื่อนำมาพิสูจน์เปรียบเทียบกับปลอกกระสุนปืนลูกซองที่พบในที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าเป็นปลอกกระสุนปืนที่ยิงมาจากอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว พยานหลักฐานโจทก์จึงประกอบกันมั่นคงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1ได้ร่วมกระทำความผิดดัง โจทก์ฟ้อง เมื่อคำเบิกความของผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เป็นที่น่าสงสัยว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้กระทำผิดจริงหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 2.