คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 226

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 698 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานลักทรัพย์: เลือกใช้บทลงโทษเบากว่าเมื่อกฎหมายใหม่ไม่ถือเป็นเหตุฉกรรจ์
เหตุเกิดในขณะใช้กฎหมายลักษณะอาญา จำเลยทั้ง 4 คน สมคบกันลักของใช้สำหรับราชการ และลักในเวลาค่ำคืน แต่ประมวลกฎหมายอาญา ม.335 มิได้บัญญัติว่าการลักของใช้ในราชการเป็นเหตุฉกรรจ์ของการลักทรัพย์ จึงลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. 294 (4) ไม่ได้ (เทียบฎีกาที่ 535/2500)
แต่ว่าโดยที่การกระทำของจำเลยยังเป็นเหตุฉกรรจ์ ของการลักทรัพย์อยู่อีก 2ประการคือ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และร่วมกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ซึ่งประมวลกฎหมาย ม. 335 ยังบัญญัติไว้ให้เป็นเหตุฉกรรจ์อยู่ในอนุมาตรา (1) และ (7) ซึ่งตรงกับกฎหมายลักษณะอาญา ม.293(1) และ (11) และโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. 293 เบากว่าโทษในประมวลกฎหมายอาญา ม.335 เช่นนี้ ต้องวางบทลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. 293 (1) และ (11)
ขณะนี้ผลแห่งการตรวจสอบด้วยเครื่องจับเท็จ ยังมิใช่เป็นพยานหลักฐานที่ศาลยุติธรรมจะรับฟังเป็นยุติ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานลักทรัพย์: การปรับบทลงโทษเมื่อกฎหมายใหม่ไม่ถือว่าการลักของใช้ราชการเป็นเหตุฉกรรจ์
เหตุเกิดในขณะใช้กฎหมายลักษณะอาญา จำเลยทั้ง 4 คนสมคบกันลักของใช้สำหรับราชการ และลักในเวลาค่ำคืน แต่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 มิได้บัญญัติว่าการลักของใช้ในราชการเป็นเหตุฉกรรจ์ของการลักทรัพย์ จึงลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 294(4) ไม่ได้(เทียบฎีกาที่ 535/2500) แต่ว่าโดยที่การกระทำของจำเลยยังเป็นเหตุฉกรรจ์ของการลักทรัพย์อยู่อีก 2 ประการ คือ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนและร่วมกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ยังบัญญัติไว้ให้เป็นเหตุฉกรรจ์อยู่ในอนุมาตรา (1) และ (7) ซึ่งตรงกับกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293(1) และ (11) และโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293 เบากว่าโทษในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 เช่นนี้ ต้องวางบทลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 293(1) และ(11)
ขณะนี้ผลแห่งการตรวจสอบด้วยเครื่องจับเท็จ ยังมิใช่เป็นพยานหลักฐานทีศาลยุติธรรมจะรับฟังเป็นยุติ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 944/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำซัดทอดจำเลยด้วยกันฟังเป็นหลักฐานยันจำเลยอื่นไม่ได้ และการพิจารณาหลักฐานพยานต้องน่าเชื่อถือ
คำซัดทอดของจำเลยด้วยกันฟังเป็นพยานหลักฐานยันจำเลยอื่นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงเพื่อประทับโทษฐานพยายามฆ่า แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าปืนลั่น
ยิงในระหว่างวิวาท 2 นัด นัดหนึ่งถูกคู่วิวาทที่น่องทะลุ เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าโดยเจตนา
คู่วิวาทฝ่ายหนึ่งใช้หอกแทงฝ่ายหนึ่งใช้ปืนตี ปืนลั่น 2 นัดถูกอีกฝ่ายหนึ่งที่น่องทะลุ แม้จะฟังไม่ได้ว่าได้ยิงโดยอาการอย่างใดก็ยังฟังได้ว่าฝ่ายที่ถือปืนอยู่ในมือตั้งใจยิง ไม่ใช่ลั่นไปเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา: การพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหาต้องอาศัยพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงโดยตรง ไม่ใช่เพียงคำให้การที่ไม่น่าเชื่อถือ
ในอดีตฆาตกรรมนั้นไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์พยานรู้เห็นในขณะกระทำผิดเสมอไป พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีอันมั่นคงก็เพียงพอรับฟังมาลงโทษจำเลยได้
ข้อเท็จจริงได้ความแต่เพียงว่าจำเลยที่ 1 รายงานแจ้งเหตุวิสามัญฆาตกรรมโดยอ้างว่าจำเลยทั้ง 5 ยิงต่อสู้กับผู้ร้าย 5-6 คนในตอนกลางคืนซึ่งไม่ใช่ความจริง เป็นการปั้นเรื่องขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนการฆ่าผู้ตาย เพียงเท่านี้เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดยืนยันว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับผู้ตายในตอนใดเสียเลยแล้วเช่นนี้ ศาลจะฟังแต่เพียงถ้อยคำอันไม่ใช่ความจริงของจำเลยเองมาลงโทษจำเลยในคดีเรื่องฆ่าคนตายอันมีโทษอุกฤฎ์โดยไม่มีพยานโจทก์ยืนยันความผิดของจำเลยไม่ได้ ถือว่าโจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยเหล่านี้ทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานพยานโจทก์ไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดของจำเลยที่ 1-3 ในคดีร่วมกันฆ่า ต้องอาศัยคำให้การที่ไม่เป็นความจริงของจำเลย
ในคดีฆาตกรรมนั้นไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์พยานรู้เห็นในขณะกระทำผิดเสมอไป พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีอันมั่นคงก็เพียงพอรับฟังมาลงโทษจำเลยได้
ข้อเท็จจริงได้ความแต่เพียงว่าจำเลยที่ 1 รายงานแจ้งเหตุวิสามัญฆาตกรรมโดยอ้างว่าจำเลยทั้ง 5 ยิงต่อสู้กับผู้ร้าย 5-6 คนในตอนกลางคืนซึ่งไม่ใช่ความจริง เป็นการปั้นเรื่องขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนการฆ่าผู้ตาย เพียงเท่านี้เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดยืนยันว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับผู้ตายในตอนใดเสียเลยแล้วเช่นนี้ ศาลจะฟังแต่เพียงถ้อยคำอันไม่ใช่ความจริงของจำเลยเองมาลงโทษจำเลยในคดีเรื่องฆ่าคนตายอันมีโทษอุกฤษฎ์โดยไม่มีพยานโจทก์ยืนยันความผิดของจำเลยไม่ได้ ถือว่าโจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยเหล่านี้ทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา: พยานพฤติการณ์แวดล้อม, การควบคุมตัว, และการปั้นเรื่องเพื่อกลบเกลื่อนความผิด
ในคดีฆาตกรรมนั้นไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์พยานรู้เห็นในขณะกระทำผิดเสมอไป พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีอันมั่นคงก็เพียงพอรับฟังมาลงโทษจำเลยได้
ข้อเท็จจริงได้ความแต่เพียงว่าจำเลยที่ 1 รายงานแจ้งเหตุวิสามัญฆาตกรรมโดยอ้างว่าจำเลยทั้ง 5 ยิงต่อสู้กับผู้ร้าย 5-6 คนในตอนกลางคืนซึ่งไม่ใช่ความจริง เป็นการปั้นเรื่องขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนการฆ่าผู้ตาย เพียงเท่านี้เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดยืนยันว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับผู้ตายในตอนใดเสียเลยแล้วเช่นนี้ ศาลจะฟังแต่เพียงถ้อยคำอันไม่ใช่ความจริงของจำเลยเองมาลงโทษจำเลยในคดีเรื่องฆ่าคนตายอันมีโทษอุกฤษฎ์โดยไม่มีพยานโจทก์ยืนยันความผิดของจำเลยไม่ได้ ถือว่าโจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยเหล่านี้ทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาหลักฐานทางอ้อมและการพิสูจน์เจตนาฆ่า โดยปราศจากพยานรู้เห็นเหตุการณ์
ให้ศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงอย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำผิดนั้น
โจทก์มีพยานแวดล้อมว่า "ก่อนเกิดเหตุครึ่งเดือนผู้ตายชกนายใบจำเลยเรื่องแย่งวิดปลาที่นาพ่อตาซึ่งผู้ตายเคยวิดมาทุกปีและในวันเกิดเหตุเวลาเย็นจำเลยทั้งสามถืออาวุธมาชวนผู้ตายไปดูข้าวที่นาซึ่งนายใบจำเลยเช่าพ่อตาผู้ตายทำ ผู้ตายได้ไปกับจำเลยทั้ง 3 โดยไม่มีอาวุธ ประมาณหุงข้าวสุกผู้ตายก็ถูกทำร้ายถึงตายที่นาพ่อตาทั้งนายจันนายวันจำเลยก็รับว่าได้ทำร้ายผู้ตายตายจริงอ้างว่าผู้ตายเข้าไปลักข้าวในนาและต่อสู้กัน แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามมีบาดเจ็บเลย ส่วนบาดแผลของผู้ตายมีถึง 6 แห่ง ถูกทำร้ายด้วยของแข็งและมีคม หลักฐานพยานโจทก์แวดล้อมกรณีเหล่านี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยสมคบกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ดังนี้แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยทั้งสามเป็นคนฆ่าผู้ตายก็ตาม ก็ลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานแวดล้อมเพียงพอพิสูจน์เจตนาฆ่า แม้ไม่มีประจักษ์พยาน ศาลใช้ดุลพินิจชั่งน้ำหนักหลักฐาน
ให้ศาลใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงอย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริง และจำเลยเป็นผู้กระทำผิดนั้น
โจทก์มีพยานแวดล้อมว่า "ก่อนเกิดเหตุครึ่งเดือนผู้ตายชกนายใยจำเลยเรื่องแย่งวิดปลาที่นาพ่อตา ซึ่งผู้ตายเคยวิดมาทุกปี และในวันเกิดเหตุเวลาเย็นจำเลยทั้งสามถืออาวุธมาชวนผู้ตายไปดูข้าวที่นาซึ่งนายใบจำเลยเช่าพ่อตาผู้ตายทำ ผู้ตายได้ไปกับจำเลยทั้ง 3 โดยไม่มีอาวุธ ประมาณหุงข้าวสุกผู้ตายก็ถูกทำร้ายถึงตายที่นาพ่อตาทั้งนายจันนายวันจำเลยก็รับว่าได้ทำร้ายผู้ตายตายจริง อ้างว่าผู้ตายเข้าไปลักข้าวในนาและต่อสู้กัน แต่ไม่ปรากฎว่าจำเลยทั้งสามมีบาดเจ็บเลย ส่วนบาดแผลของผู้ตายมีถึง 6 แห่ง ถูกทำร้ายด้วยของแข็งและมีคม หลักฐานพยานโจทก์แวดล้อมกรณีเหล่านี้ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยสมคบกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ดังนี้แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยทั้งสามเป็นคนฆ่าผู้ตายก็ตาม ก็ลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้พยานแวดล้อมพิสูจน์เจตนาฆ่า แม้ไม่มีพยานรู้เห็นโดยตรง
ให้ศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงอย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำผิดนั้น
โจทก์มีพยานแวดล้อมว่า "ก่อนเกิดเหตุครึ่งเดือนผู้ตายชกนายใบจำเลยเรื่องแย่งวิดปลาที่นาพ่อตาซึ่งผู้ตายเคยวิดมาทุกปีและในวันเกิดเหตุเวลาเย็นจำเลยทั้งสามถืออาวุธมาชวนผู้ตายไปดูข้าวที่นาซึ่งนายใบจำเลยเช่าพ่อตาผู้ตายทำ ผู้ตายได้ไปกับจำเลยทั้ง 3 โดยไม่มีอาวุธ ประมาณหุงข้าวสุกผู้ตายก็ถูกทำร้ายถึงตายที่นาพ่อตาทั้งนายจันนายวันจำเลยก็รับว่าได้ทำร้ายผู้ตายตายจริงอ้างว่าผู้ตายเข้าไปลักข้าวในนาและต่อสู้กัน แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามมีบาดเจ็บเลย ส่วนบาดแผลของผู้ตายมีถึง 6 แห่ง ถูกทำร้ายด้วยของแข็งและมีคม หลักฐานพยานโจทก์แวดล้อมกรณีเหล่านี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยสมคบกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ดังนี้แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยทั้งสามเป็นคนฆ่าผู้ตายก็ตาม ก็ลงโทษจำเลยได้
of 70