คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ.

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 458 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทต้องพิจารณาจากบุคคลทั่วไป ไม่ใช่ผู้เสียหาย และต้องมีเจตนาเฉพาะเจาะจง
การกระทำซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น ต้องถือตามความรู้สึกนึกคิดของบุคคลธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือเอาแต่ความรู้สึกของผู้ที่อ้างว่าตนเป็นผู้เสียหาย
จำเลยลงภาพวาดมีข้อความกำกับในหนังสือพิมพ์ซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของและบรรณาธิการ และมีสำนักงานอยู่ในเขตเทศบาลเมืองยะลากล่าวหาว่ามีการทุจริตในเทศบาล แต่หนังสือพิมพ์ของจำเลยลงข่าวเหตุการณ์และจำหน่ายทั่วไปในจังหวัดภาคใต้ มิได้จำหน่ายเฉพาะในเมืองยะลา และข้อความนั้นไม่มีตอนใดพาดพิงถึงเทศบาลเมืองยะลาโดยเฉพาะเจาะจงหรืออาจเข้าใจได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความนายกเทศมนตรีกับคณะเทศมนตรีเมืองยะลาในขณะนั้น ทั้งในช่วงระยะปีเศษก่อน มีการโฆษณาภาพและข้อความนั้น เทศบาลเมืองยะลาก็มีการเปลี่ยนคณะเทศมนตรีถึง 7 ชุด คณะเทศมนตรีเมืองยะลาในขณะนั้นจึงไม่เป็นผู้เสียหายอันจะฟ้องร้องให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1984/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองวัดพม่าในไทย: คณะสงฆ์ไทยไม่มีอำนาจก้าวก่ายการปกครองวัดของต่างชาติ
พระราชบัญญัติคณะสงฆ์เป็นบทบัญญัติมุ่งใช้เฉพาะสงฆ์ไทยเท่านั้นมิได้บังคับใช้แก่คณะสงฆ์อื่นและไม่ประสงค์จะให้คณะสงฆ์ไทยไปก้าวก่ายในการปกครองคณะสงฆ์อื่นด้วย การปกครองคณะสงฆ์อื่นในประเทศไทยจะดำเนินการอย่างไรต้องออกเป็นกฎกระทรวงต่อไปตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ
เมื่อยังไม่มีกฎกระทรวงออกมาสำหรับใช้แก่การปกครองคณะสงฆ์อื่นในประเทศไทย การปกครองวัดปรกพม่าซึ่งสร้างขึ้นโดยชาวพม่าและทางราชการมอบให้อยู่ภายใต้การปกครองของสถานทูตพม่าประจำประเทศไทยจึงเป็นไปตามพิธีการของคณะสงฆ์พม่าเอง ซึ่งอยู่ในความควบคุมของสถานทูตพม่าประจำประเทศไทย ผู้ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะสงฆ์ไทยให้เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดปรกพม่าโดยสถานทูตพม่าประจำประเทศไทยและอธิบดีสงฆ์พม่าประจำประเทศไทยไม่ยอมรับ หามีอำนาจฟ้องคดีแทนวัดปรกพม่าไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1885/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องบุกรุกที่ดินต้องระบุที่ตั้งและเนื้อที่ให้ถูกต้อง หากโจทก์นำสืบไม่ตรงตามฟ้อง ศาลไม่สามารถลงโทษจำเลยได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่นาเนื้อที่ 13 ไร่เศษ ตั้งอยู่หมู่ที่ 10 ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ แต่โจทก์กลับนำสืบว่าจำเลยบุกรุกที่ดินในหมู่ที่ 3 มีเนื้อที่ 16-20 ไร่ ผิดจากฟ้องทั้งเนื้อที่กับที่ตั้งของที่ดินแสดงว่าโจทก์นำสืบไม่สมฟ้อง จะลงโทษจำเลยฐานบุกรุกที่ดินตามฟ้องไม่ได้ และกรณีเช่นนี้จะถือว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 345/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟังข้อเท็จจริงเรื่องเจตนาทางอาญา และการยักยอกทรัพย์ที่ต้องพิจารณาจากการครอบครองทรัพย์
คดีที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยขายรถจักรยานยนต์ให้ผู้เสียหายไปแล้วผู้เสียหายยังชำระค่ารถให้จำเลยไม่ครบจำเลยจึงไปเอารถคืนมาโดยใช้อุบายหลอกลวงว่ายืมรถไปเอาทะเบียนรถมาให้ผู้เสียหาย เช่นนี้ ถือได้ว่า ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีเจตนาทางอาญาอยู่ในตัวแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาเป็นเรื่องผิดสัญญายืมในทางแพ่ง และจำเลยไม่มีเจตนาในทางอาญา จึงเป็นการวินิจฉัยที่ฝ่าฝืนข้อเท็จจริง
การที่จำเลยใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายว่าขอยืมรถไปเพื่อเอาทะเบียนรถมาให้ผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อคำหลอกลวงดังกล่าวของจำเลยจึงให้จำเลยยืมรถไปเช่นนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยครอบครองรถของผู้เสียหาย ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 จำเลยไม่มีความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11-15/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีเช็ค: ผู้รับเช็คที่ชำระเงินแทน ไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจร้องทุกข์
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้แก่บริษัท ท. เมื่อเช็คขึ้นเงินไม่ได้เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ม. ผู้จัดการบริษัท ท.ได้เอาเงินส่วนตัวชำระให้บริษัทท. แทนแล้วรับเช็คดังกล่าวมา ดังนี้ ม. ได้รับเช็คมาหลังจากความผิดเกิดขึ้นแล้ว ม. จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจร้องทุกข์หรือเข้าร่วมเป็นโจทก์ ในคดีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2651/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีแพ่งไม่กระทบสิทธิโจทก์ในการดำเนินคดีอาญาคดีความผิดต่อส่วนตัว
โจทก์ฟ้องคดีอาญาขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ไว้แล้ว ต่อมาได้ไปฟ้องคดีแพ่งเรียกให้จำเลยชำระเงินตามเช็คฉบับพิพาทนั้นอีกสำนวนหนึ่ง แล้วได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งโดยจำเลยยอมใช้เงินตามเช็คฉบับพิพาทให้แก่โจทก์ ศาลได้มี คำพิพากษาตามยอมแล้ว เมื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความ ได้ระบุไว้ชัดว่า โจทก์ยอมตามที่จำเลยยอมเลิกคดีเฉพาะส่วนแพ่งแสดงชัดว่าโจทก์จำเลยมิได้ประสงค์ที่จะยอมเลิกคดีอาญาต่อกัน จึงไม่เป็นผลให้สิทธิของโจทก์ที่จะดำเนินคดีอาญาระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1887-1890/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้เช็คหลังธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน: คดีเลิกกันตามกฎหมาย
พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 5 บัญญัติว่า "ถ้าผู้กระทำความผิดตามมาตรา 3 ได้นำเงินตามจำนวนในเช็คไปชำระแก่ผู้ทรงเช็ค หรือแก่ธนาคารเพื่อจ่ายเงิน ตามเช็ค ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ธนาคารที่มีชื่อในเช็คบอกกล่าวให้ผู้ออกเช็คได้รับทราบว่าธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงิน ให้คดีเป็นอันเลิกกันตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา" ดังนี้ เมื่อคดีได้ความว่าธนาคารไม่ได้บอกกล่าวให้ผู้ออกเช็คทราบว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงยังไม่อาจเริ่มนับระยะเวลาตามมาตรา5 และไม่มีทางจะถือว่าพ้นกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ได้ และเมื่อปรากฏว่าผู้ออกเช็คได้โอนทรัพย์สินให้แก่ผู้ทรงเช็คเป็นการชำระหนี้ตามเช็คกันเรียบร้อยแล้ว คดีย่อมเป็นอันเลิกกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถานและการข่มขู่: เหตุผลอันสมควรในการเข้าไป และเจตนาทำร้ายร่างกายไม่ใช่การรบกวนการครอบครอง
จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเพื่อพูดกับผู้เสียหายถึงการรื้อบ้านของผู้เสียหายซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่ผู้เสียหายกับจำเลย ตกลงกันให้จำเลยซื้อคืน ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปโดย ไม่มีเหตุอันสมควร
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของผู้เสียหาย และใช้ปืนบังคับขู่ว่าจะยิงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของ ผู้เสียหายโดยปกติสุข ดังนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจะถือว่าจำเลยกระทำการอันเป็นการรบกวนการครอบครอง อสังหาริมทรัพย์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องคดีอาญาเพื่อเป็นโจทก์ร่วม ไม่ตัดสิทธิอัยการฟ้องคดีซ้ำ
ผู้เสียหายได้ยื่นฟ้องคดีซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวแล้วได้ถอนฟ้องเสีย การถอนฟ้องนี้จะตัดสิทธิพนักงานอัยการที่จะยื่นฟ้องคดีนั้นใหม่ต่อเมื่อเป็นการถอนฟ้องไปเป็นการเด็ดขาดถ้าถอนฟ้องเพื่อจะเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการเมื่อพนักงานอัยการฟ้องจำเลยในคดีเรื่องเดียวกันนั้น ไม่เป็นการถอนฟ้องตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36(3) พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้องคดีนั้นใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดโทษปล้นทรัพย์ตามฟ้อง โทษจำคุกต้องไม่เกินที่โจทก์บรรยาย แม้มีเหตุเพิ่มโทษ
ตามฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยทั้งสองกับพวกอีก 2 คนใช้ปืนเป็นอาวุธขู่จะฆ่าผู้เสียหายให้ถึงตายเพื่อสะดวกแก่การลักทรัพย์พาทรัพย์ไป และให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ แล้วลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป อันเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงสิบห้าปี แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าในการปล้นทรัพย์นี้ จำเลยที่ 2 ใช้อาวุธปืนยิงขู่ ซึ่งมีอัตราโทษกำหนดไว้ตามวรรคสี่ มาตรา 340 จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุก 20 ปีศาลก็ไม่อาจพิพากษาลงโทษเกินไปกว่าที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
พิพากษาลงโทษจำเลยเกินไปกว่าที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีย่อมมีผลถึงจำเลยอื่นที่มิได้ฎีกามาด้วย
of 46