พบผลลัพธ์ทั้งหมด 458 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะผู้เสียหายในคดีเช็ค: ผู้ถือเช็คที่ได้รับการสลักหลังเท่านั้นจึงมีสิทธิฟ้องร้อง
จำเลยยืมเงินโจทก์ร่วม. โจทก์ร่วมเอาเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งโจทก์ร่วมเป็นผู้จัดการให้. จำเลยจึงออกเช็คให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นไว้เพื่อชำระหนี้. โจทก์ร่วมได้นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์ร่วมเพื่อเรียกเก็บเงินแต่นำเช็คเข้าบัญชีไม่ได้. ดังนี้ ถือว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นไม่ได้สลักหลังเช็คให้โจทก์ร่วม.และยังเป็นผู้ทรงเช็คอยู่. ไม่ใช่โจทก์ร่วมเป็นผู้ทรง.ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นจึงเป็นผู้เสียหาย มีสิทธิร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับจำเลย. และเมื่อโจทก์ร่วมในฐานะส่วนตัวไม่ใช่ผู้ทรงเช็ค. จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย. ไม่มีสิทธิจะเข้าเป็นโจทก์ร่วม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์: การใช้กำลังประทุษร้ายต่อผู้อื่นในการลักทรัพย์
คดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างให้ลงโทษจำคุกจำเลยสามปี. เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218. และในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน.
การที่จำเลยทั้งสองมีไม้ตะพดเป็นอาวุธร่วมกันลักทรัพย์. โดยจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตะพดตีผู้เสียหาย. จำเลยที่ 2ใช้มือตบตีพวกของเจ้าทรัพย์นั้น. เป็นการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว หาใช่เป็นเพียงความผิดฐานลักทรัพย์เท่านั้นไม่.
การที่จำเลยทั้งสองมีไม้ตะพดเป็นอาวุธร่วมกันลักทรัพย์. โดยจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตะพดตีผู้เสียหาย. จำเลยที่ 2ใช้มือตบตีพวกของเจ้าทรัพย์นั้น. เป็นการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว หาใช่เป็นเพียงความผิดฐานลักทรัพย์เท่านั้นไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์: การใช้ความรุนแรงเป็นเหตุแห่งการเพิ่มโทษ
คดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างให้ลงโทษจำคุกจำเลยสามปี เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 และในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน
การที่จำเลยทั้งสองมีไม้ตะพดเป็นอาวุธร่วมกันลักทรัพย์โดยจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตะพดตีผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ใช้มือตบตีพวกของเจ้าทรัพย์นั้นเป็นการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว หาใช่เป็นเพียงความผิดฐานลักทรัพย์เท่านั้นไม่
การที่จำเลยทั้งสองมีไม้ตะพดเป็นอาวุธร่วมกันลักทรัพย์โดยจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตะพดตีผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ใช้มือตบตีพวกของเจ้าทรัพย์นั้นเป็นการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว หาใช่เป็นเพียงความผิดฐานลักทรัพย์เท่านั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คโดยไม่มีเจตนาให้ใช้เงิน แม้ผู้รับเช็คไม่ตรงตามฟ้อง ไม่เป็นเหตุยกฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายให้แก่บุคคลตามที่ระบุในฟ้องโดยเจตนาจะไม่ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คแต่ทางพิจารณาปรากฏว่าจำเลยออกเช็คจ่ายให้แก่บุคคลอื่นนอกจากที่ระบุมาในฟ้องดังนี้ ความต่างกันดังกล่าวไม่ใช่ข้อสารสำคัญอันจะถือเป็นเหตุยกฟ้อง
จำเลยออกเช็คให้บุคคลหนึ่งเอาไปหมุนหาเงินจากคนอื่นจำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คนั้นเมื่อผู้ทรงเช็คเอาไปขั้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยก็ต้องมีความผิด
จำเลยออกเช็คให้บุคคลหนึ่งเอาไปหมุนหาเงินจากคนอื่นจำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คนั้นเมื่อผู้ทรงเช็คเอาไปขั้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยก็ต้องมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คที่ไม่สามารถใช้เงินได้ ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค แม้ผู้รับเช็คจะแตกต่างจากที่ฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายให้แก่บุคคลตามที่ระบุในฟ้องโดยเจตนาจะไม่ให้มีการจ่ายเงินตามเช็ค. ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค.แต่ทางพิจารณาปรากฏว่าจำเลยออกเช็คจ่ายให้แก่บุคคลอื่นนอกจากที่ระบุมาในฟ้อง. ดังนี้ ความต่างกันดังกล่าวไม่ใช่ข้อสารสำคัญอันจะถือเป็นเหตุยกฟ้อง.
จำเลยออกเช็คให้บุคคลหนึ่งเอาไปหมุนหาเงินจากคนอื่น.จำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คนั้น. เมื่อผู้ทรงเช็คเอาไปขั้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยก็ต้องมีความผิด.
จำเลยออกเช็คให้บุคคลหนึ่งเอาไปหมุนหาเงินจากคนอื่น.จำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คนั้น. เมื่อผู้ทรงเช็คเอาไปขั้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยก็ต้องมีความผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความเช็คในคดีล้มละลาย: คดีแพ่งไม่สะดุดจากคดีอาญา
การยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ตามเช็คในคดีล้มละลายไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิดอาญาฐานออกเช็คนั้นโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค. เพราะความรับผิดทางแพ่งในกรณีนี้ไม่ได้อาศัยมูลของคดีอาญา. ฉะนั้นการฟ้องคดีอาญาดังกล่าวจึงไม่ทำให้อายุความของคดีแพ่งนั้นสะดุดหยุดลง.เมื่อเช็คที่นำมาขอรับชำระหนี้มีอายุเกิน 1 ปีนับแต่วันสั่งจ่าย. เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิที่จะรับชำระหนี้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความเช็คในคดีล้มละลาย: ความสัมพันธ์กับคดีอาญา
การยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ตามเช็คในคดีล้มละลายไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิดอาญาฐานออกเช็คนั้นโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค เพราะความรับผิดทางแพ่งในกรณีนี้ไม่ได้อาศัยมูลของคดีอาญา ฉะนั้นการฟ้องคดีอาญาดังกล่าวจึงไม่ทำให้อายุความของคดีแพ่งนั้นสะดุดหยุดลงเมื่อเช็คที่นำมาขอรับชำระหนี้มีอายุเกิน 1 ปีนับแต่วันสั่งจ่าย เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิที่จะรับชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 952/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คสำคัญกว่าการไม่มีเงินจ่าย การฎีกาต้องเป็นประเด็นข้อเท็จจริง
การที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั้น มิใช่ว่าถ้าจำเลยออกเช็คแล้วไม่มีเงินใช้ตามเช็คจะเป็นความผิดอาญาเสมอไป จะต้องมีกรณีตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวนี้ คือ 1. ออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ฯลฯ เจตนาดังกล่าวนี้เป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่งซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความผิด เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังแล้วว่า จำเลยไม่มีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค โจทก์ร่วมเถียงว่ามีเจตนาเช่นนั้น เป็นการเถียงข้อเท็จจริงว่า มีพฤติการณ์ที่กฎหมายกำหนดให้เป็นความผิดเกิดขึ้นหรือไม่ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายจากการออกเช็คไม่มีเงินรองรับ ผู้รับเช็คมีสิทธิร้องทุกข์
จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมนำเช็คนั้นไปชำระหนี้ให้ผู้มีชื่อ เมื่อผู้มีชื่อนำเช็คไปเข้าบัญชี แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้มีชื่อจึงนำเช็คดังกล่าวมาคืนให้โจทก์ร่วม ดังนี้ หนี้ระหว่างโจทก์ร่วมกับผู้มีชื่อจึงยังไม่ระงับ ซึ่งโจทก์ร่วมยังมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้ผู้มีชื่อ กรณีเช่นนี้ย่อมเห็นได้ชัดว่าโจทก์ร่วมได้รับความเสียหายโจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และดำเนินคดีกับจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1374/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ถอนฟ้องคดีอาญา: สิทธิก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด และผลกระทบต่อคำพิพากษาศาลล่าง
คดีความผิดส่วนตัว ก่อนคดีถึงที่สุด ผู้เสียหายย่อมถอนคำร้องทุกข์ได้ และสิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) คำพิพากษาศาลล่างก็ย่อมระงับไปในตัวไม่มีผลบังคับต่อไป ไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างที่ลงโทษจำเลยไว้