พบผลลัพธ์ทั้งหมด 739 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 835/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดต้องชัดเจนถึงการกระทำผิดของจำเลย การใช้ให้ผู้อื่นกระทำละเมิดต้องแสดงเจตนา
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ผู้เป็นนายอำเภอกับจำเลยอีก 4 คนซึ่งเป็นปลัดอำเภอและตำรวจได้บังอาจกระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทงโดยจำเลยที่ 1 ได้ใช้ให้จำเลยอีก 4 คนนั้นกระทำละเมิดต่อโจทก์กล่าวคือใช้ให้จำเลยที่ 2 ไปเอาเรือนาคของกรมชลประทานซึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์ โดยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้ขู่จะยิงโจทก์ ปลุกปล้ำจับโจทก์ ใช้ปืนตีจนบาดเจ็บ และใส่กุญแจมือคุมตัวฝ่าฝูงชนให้อับอาย ขอให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทน ดังนี้ เป็นคำฟ้องที่ไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจใช้ให้จำเลยอื่นไปเอาเรือนาคและใช้ให้กระทำละเมิดดังกล่าวต่อโจทก์ จึงไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นซึ่งโจทก์จะฟ้องจำเลยฐานละเมิดได้ศาลย่อมไม่รับฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้าตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อในสัญญากู้ หากผลพิสูจน์ตรงกับเอกสารอื่นที่จำเลยไม่ปฏิเสธ ถือเป็นหลักฐานยืนยันได้
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยโดยให้ส่งเอกสารที่โจทก์หามาได้ไปตรวจพิสูจน์ด้วยครั้นโจทก์ส่งเอกสารดังกล่าวต่อศาลเพื่อส่งไปตรวจพิสูจน์ จำเลยกลับขอถอนคำท้า โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านโดยกล่าวด้วยว่า เอกสารที่โจทก์หามาส่งศาลนี้ ลายมือชื่อจำเลยเหมือนกับลายมือชื่อจำเลยในสัญญากู้รายพิพาท จำเลยได้รับสำเนาคำแถลงคัดค้านของโจทก์แล้วก็นิ่งเสีย ไม่ปฏิเสธต่อศาลว่าลายมือชื่อในเอกสารที่โจทก์หามาส่งศาลนั้นไม่ใช่ของจำเลย ดังนี้ ย่อมถือไม่ได้ว่าเอกสารนั้นไม่ใช่เอกสารที่จำเลยได้ลงลายมือชื่อไว้
ตกลงกันให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้กู้ในสัญญากู้รายพิพาทว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยหรือไม่ โดยให้เปรียบเทียบกับลายมือชื่อในลายมือชื่อตัวอย่าง ลายมือชื่อในใบแต่งทนายและลายมือชื่อในเอกสารที่โจทก์หามาได้ เมื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์แล้วมีความเห็นว่าลายมือชื่อจำเลยในสัญญากู้รายพิพาทกับในเอกสารที่โจทก์ส่งศาลน่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญนี้ตรงตามความประสงค์ที่ขอให้ตรวจพิสูจน์แล้ว แม้ผู้เชี่ยวชาญจะไม่ได้ให้ความเห็นยืนยันเกี่ยวกับลายมือชื่อในใบแต่งทนายและในลายมือชื่อตัวอย่างเพราะมีลักษณะการเขียนต่างแบบกัน ก็ไม่ทำให้ความเห็นข้างต้นนั้นเสียไป
ตกลงกันให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้กู้ในสัญญากู้รายพิพาทว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยหรือไม่ โดยให้เปรียบเทียบกับลายมือชื่อในลายมือชื่อตัวอย่าง ลายมือชื่อในใบแต่งทนายและลายมือชื่อในเอกสารที่โจทก์หามาได้ เมื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์แล้วมีความเห็นว่าลายมือชื่อจำเลยในสัญญากู้รายพิพาทกับในเอกสารที่โจทก์ส่งศาลน่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญนี้ตรงตามความประสงค์ที่ขอให้ตรวจพิสูจน์แล้ว แม้ผู้เชี่ยวชาญจะไม่ได้ให้ความเห็นยืนยันเกี่ยวกับลายมือชื่อในใบแต่งทนายและในลายมือชื่อตัวอย่างเพราะมีลักษณะการเขียนต่างแบบกัน ก็ไม่ทำให้ความเห็นข้างต้นนั้นเสียไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466-467/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลคดีคัดค้านการยึดทรัพย์ในคดีล้มละลาย: พิจารณาตามอัตราทุนทรัพย์หรืออัตราทั่วไป
ผู้ร้องร้องคัดค้านการยึดทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยอ้างว่าทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นของผู้ร้องไม่ใช่ของผู้ล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งไม่ให้ถอนการยึด ผู้ร้องจึงมายื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งเพิกถอนการยึดดังนี้ เป็นคดีที่จะต้องเสียค่าขึ้นศาลร้อยละสองครึ่งในจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง ตามความในพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 179 วรรคสุดท้ายไม่ใช่ว่าต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 50 บาท ตามมาตรา 179(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องขัดทรัพย์: สิทธิในรถเช่าซื้อยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ แม้มีการกล่าวอ้างถึงการสมคบกันเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี
ผู้ร้องร้องขอให้ศาลสั่งปล่อยรถยนต์จากการยึด โดยอ้างว่าจำเลยเช่าซื้อรถคันนี้ไปจากผู้ร้องแล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ รถจึงตกเป็นของผู้ร้อง โจทก์ให้การคัดค้าน โดยอ้างด้วยว่าเจ้าหน้าที่ของผู้ร้องสมคบกับจำเลยให้มีการค้างค่าเช่าซื้อขึ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากการบังคับคดี เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต โจทก์จะมาอ้างเช่นนี้ในคดีร้องขัดทรัพย์หาได้ไม่ แม้จะให้โจทก์สืบในประเด็นข้อนี้ ก็ไม่เป็นเหตุให้รถคันนี้ตกเป็นของจำเลยอันจะทำให้โจทก์ยึดได้ศาลย่อมสั่งงดสืบพยานในประเด็นข้อนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่รับอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ต้องยื่นภายใน 10 วัน นับจากวันที่ศาลมีคำสั่ง
แม้ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์แล้วมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์บางข้อคู่ความผู้อุทธรณ์จะอุทธรณ์คำสั่งก็ต้องยื่นภายในกำหนด 10 วัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1146/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายของบุตรนอกสมรสและภริยาที่ไม่จดทะเบียนสมรส: เงื่อนไขและขอบเขต
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะไม่ใช่บุตรและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายนั้น แม้จำเลยจะมิได้ยกข้อนี้ขึ้นว่าในชั้นอุทธรณ์ จำเลยก็ยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
โจทก์เป็นเพียงบุตรนอกสมรสของผู้ตาย ถึงแม้ผู้ตายได้แจ้งทะเบียนคนเกิดว่าโจทก์เป็นบุตรของผู้ตายและอุปการะเลี้ยงดูโดยเปิดเผยตลอดมา ก็ไม่ทำให้โจทก์เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายเพราะบุตรนอกสมรสจะกลายเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายได้ตามวิธีการในมาตรา 1526 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เท่านั้นโจทก์คงมีฐานะเป็นเพียงบุตรที่ผู้ตายได้รับรองแล้วตามมาตรา 1627และมีสิทธิที่จะรับมรดกในฐานะที่เป็นผู้สืบสันดานได้ตามมาตรา 1629(1)แต่ไม่มีสิทธิได้ค่าอุปการะเลี้ยงดูหรือฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากผู้ที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย
โจทก์เป็นเพียงบุตรนอกสมรสของผู้ตาย ถึงแม้ผู้ตายได้แจ้งทะเบียนคนเกิดว่าโจทก์เป็นบุตรของผู้ตายและอุปการะเลี้ยงดูโดยเปิดเผยตลอดมา ก็ไม่ทำให้โจทก์เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายเพราะบุตรนอกสมรสจะกลายเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายได้ตามวิธีการในมาตรา 1526 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เท่านั้นโจทก์คงมีฐานะเป็นเพียงบุตรที่ผู้ตายได้รับรองแล้วตามมาตรา 1627และมีสิทธิที่จะรับมรดกในฐานะที่เป็นผู้สืบสันดานได้ตามมาตรา 1629(1)แต่ไม่มีสิทธิได้ค่าอุปการะเลี้ยงดูหรือฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากผู้ที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นอุทธรณ์ฎีกา หากมิได้ยกขึ้นในชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายฝากที่พิพาทไว้กับ ล. ครบกำหนดแล้วไม่ไถ่จำเลยเช่าที่พิพาทจาก ล. ล. ขายที่พิพาทให้โจทก์ครบอายุสัญญาเช่าแล้วจำเลยไม่ออกไป ขอให้ศาลบังคับ จำเลยให้การว่าไม่เคยขายฝากแก่ใคร ไม่ได้ทำสัญญาเช่า แล้วจำเลยจะอุทธรณ์ว่าการเช่านั้นเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ได้บอกเลิกการเช่าเสียก่อนดังนี้ หาได้ไม่ เพราะจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อนี้ให้ก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทายาทมีหน้าที่ชำระหนี้กองมรดก แม้การหย่าไม่เป็นไปตามรูปแบบกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วจำเลยตายก่อนได้รับคำบังคับ โจทก์ขอให้ส่งคำบังคับแก่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นภรรยาจำเลยแทนได้ และการที่ศาลพิพากษาให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นทายาทของจำเลย เอาทรัพย์สินจากกองมรดกของจำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษานั้น ก็ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าหมดอายุแล้วยังอยู่ต่อ ค่าเช่าที่สูงขึ้นไม่ใช่ค่าเช่าใหม่ แต่เป็นเบี้ยปรับ ผู้ให้เช่ามีสิทธิฟ้องขับไล่ได้ทันที
สัญญาเช่าตึกแถวมีกำหนดเวลาเช่าแน่นอน ค่าเช่าเดือนละ 3 เหรียญและมีข้อสัญญาอยู่ข้อหนึ่งว่า เมื่อครบกำหนดสัญญาแล้วถ้าผู้เช่ายังขืนอยู่ต่อไป ผู้เช่ายอมเสียค่าเช่าเดือนละ 20 เหรียญ เว้นแต่จะได้ทำสัญญากันใหม่ ดังนี้ หมายความว่าค่าเช่าเดือนละ 20 เหรียญนี้ เป็นเบี้ยปรับหรือค่าเสียหายที่กำหนดกันไว้ล่วงหน้า ไม่ใช่ค่าเช่าหรือเงื่อนไขที่มีผลให้ผู้เช่าได้เช่าต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลา และเมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่าได้ 8 วัน ผู้ให้เช่าก็ฟ้องขับไล่ผู้เช่า ย่อมถือว่าผู้ให้เช่าทักท้วงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 570 แล้ว ผู้ให้เช่ามีสิทธิฟ้องได้โดยไม่ต้องบอกเลิกสัญญาเช่ากันอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1303/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดโดยสุจริต ย่อมได้รับสิทธิ แม้ประกาศขายทอดตลาดจะระบุรายละเอียดที่ดินผิดพลาด
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินมีโฉนดของโจทก์มาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา.ในคดีที่โจทก์ร่วมซึ่งเป็นสามีโจทก์ถูกจำเลยฟ้องเรียกหนี้เงินกู้. แม้ในการยึดเจ้าพนักงานบังคับคดีจะยึดอย่างที่ดินมือเปล่า. โดยนำส.ค.1 สำหรับที่ดินแปลงอื่นของโจทก์ร่วมมาและประกาศขายทอดตลาดว่าเป็นที่ดินมี ส.ค.1. โดยระบุเลขที่.เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีกระทำโดยสุจริตและจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต. จำเลยย่อมได้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330.