คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ.

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 739 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1303/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดโดยสุจริต และสิทธิของผู้นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินมีโฉนดของโจทก์มาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ในคดีที่โจทก์ร่วมซึ่งเป็นสามีโจทก์ถูกจำเลยฟ้องเรียกหนี้เงินกู้ แม้ในการยึดเจ้าพนักงานบังคับคดีจะยึดอย่างที่ดินมือเปล่า โดยนำส.ค.1 สำหรับที่ดินแปลงอื่นของโจทก์ร่วมมาและประกาศขายทอดตลาดว่าเป็นที่ดินมี ส.ค.1 โดยระบุเลขที่ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีกระทำโดยสุจริตและจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต จำเลยย่อมได้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย (อากรแสตมป์) ไม่อาจใช้เป็นหลักฐานในคดีได้ แม้จำเลยจะเคยให้การรับ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยที่ 1 กู้ไป และจำเลยที่2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 2 ให้การว่า. ไม่มีเจตนาทำสัญญาค้ำประกันการกู้เงิน. แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับทำสัญญาซื้อขายที่ดินและห้องแถวกันจำเลยที่ 2 ค้ำประกันแต่เพียงว่า.จะไม่ให้จำเลยที่ 1 เข้าไปเกี่ยวข้องเรียกร้องเอาทรัพย์สินที่ซื้อขายคืนเท่านั้น. ดังนี้ จำเลยที่ 2 มิได้ให้การรับ. และเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันการกู้เงิน. ซึ่งจำเป็นที่โจทก์ต้องอ้างหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นพยานหลักฐานในคดีด้วย. เมื่อสัญญาค้ำประกันที่โจทก์อ้างปิดอากรแสตมป์เพียง 1 บาท แต่ตามประมวลรัษฎากรต้องปิด 10 บาท. เอกสารสัญญาค้ำประกันจึงใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้.
โจทก์จะมีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายประมวลรัษฎากรหรือไม่.ไม่สำคัญ. ถ้ามีการบกพร่องในเรื่องปิดอากรแสตมป์ไม่ครบบริบูรณ์แล้ว.ศาลก็รับฟังเอกสารนั้นๆ เป็นพยานไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันไม่สมบูรณ์เนื่องจากปิดอากรแสตมป์ไม่ครบ ทำให้ศาลไม่รับเป็นพยานหลักฐานได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยที่ 1 กู้ไป และจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 2 ให้การว่า ไม่มีเจตนาทำสัญญาค้ำประกันการกู้เงิน แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับทำสัญญาซื้อขายที่ดินและห้องแถวกันจำเลยที่ 2 ค้ำประกันแต่เพียงว่า จะไม่ให้จำเลยที่ 1 เข้าไปเกี่ยวข้องเรียกร้องเอาทรัพย์สินที่ซื้อขายคืนเท่านั้น ดังนี้ จำเลยที่ 2มิได้ให้การรับ และเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันการกู้เงิน ซึ่งจำเป็นที่โจทก์ต้องอ้างหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นพยานหลักฐานในคดีด้วย เมื่อสัญญาค้ำประกันที่โจทก์อ้างปิดอากรแสตมป์เพียง 1 บาท แต่ตามประมวลรัษฎากรต้องปิด 10 บาท เอกสารสัญญาค้ำประกันจึงใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้
โจทก์จะมีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายประมวลรัษฎากรหรือไม่ ไม่สำคัญ ถ้ามีการบกพร่องในเรื่องปิดอากรแสตมป์ไม่ครบบริบูรณ์แล้ว ศาลก็รับฟังเอกสารนั้นๆ เป็นพยานไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนบังคับคดีเนื่องจากจำเลยไม่ทราบคดีและศาลบังคับคดีข้ามขั้นตอน
ตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยอ้างว่า. การดำเนินคดีของโจทก์ตั้งแต่ฟ้องจนมีการบังคับคดี. จำเลยไม่ทราบ.เพราะจำเลยไปอยู่ที่อื่น. เพิ่งทราบเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์จำเลยในวันที่ 7 เมษายน2511. แล้วในวันที่ 22 เดือนเดียวกันจำเลยก็ได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่. จึงเป็นการยื่นคำขอภายใน 15วันนับแต่วันที่จำเลยทราบถึงการยึดทรัพย์. เพราะก่อนนั้นเป็นเวลาที่จำเลยยังไม่ทราบ. อันเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้.
แม้ศาลยังมิได้อนุญาตในการที่จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่. แต่โจทก์ก็ได้ขอให้ศาลดำเนินการบังคับคดีข้ามขั้นไม่เรียงตามลำดับในคำพิพากษา. คือศาลพิพากษาให้จำเลยโอนขายที่ดินให้โจทก์ และให้จำเลยรับเงินที่ยังเหลือ 2,000 บาทจากโจทก์. หากจำเลยไม่จัดการโอน. ให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 13,000 บาท. และให้จำเลยเสียค่าปรับอีก 13,000 บาทแก่โจทก์. จึงต้องบังคับให้จำเลยโอนที่ดินและรับเงินจากโจทก์เสียก่อน. แต่โจทก์กลับขอให้ยึดที่ดินของจำเลยขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ทีเดียว. และศาลชั้นต้นได้สั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลย. เป็นการปฏิบัติที่มิได้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาเป็นขั้นๆ. จึงเป็นกรณีที่ดำเนินการบังคับคดีผิดไปจากคำพิพากษา. ศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารมีหน้าที่คืนเงินฝากให้ทายาทหลังผู้ฝากเสียชีวิต การขอผัดผ่อนเพื่อรอคดีถึงที่สุดไม่ถือเป็นการผิดสัญญา
ผู้ฝากเงินไว้กับธนาคารมีนิติสัมพันธ์กับธนาคารตามลักษณะฝากทรัพย์. ผู้ฝากจะถอนเงินคืนก่อนถึงเวลาที่ตกลงกันไว้ไม่ได้. และธนาคารผู้รับฝากจะส่งเงินคืนก่อนถึงเวลานั้นก็ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 673. แต่เมื่อผู้ฝากตาย. ธนาคารมีหน้าที่ต้องคืนเงินให้แก่ทายาทตามมาตรา 665.
คำพิพากษาที่ตั้งผู้จัดการมรดก. มีผลผูกพันเฉพาะคู่ความเท่านั้น. เพราะไม่ใช่คำพิพากษาเกี่ยวด้วยฐานะหรือความสามารถของบุคคล.
ผู้จัดการมรดกขอเบิกเงินของเจ้ามรดกที่ฝากไว้กับธนาคาร.ธนาคารขอผัดจ่ายให้ภายใน 1 เดือน. เพื่อให้คดีขอตั้งผู้จัดการมรดกขาดอายุอุทธรณ์. ทั้งธนาคารก็มีเงินพร้อมจะจ่ายให้ได้. ไม่ถือว่าธนาคารผิดสัญญาหรือทำละเมิดต่อผู้จัดการมรดก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีพิพาทที่ดินสาธารณสมบัติ การฟ้องแย้งขับไล่ไม่ใช่คดีกรรมสิทธิ์
จำเลยฟ้องแย้งในฐานะนายอำเภอและประธานสุขาธิบาล ขอให้ขับไล่โจทก์และบริวาร รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทีพิพาท ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอันอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของจำเลย มิใช่เป็นคดีที่พิพาทโต้แย้งด้วยกรรมสิทธิ์ที่พิพาท จึงเสียค่าขึ้นศาลอย่างมีคดีที่มีคำให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทรงเช็ค – อำนาจฟ้อง – ความเกี่ยวเนื่องคดีแพ่งอาญา – การโอนเช็ค
จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินสดจำนวนหนึ่งแล้ว ส. นำเช็คดังกล่าวมาแลกเงินจากโจทก์ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. โจทก์สั่งจ่ายเงินจำนวนนั้นให้ ส. รับไป โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ดังนี้ เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีแพ่งเรียกเงินตามเช็ค โจทก์ได้บรรยายฟ้องมีความเช่นเดียวกับคำฟ้องคดีอาญา มิได้มีข้อความเพิ่มเติมแสดงว่าเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว โจทก์ต้องใช้เงินให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. ห้างหุ้นส่วนจำกัดค. จึงโอนเช็คพิพาทให้โจทก์มาจัดการเอาเอง คำพิพากษาในส่วนอาญาก็ได้วินิจฉัยว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. เป็นผู้ทรงเช็คพิพาท โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายทั้งนี้ ย่อมเป็นการวินิจฉัยและฟังตามบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งมาแล้วว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรง ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจำต้องถือตามดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 บังคับไว้คดีไม่มีเหตุที่จะต้องพิจารณาตามมาตรา 47 ประการใดอีกเมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องเพิ่มเติมว่าต่อมาโจทก์ต้องใช้เงินตามเช็คให้แก่ห้างดังกล่าว และห้างนั้นได้โอนเช็คให้โจทก์มาจัดการเองเป็นการที่โจทก์ได้เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทขึ้นด้วยนั้น คดีไม่มีประเด็นที่โจทก์จะนำสืบดังกล่าวนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีพิพาทที่ดินแปลงเดียวกัน ศาลตัดสินถึงที่สุดแล้ว
เดิมโจทก์ในคดีนี้ถูกจำเลยฟ้องหาว่าโจทก์บุกรุกที่ดินของจำเลยศาลพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีในชั้นบังคับคดีนั้นโจทก์หาว่าจำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อนปักหลักรุกล้ำที่ดิน แทนที่จะปักหลักตามที่จำเลยชนะคดี ขอให้ศาลสั่งให้พนักงานศาลไปรังวัดสอบเขตใหม่แล้วโจทก์รับรองแผนที่ที่พนักงานศาลทำขึ้นโดยลงชื่อไว้ ต่อมาโจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยปักหลักการรุกล้ำที่ดินของโจทก์ ที่โจทก์ได้รับรองแผนที่ไว้นั้นเมื่อทางพิจารณาฟังได้ว่าที่พิพาทในคดีนี้เป็นแปลงเดียวกันกับในคดีก่อน ซึ่งศาลได้พิพากษาในประเด็นเดียวกันนี้ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องจำเลยในคดีนี้อีกไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 397/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในเครื่องหมายการค้า: การเพิกถอนทะเบียนเมื่อมีสิทธิเหนือกว่า
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าซึ่งจำเลยจดทะเบียนไว้ก่อนแต่โจทก์สามารถแสดงได้ว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้านี้ดีกว่าจำเลยเป็นกรณีพิพาทกันว่า ระหว่างโจทก์จำเลยใครจะมีสิทธิได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของตนกรณีต้องด้วยมาตรา41 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตามมาตรานี้กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 29วรรคต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมัครสมาชิกสมาคมฌาปนกิจต้องดำเนินการด้วยตนเอง หากมีเจตนาทุจริต สัญญาเป็นโมฆะ สมาคมไม่ต้องจ่ายเงิน
ข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจมีว่า ผู้สมัครเป็นสมาชิกของสมาคมต้องมีสุขภาพสมบูรณ์โดยมีใบรับรองแพทย์ และต้องไปให้กรรมการของสมาคมพิจารณาด้วยตนเอง และผู้สมัครต้องยื่นหนังสือแสดงความจำนงด้วยตนเอง ปรากฏว่า บุคคลผู้ไปยื่นใบสมัครและรับการตรวจโรคเป็นคนอื่นแต่ใช้ชื่อของอีกคนหนึ่งสมัคร ดังนี้จึงถือไม่ได้ว่า ผู้ที่มีชื่อตามใบสมัครเป็นสมาชิกของสมาคมฌาปนกิจนั้นโดยชอบ สมาคมไม่มีความผูกพันที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ที่ถูกระบุชื่อให้เป็นผู้รับเงินฌาปนกิจ
แม้ทนายจำเลยไม่ได้แก้อุทธรณ์ แต่ได้ยื่นคำร้องและได้แถลงต่อศาลอันเป็นการปฏิบัติในการว่าคดี ศาลคิดค่าทนายให้ได้.
of 74