พบผลลัพธ์ทั้งหมด 739 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้าทายพยานผู้เชี่ยวชาญลายมือและลายพิมพ์นิ้วมือ: ผลไม่สมบูรณ์ ไม่ตัดสิทธิการพิจารณาคดี
คู่ความท้ากัน ให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ลายมือและลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญากู้และสัญญาค้ำประกัน เป็นข้อแพ้ชนะ เมื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจแล้วรายงานต่อศาลว่า ลายเซ็นในสัญญากู้มีลักษณะเชื่อได้ว่า ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลยและลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญาค้ำประกันเลอะเลือนไม่ชัดเจนพอที่จะตรวจพิสูจน์ได้ ดังนี้ ถือว่าผลของการตรวจพิสูจน์ไม่ครบถ้วนตามคำท้าจะพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีไม่ได้ต้องพิจารณาคดีต่อไป เมื่อทางพิจารณาไม่ได้ความว่ามีการกู้และค้ำประกัน ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การตรวจลายมือ และลายพิมพ์นิ้วมือไม่ได้ผลตามคำท้า ต้องพิจารณาสืบพยานต่อไป และพิพากษาให้โจทก์ชนะจำเลยอุทธรณ์ฝ่ายเดียวว่า จำเลยต้องชนะคดีตามคำท้า แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดีตามคำพยานโจทก์ฎีกา จำเลยแก้ฎีกาอ้างข้อโต้แย้งว่า คดีต้องให้จำเลยชนะคดีตามคำท้า ดังนี้ เรื่องที่คู่ความท้ากันเป็นประเด็นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยได้
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การตรวจลายมือ และลายพิมพ์นิ้วมือไม่ได้ผลตามคำท้า ต้องพิจารณาสืบพยานต่อไป และพิพากษาให้โจทก์ชนะจำเลยอุทธรณ์ฝ่ายเดียวว่า จำเลยต้องชนะคดีตามคำท้า แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดีตามคำพยานโจทก์ฎีกา จำเลยแก้ฎีกาอ้างข้อโต้แย้งว่า คดีต้องให้จำเลยชนะคดีตามคำท้า ดังนี้ เรื่องที่คู่ความท้ากันเป็นประเด็นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเช่าค้างชำระ, การริบเงินประกัน, และค่าต่อเติมอาคารเช่า
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเท่ากับอัตราค่าเช่านับแต่วันที่จำเลยได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่า แม้ทางพิจารณาจะปรากฏว่าระยะเวลานั้น จำเลยจะอยู่โดยอาศัยสิทธิการเช่า ไม่ใช่การละเมิดศาลก็พิพากษาบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเช่าซึ่งมีอัตราเท่ากันให้โจทก์ได้
ผู้เช่าวางเงินไว้เป็นประกันการเช่า โดยมีข้อสัญญาว่าถ้าผู้เช่าผิดสัญญาเช่า ผู้ให้เช่ามีสิทธิริบเงินประกันนี้ได้ เงินประกันนี้จึงเป็นเบี้ยปรับเมื่อปรากฏว่า ผู้เช่าผิดสัญญาเช่าโดยไม่ชำระค่าเช่าตามกำหนดเวลาผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าที่ค้าง ทั้งมีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับอันพึงริบนั้นด้วยก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 381 คดีนี้แม้ผู้ให้เช่าซึ่งเป็นโจทก์จะมิได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเสียหายยิ่งไปกว่าค่าดอกเบี้ยตามกฎหมายแต่เมื่อศาลคำนวณค่าดอกเบี้ยของเงินค่าเช่านับแต่วันค้างชำระจนบัดนี้ไล่เลี่ยกับเงินประกันผู้ให้เช่าย่อมริบเงินประกันได้ทั้งหมด
ผู้เช่าต่อเติมและซ่อมแซมห้องเช่าเพื่อประโยชน์ในกิจการของผู้เช่าเองไม่ใช่เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเพื่อรักษาทรัพย์สินที่เช่าผู้ให้เช่าไม่ต้องรับผิดต่อผู้เช่า
ผู้เช่าวางเงินไว้เป็นประกันการเช่า โดยมีข้อสัญญาว่าถ้าผู้เช่าผิดสัญญาเช่า ผู้ให้เช่ามีสิทธิริบเงินประกันนี้ได้ เงินประกันนี้จึงเป็นเบี้ยปรับเมื่อปรากฏว่า ผู้เช่าผิดสัญญาเช่าโดยไม่ชำระค่าเช่าตามกำหนดเวลาผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าที่ค้าง ทั้งมีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับอันพึงริบนั้นด้วยก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 381 คดีนี้แม้ผู้ให้เช่าซึ่งเป็นโจทก์จะมิได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเสียหายยิ่งไปกว่าค่าดอกเบี้ยตามกฎหมายแต่เมื่อศาลคำนวณค่าดอกเบี้ยของเงินค่าเช่านับแต่วันค้างชำระจนบัดนี้ไล่เลี่ยกับเงินประกันผู้ให้เช่าย่อมริบเงินประกันได้ทั้งหมด
ผู้เช่าต่อเติมและซ่อมแซมห้องเช่าเพื่อประโยชน์ในกิจการของผู้เช่าเองไม่ใช่เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเพื่อรักษาทรัพย์สินที่เช่าผู้ให้เช่าไม่ต้องรับผิดต่อผู้เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งสินสมรสตามกฎหมายเดิมก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ศาลอุทธรณ์พิพากษาผิดพลาด
เป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5เมื่อแบ่งสินสมรสกันต่างมีสินเดิมด้วยกัน ต้องแบ่งตามกฎหมายเก่าฝ่ายชายควรได้ 2 ใน 3 ส่วนฝ่ายหญิงได้ 1 ใน 3 ส่วน
ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษาแบ่งสินสมรสที่สวนและที่นา(เฉพาะหมายสีแดง) ให้คนละครึ่ง ซึ่งเป็นผลให้จำเลยได้รับส่วนแบ่งน้อยกว่าที่จำเลยฟ้องแย้งและน้อยกว่าส่วนที่จำเลยมีสิทธิได้รับหนึ่งในสามของสินสมรสที่สวนและที่นาทั้งหมด (หมายสีเขียวซึ่งรวมทั้งสีแดง) เมื่อจำเลยมิได้ฎีกาในประเด็นข้อนี้ ศาลฎีกาไม่อาจแก้ไขส่วนแบ่งนี้ได้
ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษาแบ่งสินสมรสที่สวนและที่นา(เฉพาะหมายสีแดง) ให้คนละครึ่ง ซึ่งเป็นผลให้จำเลยได้รับส่วนแบ่งน้อยกว่าที่จำเลยฟ้องแย้งและน้อยกว่าส่วนที่จำเลยมีสิทธิได้รับหนึ่งในสามของสินสมรสที่สวนและที่นาทั้งหมด (หมายสีเขียวซึ่งรวมทั้งสีแดง) เมื่อจำเลยมิได้ฎีกาในประเด็นข้อนี้ ศาลฎีกาไม่อาจแก้ไขส่วนแบ่งนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาคดี: เหตุผล 'พลั้งเผลอ' ไม่เพียงพอต่อการขอพิจารณาคดีใหม่
ทนายจำเลยทราบวันนัดพิจารณาพยานโจทก์แล้ว ทนายจำเลยและจำเลยไม่มาศาลในวันนัด. อันเป็นวันสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(10) ถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาตาม มาตรา 197(2) และ202
ในกรณีขาดนัด จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าทนายจำเลยพลั้งเผลอหลงลืมวันนัดถือว่าไม่ใช่เหตุสมควรที่จะขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 209
ในกรณีขาดนัด จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าทนายจำเลยพลั้งเผลอหลงลืมวันนัดถือว่าไม่ใช่เหตุสมควรที่จะขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 209
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการงดบังคับคดี แม้มีคดีแย่งคืนที่ดิน
การให้งดการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลหรือไม่ อยู่ในดุลพินิจของศาล แม้ในระหว่างนั้นโจทก์จะถูกบุคคลภายนอกฟ้องเรียกที่พิพาทคืนก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลสั่งงดการบังคับคดีที่บังคับให้จำเลยรื้อห้องแถว และคืนที่พิพาทแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 91/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำในหนี้เดียวกัน: การฟ้องล้มละลายหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วไม่ถือเป็นฟ้องซ้อน
โจทก์เคยฟ้องคดีแพ่งถึงที่สุดไปแล้ว ศาลชี้ขาดว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีในหนี้รายเดียวกันว่า จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวควรตกเป็นบุคคลล้มละลายเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการฟ้องซ้อน หรือฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินริมน้ำฟ้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างกีดขวาง แม้ที่ดินนั้นเป็นสาธารณสมบัติ
เจ้าของที่ดินซึ่งมีเขตจดแม่น้ำ มีสิทธิฟ้องผู้ที่ปลูกเรือนอยู่ในที่ชายตลิ่งกีดขวางปิดกั้นหน้าที่ดินนั้นให้รื้อถอนเรือนออกไปได้แม้ที่ๆ ปลูกเรือนจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินก็ตามผู้ซื้อที่ดินที่มีเขตจดแม่น้ำยอมให้ผู้ขาย ซึ่งมีเรือนปลูกอยู่ในที่ชายตลิ่งหน้าที่ดินนั้นคงอยู่ต่อไปได้ 1 ปีจึงจะรื้อถอนไป ความยินยอมนี้ถือได้เพียงว่าไม่มีการละเมิดในระยะเวลาดังกล่าวนั้น เมื่อผู้ซื้อบอกกล่าวให้ผู้ขายรื้อถอนไปแล้ว ผู้ขายยังขัดขืน ผู้ซื้อฟ้องขับไล่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1-6/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการฟ้องขับไล่เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุด และสถานะของผู้เช่าช่วง
คดีเดิม ชั้นบังคับคดีโจทก์ยื่นคำร้องอ้างว่าจำเลยนี้เป็นบริวารของผู้เช่า ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่าจำเลยมิใช่บริวารให้ยกคำร้อง โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจำเลยใหม่ขอให้ขับไล่ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
สัญญาที่โจทก์ทำกับผู้เช่าโดยให้ผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาทแล้วเอาตึกให้ผู้อื่นเช่าได้มีกำหนด 10 ปีนั้น มีผลผูกพันระหว่างโจทก์กับผู้เช่าส่วนจำเลยจะมีสิทธิอยู่ในตึกพิพาทได้เพียงใดต้องเป็นไปตามสัญญาเช่าที่จำเลยทำไว้กับผู้เช่าเมื่อสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับผู้เช่าไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ย่อมมีผลใช้บังคับได้เพียง 3 ปีจำเลยอยู่มาครบ 3 ปีแล้ว โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าโดยชอบแล้ว โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
เมื่อข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลชั้นต้นไปเผชิญสืบและบันทึกไว้พอวินิจฉัยได้แล้วว่า ห้องพิพาทมิใช่เคหะอันได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ ศาลก็ไม่จำต้องสืบพยานบุคคลต่อไป
สัญญาที่โจทก์ทำกับผู้เช่าโดยให้ผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาทแล้วเอาตึกให้ผู้อื่นเช่าได้มีกำหนด 10 ปีนั้น มีผลผูกพันระหว่างโจทก์กับผู้เช่าส่วนจำเลยจะมีสิทธิอยู่ในตึกพิพาทได้เพียงใดต้องเป็นไปตามสัญญาเช่าที่จำเลยทำไว้กับผู้เช่าเมื่อสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับผู้เช่าไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ย่อมมีผลใช้บังคับได้เพียง 3 ปีจำเลยอยู่มาครบ 3 ปีแล้ว โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าโดยชอบแล้ว โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
เมื่อข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลชั้นต้นไปเผชิญสืบและบันทึกไว้พอวินิจฉัยได้แล้วว่า ห้องพิพาทมิใช่เคหะอันได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ ศาลก็ไม่จำต้องสืบพยานบุคคลต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกเฉยฟ้องหลังรอฟังผลคดีอื่น ศาลจำหน่ายคดีได้
ในกรณีที่โจทก์ฎีกาและศาลฎีกาสั่งให้รอการพิจารณาคดีไว้เพื่อฟังผลของอีกคดีหนึ่งก่อน เมื่อคดีนั้นถึงที่สุดแล้วให้โจทก์แถลงให้ศาลทราบภายใน 10 วันนั้น หากคดีที่สั่งให้รอถึงที่สุด และโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติการดังข้อกำหนดของศาลแต่ประการใดแล้ว ก็ถือว่าโจทก์เพิกเฉยไม่นำพาในการดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนดเป็นการทิ้งฟ้อง ต้องจำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายรถยนต์ที่มีคำสั่งห้ามโอน ไม่เข้าข่ายฉ้อโกงหากไม่ส่งมอบ
การที่จำเลยนำรถยนต์ของจำเลย ซึ่งศาลได้มีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้โอนขาย หรือจำหน่ายในคดีหนึ่งอยู่แล้ว ไปทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์โดยรับรองกับโจทก์ว่า รถยนต์ดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยผู้เดียวไม่เคยนำไปขายหรือจำนำ หรือทำสัญญาใดผูกพันรถยนต์ดังกล่าวเลยแล้วจำเลยไม่ส่งมอบรถยนต์ดังกล่าวให้โจทก์นั้น การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง