คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ.

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 739 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 156/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการใช้น้ำทำนา vs. สิทธิการประมง: การปิดทำนบเพื่อประโยชน์ทางการเกษตรชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ประมูลทำการประมงในคลองพิพาทได้ จำเลยและราษฎรอีกมาก เป็นเจ้าของนาหลายพันไร่ ต้องอาศัยใช้น้ำในคลองนี้ทำนาตอนปากคลองมีทำนบปิดกั้นน้ำไว้เพื่อใช้ทำนา ถัดเข้าไปเป็นที่ตั้งจิบสำหรับจับปลาของโจทก์ เมื่อน้ำในลำคลองเริ่มลดลง ราษฎรเจ้าของนายื่นคำร้องขอปิดทำนบเพื่อกักน้ำไว้หล่อเลี้ยงต้นข้าวแต่ก่อนที่นายอำเภอจะสั่งราษฎรเกรงว่าถ้ารอช้าต้นข้าวจะเสียหายจำเลยและเจ้าของนาหลายคนจึงช่วยกันปิดทำนบ น้ำเลยไม่ไหลไปยังจิบของโจทก์ จับปลาไม่ได้การที่จำเลยปิดทำนบเช่นนี้ จะรอให้พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งอาจไม่ทันการและเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์แก่การกสิกรรม ย่อมปิดเองได้ตาม พระราชบัญญัติการประมงฯ มาตรา 22 ซึ่งมีมาตรา 10 วรรคสอง สนับสนุน ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีและการมีเหตุอันสมควร
นัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกซึ่งโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนทนายโจทก์ขอถอนตัว โจทก์ขอเลื่อน ศาลอนุญาต ก่อนวันนัดครั้งที่สอง ผู้ซึ่งต่อมาโจทก์ตั้งเป็นทนายโทรเลขขอเลื่อน อ้างว่าติดว่าความที่ศาลอื่น ครั้นถึงวันนัดตัวโจทก์มาศาลและแถลงขอเลื่อนด้วยตนเอง อ้างเหตุดังกล่าวอีก ดังนี้ รูปคดีมีเหตุอันสมควรจะให้โจทก์เลื่อนคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์คดีขับไล่: กรณีบริวารของผู้เช่าอ้างประเด็นใหม่ ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง หากมีกรณีพิพาทในชั้นบังคับคดีแก่บริวารของผู้เช่า โดยผู้ที่ถูกอ้างว่าเป็นบริวารตั้งประเด็นพิพาทโต้แย้งขึ้นมาใหม่ ไม่เกี่ยวกับประเด็นพิพาทเดิม ทั้งตามรูปเรื่องไม่เป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแล้ว ย่อมอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1758-1762/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าตึกแถว: การคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ เกิดขึ้นเมื่อจำเลยอ้างเป็นข้อต่อสู้
ในคดีที่ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากตึกแถวที่ให้เช่าจะมีประเด็นว่าจำเลยผู้เช่า เช่าเพื่อประกอบการค้าหรือเช่าเพื่ออยู่อาศัยก็ต่อเมื่อจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ เมื่อกรณีจะเกิดเป็นประเด็นต่อเมื่อจำเลยอ้างขึ้นเป็นข้อต่อสู้ โจทก์ก็ไม่จำต้องกล่าวเป็นประเด็นมาในฟ้องในข้อนี้
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่า ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯเป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องนำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขับไล่ต้องพิสูจน์กรรมสิทธิ์ ผู้แพ้ต้องรับผิดชอบค่าขึ้นศาล
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่พิพาท เมื่อจำเลยต่อสู้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ก็ต้องถือว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ และเมื่อที่พิพาทมีราคาเพียง 1,500 บาท แม้โจทก์จะเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ตลอดมาถ้าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้อง โจทก์ก็ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่า จำเลยอาศัยปลูกเรือนอยู่ในที่บ้านของโจทก์ และบุกรุกที่นาของโจทก์ด้วย ย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องพิสูจน์ให้ได้ความตามฟ้อง เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยอาศัยและบุกรุกที่ของโจทก์ ก็เป็นเรื่องโจทก์สืบไม่สมฟ้อง ต้องแพ้คดี แม้จำเลยจะให้การว่าได้ที่รายพิพาทมาโดยทางมรดกแล้วกลับนำสืบว่าได้มาโดยบิดามารดายกให้ ก็ไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารสัญญากู้ไม่ติดอากรแสตมป์ แต่จำเลยรับสารภาพ ย่อมใช้เป็นหลักฐานได้
แม้เอกสารสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลยมิได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ อันจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ก็ตาม หากจำเลยให้การรับว่าได้ทำเอกสารนั้นให้โจทก์ไว้จริง ก็ย่อมฟังได้ว่า จำเลยกู้เงินโจทก์โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ โดยไม่ต้องอาศัยฟังจากเอกสาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ้างเอกสารจากคดีอื่นเป็นหลักฐานสิทธิในที่ดิน จำเลยไม่ผูกมัดหากไม่ยอมรับ
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน จำเลยปฏิเสธโจทก์คงอ้างแต่สำนวนคดีความที่ภรรยาโจทก์ ฟ้องจำเลยในคดีก่อนมาเป็นพยานโดยจำเลยมิได้ยอมตกลงด้วย ดังนี้ เป็นการอ้างลอยๆ ไม่ผูกมัดจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ทนายความหลังตัวความเสียชีวิต: ฎีกายังชอบด้วยกฎหมาย
แม้ตัวความจะถึงแก่กรรมไปแล้ว ทนายความก็ยังมีหน้าที่ต้องจัดการดำเนินคดี เพื่อจะปกปักรักษาประโยชน์ของตัวความต่อไปตามที่จำเป็นตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 828 ฉะนั้น การที่ทนายความฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ยื่นฎีกาภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันฟังคำพิพากษา แม้จะปรากฏว่าในระหว่างนั้นตัวความถึงแก่กรรมเสียแล้ว ฎีกาที่ทนายยื่นไว้ต่อศาล ก็ย่อมชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้ยืมเงิน: สัญญาบริบูรณ์ แม้มีข้อต่อสู้เรื่องข้อตกลงอื่น แต่จำเลยต้องนำสืบ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 1,100 บาท ตามสัญญากู้แล้วไม่ใช้ จึงขอให้ใช้ จำเลยต่อสู้ว่า บุตรจำเลยลักพาบุตรสาวโจทก์ไปเจ้าพนักงานเปรียบเทียบให้บุตรจำเลยเสียค่าสินสอด 2,000 บาท โจทก์จำเลยตกลง จำเลยมอบเงินสด 400 บาท สร้อยคอทองคำ ราคา 500 บาท ให้โจทก์ไป ที่เหลือ 1,100 บาท จำเลยทำเป็นสัญญากู้ให้โจทก์ไว้ คือฉบับที่โจทก์ฟ้อง แต่โจทก์กลับไม่ยอมให้บุตรจำเลยอยู่กินกับบุตรโจทก์ แล้วโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ดังนี้ ฟังได้ว่า การกู้เงินดังกล่าวมีมูลหนี้ ถือได้ว่าการกู้ยืมเงินตามสัญญาที่โจทก์ฟ้องบริบูรณ์แล้ว ที่จำเลยอ้างข้อเท็จจริงต่อไปว่าโจทก์ไม่ยอมให้บุตรจำเลยอยู่กินกับบุตรโจทก์ตามข้อตกลงนั้น เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยอ้างขึ้นเพื่อให้พ้นความรับผิด จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบก่อน เมื่อจำเลยไม่นำสืบ จำเลยก็ไม่พ้นความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพราง: เจตนาจริงสำคัญกว่าเอกสาร
นิติกรรมอำพรางนั้น หมายถึงบุคคลสองฝ่ายตกลงทำนิติกรรมอันหนึ่ง แต่ไม่แสดงเจตนาออกมาเช่นนั้น แสร้งทำเป็นนิติกรรมอีกอันหนึ่งเพื่ออำพรางนิติกรรมที่เขาแสดงเจตนาอันแท้จริง ผูกนิติสัมพันธ์กันขึ้นนั้นกฎหมายจึงให้บังคับตามเจตนาอันแท้จริงนั้นได้
กรณีที่จำเลยได้แสดงเจตนาตกลงกับโจทก์ และจดทะเบียนแสดงเจตนานั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของจำเลยไปให้โจทก์เป็นการขายฝากแล้วนั้น จำเลยจะขอสืบพยานว่าพฤติการณ์เป็นจำนอง โดยไม่มีสัญญาจำนองอันแท้จริงอีกอันหนึ่ง หาได้ไม่ เพราะเป็นการขอสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
of 74