คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ.

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 205 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6033/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและความผิดฐานพาอาวุธในที่สาธารณะ ศาลพิจารณาจากหลักฐานการอนุญาตและเหตุผลในการพาอาวุธ
จำเลยพาอาวุธปืนสั้นติดตัวมาในบริเวณหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่โจทก์ไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลาง และไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาติดตัวนั้นเป็นอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ จึงต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาติดตัวไปนั้น เป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมาย
แม้โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 8 ทวิ วรรคแรก, 72 ทวิ วรรคสอง ไม่ได้ก็ตาม แต่ศาลก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพาอาวุธไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5968/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดหลายกรรมต่างกันจากอาวุธปืน และอำนาจศาลในการสั่งริบของกลาง
การที่จำเลยมีอาวุธปืนติดตัวและการที่จำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวจี้ขู่เข็ญ ป. จนทำให้ตก ใจกลัว เป็นการกระทำที่มีเจตนาแยกจากกันได้ เป็นความผิดต่างกรรม ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(9) คำพิพากษาต้องมีคำวินิจฉัยเรื่องของกลางด้วย เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จับจำเลยได้พร้อมอาวุธปืนของกลางที่ใช้กระทำผิด และท้ายฟ้องมีคำขอให้ศาลริบอาวุธปืนของกลางด้วย ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นไม่วินิจฉัยเรื่องอาวุธปืนของกลางและไม่สั่งริบอาวุธปืนอันเป็นทรัพย์สินที่มีไว้เป็นความผิด จึงเป็นการไม่ชอบ แม้ไม่มีคู่ความอุทธรณ์ปัญหานี้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ เสียให้ถูกต้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5867/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษปรับเพื่อเพิ่มโทษในความผิดฐานพนัน: การปรับเป็นโทษทางอาญา ทำให้การชำระค่าปรับถือเป็นการพ้นโทษ
การปรับเป็นโทษอย่างหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18(4)เมื่อศาลลงโทษปรับจำเลยและมีการชำระค่าปรับครบถ้วนแล้วในวันเวลาใดย่อมถือได้ว่าจำเลยได้พ้นโทษนับแต่วันที่ชำระค่าปรับนั้นแล้วหากจำเลยพ้นโทษปรับมาแล้ว ยังไม่ครบกำหนด 3 ปี มากระทำผิดต่อพระราชบัญญัติการพนันอีก จึงเข้าหลักเกณฑ์ต้องวางโทษหนักขึ้นตามที่พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ อนุมาตรา (1)หรือ (2) แล้วแต่กรณี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5815/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปกปิดภาระหนี้สินในการซื้อขายบ้าน ไม่ถึงขั้นฉ้อโกง หากผู้ซื้อไม่ตรวจสอบสถานะทรัพย์สิน
การที่จำเลยถูกศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แก่โจทก์ในคดีแพ่งอาจถูกยึดบ้านที่จำเลยบอกขายให้แก่ผู้เสียหายได้นั้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่จำเลยควรบอกให้แจ้ง อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง ดังนี้ แม้จำเลยจะมิได้บอกความดังกล่าวแก่โจทก์ ก็หาเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5808/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำในคดีพนัน: การพ้นโทษจากค่าปรับและการบังคับใช้มาตรา 14 ทวิ
โทษปรับเป็นโทษอย่างหนึ่งในจำพวกโทษทั้ง 5 ชนิดที่ลงแก่ผู้กระทำผิดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18(4)เมื่อศาลลงโทษปรับจำเลยและมีการชำระค่าปรับครบถ้วนแล้วในวันเวลาใดย่อมถือได้ว่าจำเลยได้พ้นโทษนับแต่วันที่ชำระค่าปรับนั้นแล้วฉะนั้น หากจำเลยพ้นโทษปรับแล้วยังไม่ครบกำหนด 3 ปี มากระทำผิดต่อพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 อีก จึงเข้าหลักเกณฑ์ต้องเพิ่มโทษตามวิธีการที่พระราชบัญญัติการพนันฯ มาตรา 14 ทวิ ที่แก้ไขแล้วบัญญัติไว้ในอนุมาตรา (1) หรือ (2) แล้วแต่กรณี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5702/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฐานรับของโจร: การบรรยายฟ้อง การพิพากษาลงโทษ และขอบเขตการชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำความผิดของจำเลยที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษในฐานรับของโจรว่า จำเลยได้ครอบครองและนำเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายไปจำนำที่โรงรับจำนำโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็น ทรัพย์ที่ได้มาจากการลักทรัพย์ ดังนั้น ที่ศาลล่างเชื่อว่าจำเลยนำเอาเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายไปจำนำโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจาก การกระทำความผิด และลงโทษจำเลยฐานรับของโจร จึงมิใช่เป็นการนำข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้องหรือที่โจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษมาลงโทษจำเลย
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้รับของโจรโดยช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียและรับไว้ซึ่งเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายนั้นเป็นการบรรยายความเห็นของโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานรับของโจรเพราะเหตุใด มิใช่เป็นการบรรยายในส่วนของการกระทำของจำเลยที่ประสงค์จะให้นำไปพิจารณาว่า เป็นความผิดหรือไม่ ดังนั้นแม้โจทก์จะไม่บรรยายว่าการจำนำเป็นการช่วยจำหน่าย ก็ไม่ถือว่าโจทก์บรรยายฟ้องไม่ ครบองค์ประกอบของความผิด
โจทก์ขอให้พิพากษาบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เครื่องรับโทรทัศน์สีแก่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 แต่ค่าไถ่ที่ผู้เสียหายเสียไป มิใช่ทรัพย์สินหรือราคาทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดฐานรับของโจรของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดเพราะมิใช่เป็นการคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามคำขอของโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5676/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาความผิดในความผิดป่าสงวน: การครอบครองก่อนประกาศเป็นป่าสงวนทำให้ไม่มีเจตนา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินแผ้วถาง ทำไม้ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตและมิได้รับยกเว้นตามกฎหมาย จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้เข้าครอบครองที่ดินดังกล่าวจริง เป็นเวลา 33 ปีแล้ว โจทก์ไม่สืบพยาน ดังนี้คำให้การของจำเลยยังมีข้อต่อสู้อยู่ว่าจำเลยได้เข้าไปในที่ดินตามฟ้องก่อนที่ที่ดินดังกล่าวจะเป็นป่าสงวน แห่งชาติ การกระทำของจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิด ลงโทษจำเลยไม่ได้
ปัญหาว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5666/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริตอนุญาตขุดดินถนนหลวงเพื่อเอื้อประโยชน์ผู้รับเหมา เบิกจ่ายเงินครบถ้วน
จำเลยเป็นกำนันและประธานกรรมการสภาตำบลท้องที่ มีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินของทางราชการที่เกิดจากโครงการสร้างงานในชนบท ได้อนุญาตให้ ช. ผู้รับเหมาทำถนนดินในตำบลท้องที่ขุดดินจากถนนเดิมซึ่งเป็นถนนที่สภาตำบลสร้างขึ้นตามโครงการสร้างงานใน ชนบทปีก่อน ๆ และอยู่ในความดูแลของสภาตำบลที่จำเลยเป็นประธานกรรมการไปถมทำถนนใหม่ และปล่อยให้ ช. ขุดดินจากข้างถนนเดิมขึ้นมาถมแทนดินที่ขุดไป ทำให้ ช. ไม่ต้องซื้อที่ดินจากที่อื่นมาถมถนนเดิมที่ขอยืมดินไปตามสัญญา แล้วจำเลยกลับเบิกจ่ายเงินค่าทำถนนให้ ช. ไปจนครบจำนวน จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นความผิดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5575/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินยังไม่โอนจนกว่าจะจดทะเบียน แม้มีสัญญาประนีประนอมยอมความ การโอนจึงไม่เป็นยักยอก
จำเลยเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน แม้ต่อมาศาลจะพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยยกที่ดินให้ว. ครึ่งหนึ่ง โดยใส่ชื่อ ว. เป็นเจ้าของรวมในโฉนด แต่เมื่อยังไม่มีการจดทะเบียนใส่ชื่อ ว. เป็นเจ้าของรวม ว. ก็ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ที่ดินยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยเพียงผู้เดียว การที่จำเลยโอนที่ดินทั้งหมดให้ ถ. จึงไม่เป็นความผิดฐานยักยอก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5516/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารบัญชีผู้ถือหุ้นเป็นหลักฐานทางราชการมีน้ำหนักหักล้างพยานอื่นไม่ได้ การชำระค่าหุ้นต้องมีหลักฐานชัดเจน
บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่บริษัทจำเลยส่งไว้ต่อสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร เป็นเอกสารราชการ กฎหมายสันนิษฐานว่าเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1141 เมื่อบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นดังกล่าวระบุว่าผู้ร้องเป็นผู้ถือหุ้นและยังคงค้างค่าหุ้นอยู่ และผู้ร้องไม่อาจนำพยานหลักฐานมาสืบหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายได้ จึงต้องฟังว่าผู้ร้องถือหุ้นและค้างค่าหุ้นตามที่ระบุไว้
บริษัทจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ผู้ร้องซึ่งถือหุ้นและค้างค่าหุ้นบริษัทจำเลยอยู่ต้องชำระเงินค่าหุ้นที่ค้างต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทจำเลย.
of 21