คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 83

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,763 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการครอบครองยาเสพติด แม้ไม่ได้ถูกจับพร้อมกัน
จำเลยที่ 3 ร่วมเดินทางมากับจำเลยที่ 1 และที่ 2 จากจังหวัดภูเก็ต มาจังหวัดสงขลาด้วยรถยนต์กระบะแล้วเข้าพักในโรงแรมเดียวกันจำเลยที่ 3 เป็นผู้ถือกระเป๋าสีดำเข้าไปในโรงแรม ต่อมาจำเลยที่ 1 หิ้วกระเป๋าออกจากโรงแรมขับรถออกไปพร้อมกับจำเลยที่ 2 และถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในที่เกิดเหตุพร้อมเฮโรอีนที่บรรจุในกระเป๋าสีดำ ดังนี้ แม้จำเลยที่ 3 จะไม่ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 แต่ตามพฤติการณ์ เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 3ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในคดียาเสพติด: การพิสูจน์ความผิดจากพฤติการณ์ร่วมเดินทางและครอบครองกระเป๋า
จำเลยที่ 3 ร่วมเดินทางมากับจำเลยที่ 1 และที่ 2จากจังหวัดภูเก็ต มาจังหวัดสงขลาด้วยรถยนต์กระบะแล้วเข้าพักในโรงแรมเดียวกันจำเลยที่ 3 เป็นผู้ถือกระเป๋าสีดำเข้าไปในโรงแรม ต่อมาจำเลยที่ 1 หิ้วกระเป๋าออกจากโรงแรมขับรถออกไปพร้อมกับจำเลยที่ 2 และถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในที่เกิดเหตุพร้อมเฮโรอีนที่บรรจุในกระเป๋าสีดำ ดังนี้แม้จำเลยที่ 3 จะไม่ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2แต่ตามพฤติการณ์ เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1และที่ 2 กระทำผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1991/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายต่อเนื่องและการร่วมกันทำร้ายผู้อื่น ศาลฎีกาพิจารณาพฤติการณ์ปัจจุบันทันด่วนและการสมคบคิด
พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปโดยปัจจุบันทันด่วนต่อเนื่องจากการที่ผู้ตายใช้ศอกกระแทกหน้าอกจำเลย เป็นเหตุให้จำเลยชกต่อยผู้ตาย 1 ทีแล้ววิ่งหนีจากนั้น ส. จึงเข้าซ้ำเติมใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตาย ซึ่งจำเลยและ ส. ต่างคนต่างทำร้ายผู้ตายโดยมิได้สมคบกันมาก่อน ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับ ส. ฆ่าผู้ตายคงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดยชกผู้ตาย 1 ที จำเลยจึงต้องมีความผิดแต่เฉพาะการกระทำของตนเองฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1876/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความรับผิดของนิติบุคคลและกรรมการผู้จัดการในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยปลอม
โจทก์มี ป. มาเบิกความประกอบเอกสารซึ่งเป็นบิลส่งของชั่วคราวแสดงหลักฐานการรับมอบปุ๋ยของกลาง และตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 มีข้อความว่าจำเลยที่ 2 ได้ตรวจใบส่งของชั่วคราวแล้วรับว่าเป็นใบส่งของชั่วคราวของจำเลยที่ 1ส่งของให้กับ ว. จริง และยอมรับตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่า พันตำรวจโท ฉ. ได้สอบคำให้การของจำเลยที่ 2ไว้ด้วย แม้คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 เป็นพยานบอกเล่าแต่จำเลยที่ 2 ก็มิได้ปฏิเสธว่าลายมือชื่อที่ลงไว้ในช่องผู้ต้องหานั้นมิใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับพยานหลักฐานอื่นของโจทก์แล้วก็รับฟังลงโทษจำเลยทั้งสองได้ แม้จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 2 ก็มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: พฤติการณ์ช่วยเหลือคนร้ายก่อน, ระหว่าง, และหลังการกระทำความผิด
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์พาคนร้ายไปบ้านผู้ตาย และจอดรถยนต์รออยู่ที่หน้าบ้านผู้ตาย หลังจากคนร้ายสองคนเข้าไปยิงผู้ตายแล้ว ได้วิ่งมาขึ้นรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 จอดรออยู่ แล้วจำเลยที่ 1 ก็ขับรถยนต์พาคนร้ายหลบหนีไปพฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมคบคิดกับพวกวางแผนมาฆ่าผู้ตายโดยแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ 1จึงเป็นตัวการร่วมกับพวกคนร้ายฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: ตัวการร่วม
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์พาคนร้ายไปบ้านผู้ตาย และจอดรถยนต์รออยู่ที่หน้าบ้านผู้ตาย หลังจากคนร้ายสองคนเข้าไปยิงผู้ตายแล้ว ได้วิ่งมาขึ้นรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 จอดรออยู่ แล้วจำเลยที่ 1 ก็ขับรถยนต์พาคนร้ายหลบหนีไปพฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมคบคิดกับพวกวางแผนมาฆ่าผู้ตายโดยแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวการร่วมกับพวกคนร้ายฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1638/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วม ความผิดอาญา การกระทำโดยพลการจากฤทธิ์สุรา พยานหลักฐานไม่เพียงพอ
ขณะเกิดเหตุ ท. และจำเลยกับพวกดื่มสุรากันมาจนมึนเมามิได้ร่วมสมคบกันมาก่อนที่จะทำร้ายผู้เสียหาย และการที่ ท. กับพวกรุมชกต่อยและ ท. ใช้อาวุธมีดแทงผู้เสียหายนี้ได้ทำขึ้นทันทีทันใดหลังจากที่ผู้เสียหายบอก ท.ว่าผู้เสียหายเรียนอยู่ที่ว.ค.ส่วนการที่จำเลยจับแขนของนางสาว อ.ไว้ก็เพราะกลัวว่านางสาวอ.จะไปช่วยผู้เสียหาย อีกทั้งจำเลยก็มิได้จับแขนนางสาว อ. ไว้แน่นแต่กลับปล่อยให้นางสาว อ. สะบัดหลุดส่อลักษณะเป็นการให้โอกาสนางสาว อ. สะบัดหลุดเพื่อวิ่งหนีไป เพราะอาจได้รับอันตรายจากเหตุที่เกิดขึ้น เช่นนี้พฤติการณ์แห่งคดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับ ท. และพวก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1638/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดร่วม การไม่มีเจตนา การช่วยเหลือความผิด
ขณะเกิดเหตุ ท.และจำเลยกับพวกดื่มสุรากันมาจนมึนเมามิได้ร่วมสมคบกันมาก่อนที่จะทำร้ายผู้เสียหาย และการที่ ท.กับพวกรุมชกต่อยและ ท.ใช้อาวุธมีดแทงผู้เสียหายนี้ได้ทำขึ้นทันทีทันใดหลังจากที่ผู้เสียหายบอก ท.ว่าผู้เสียหายเรียนอยู่ที่ ว.ค. ส่วนการที่จำเลยจับแขนของนางสาว อ.ไว้ก็เพราะกลัวว่านางสาวอ.จะไปช่วยผู้เสียหาย อีกทั้งจำเลยก็มิได้จับแขนนางสาว อ.ไว้แน่น แต่กลับปล่อยให้นางสาว อ.สะบัดหลุดส่อลักษณะเป็นการให้โอกาสนางสาว อ.สะบัดหลุดเพื่อวิ่งหนีไปเพราะอาจได้รับอันตรายจากเหตุที่เกิดขึ้น เช่นนี้พฤติการณ์แห่งคดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับ ท.และพวก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1576/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากยิงด้วยอาวุธปืนร้ายแรง แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
ความผิดฐานมีอาวุธปืน ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7,72 วรรคแรก จำคุก1 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามมาตรา 7,72 วรรคสาม จำคุก 6 เดือน ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219ส่วนความผิดฐานพาอาวุธปืนศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก,72 ทวิ วรรคสอง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 จำคุก 6 เดือนศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เฉพาะบทลงโทษเป็น มาตรา 8 ทวิ วรรคสอง,72 ทวิ วรรคสอง ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยทั้งสองฎีกาว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดทั้งสองฐานเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว การที่จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์มีจำเลยที่ 1 ซ้อนท้ายโดยจำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนลูกซองสั้นติดตัวไป เมื่อพบผู้เสียหายทั้งสามกับพวกกำลังคุยกันอยู่ จำเลยที่ 1 ก็ยิงปืนไปที่ผู้เสียหายทั้งสาม อาวุธปืนเป็นอาวุธที่ร้ายแรงถ้าหากยิงถูกอวัยวะสำคัญอาจถึงตายได้ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสาม จำเลยทั้งสองลงมือกระทำไปโดยตลอดแล้วแต่การกระทำไม่บรรลุผล เนื่องจากกระสุนปืนถูกอวัยวะไม่สำคัญจำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายต่อเนื่องในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย และการไม่มีสิทธิของบุคคลที่สามในการเข้าร่วมเป็นโจทก์
พวกโจทก์ร่วมและพวกจำเลยต่างสมัครใจเข้าทำร้ายซึ่งกันและกันในทันทีทันใด โดยมิได้นัดหมายว่าผู้ใดจะกระทำการใด ทั้งไม่ปรากฏว่าพวกจำเลยเตรียมอาวุธมาแต่แรกเพื่อจะก่อเหตุ การที่จำเลยที่ 2ใช้มีดแทงฆ่าผู้ตายและจำเลยที่ 4 ใช้มีดแทงพยายามฆ่าโจทก์ร่วมที่ 2จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตาย และจำเลยที่ 4 มีความผิดฐานพยายามฆ่าโจทก์ร่วมที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 3 มีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 4 ทำร้ายพวกโจทก์ร่วมมาแต่ต้น จำเลยที่ 1 ที่ 3ย่อมมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก การกระทำของจำเลยทั้งสี่ที่ได้ทำร้ายพวกโจทก์ร่วมนั้นก็โดยมีเจตนาที่จะทำร้ายบุคคลดังกล่าวทุกคนไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นใคร ลักษณะของเจตนากระทำความผิดจึงเป็นอันเดียว เกิดขึ้นในวาระเดียวกันและต่อเนื่องกันตลอดแม้กระทำหลายครั้งต่อหลายบุคคลก็อยู่ภายในเจตนาเดียวกันนั้นมิใช่หลายเจตนาการกระทำของจำเลยทั้งสี่จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท จำเลยทั้งสี่ ผู้ตายและโจทก์ร่วมที่ 2 ที่ 3 สมัครใจวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน ผู้ตายจึงมิใช่ผู้เสียหาย โจทก์ร่วมที่ 1ซึ่งเป็นภริยาผู้ตาย และโจทก์ร่วมที่ 2 ที่ 3 จึงมิใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย ไม่มีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์จึงต้องยกคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ของโจทก์ร่วมทั้งสาม
of 177