คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 83

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,763 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน: การแบ่งหน้าที่ของพวกจำเลยเป็นตัวการร่วม
พวกของจำเลยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์โดยมีจำเลยนั่งซ้อนท้ายไปจอดเยื้องหน้าบ้านผู้เสียหาย พวกของจำเลยลงจากรถเดินมาซื้อน้ำอัดลมที่บ้านของผู้เสียหายซึ่งเปิดเป็นร้ายขายของ และได้สอบถามถึงสามีผู้เสียหายกับพูดคุยอยู่ประมาณ 5-10 นาทีแล้วเดินกลับมาที่รถ จำเลยจึงได้เดินมาซื้อน้ำอัดลมและขณะที่ผู้เสียหายดึงลิ้นชักโต๊ะเก็บเงินเพื่อหยิบเงินทอนให้จำเลย จำเลยได้ใช้อาวุธปืนจี้และเอาทรัพย์ของผู้เสียหาย จากนั้นจำเลยวิ่งไปนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ พวกของจำเลยจึงเป็นตัวการร่วมกระทำการชิงทรัพย์กับจำเลยไม่ใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์: พฤติการณ์สนับสนุนการเป็นตัวการร่วม แม้ถูกข่มขู่
ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายทั้งเจ็ดเล่นการพนันที่บ้านของผู้เสียหายที่ 1 จำเลยมากับผู้เสียหายที่ 7 จำเลยได้กลับไปนำเงินที่บ้านของผู้เสียหายที่ 7 รวม 2 ครั้ง ในครั้งที่ 2 จำเลยไปเป็นเวลา 1 ชั่วโมงยังไม่กลับมาผู้เสียหายที่ 7 จึงไปเอาเงินที่บ้านด้วยตนเอง ต่อมาจำเลยกลับมายังบ้านที่เกิดเหตุพร้อมกับคนร้ายกดแตรรถจักรยานยนต์เป็นสัญญาณ และขานรับเมื่อผู้เสียหายที่ 1ถามชื่อผู้เสียหายที่ 1 จึงเปิดประตูเมื่อเห็นจำเลยกับคนร้ายผู้เสียหายที่ 1 จะปิดประตูแต่ปิดไม่ได้เพราะจำเลยใช้หัวรถจักรยานยนต์ดันเข้ามา จำเลยกับพวกเข้ามาในบ้านได้ คนร้ายได้บังคับผู้เสียหายทั้งเจ็ดและจำเลยนอนคว่ำ แล้วตรวจค้นเอาทรัพย์สินไป เว้นแต่จำเลยไม่ได้ถูกตรวจค้น พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกับคนร้ายปล้นทรัพย์จริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าร่วมกันทำร้ายถึงแก่ความตาย การร้องเชียร์ให้ทำร้ายเป็นเจตนาในการกระทำผิด
การที่จำเลยที่ 3 ร้องตะโกนบอกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ว่า"ตีมันให้หมอบเลย" แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 3 มีเจตนาร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 3 ย่อมเห็นได้ว่าการที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ใช้ไม้ตีทำร้ายผู้ตายที่บริเวณศีรษะและลำตัว อาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ ดังนั้น จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำร้ายผู้ตายโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะการทำร้ายดังกล่าวจำเลยที่ 3 จึงมีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฆ่าผู้ตายโดยเจตนา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 134/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การกระทำที่แสดงเจตนาและความร่วมมือ
การที่จำเลยทั้งสองชวนและพาผู้เสียหายออกไปจากเวทีรำวงครั้นถึงที่เกิดเหตุจำเลยที่ 1 ร้องบอกให้คนร้ายตีผู้เสียหายจนล้มลง แล้วจำเลยทั้งสองจับมือของผู้เสียหายไว้เพื่อให้คนร้ายทำร้ายผู้เสียหาย เห็นได้ชัดว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาร่วมกับพวกทำร้ายผู้เสียหาย และแสดงว่าจำเลยทั้งสองกับพวกต้องคบคิดวางแผนนัดหมายกันไว้ก่อน การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289,80,83 แม้ทางพิจารณาได้ความว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296,83 ก็เป็นความผิดที่รวมอยู่ในลักษณะเดียวกัน แม้มิใช่ความผิดที่โจทก์ฟ้องโดยตรงและมิใช่มาตราที่โจทก์ขอให้ลงโทษ ศาลก็ลงโทษจำเลยทั้งสองตามที่พิจารณาได้ความได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4112/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมการบริษัทร่วมรับผิดฐานตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้บริษัทชำระค่าปรับแล้ว
โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยทั้งสามว่า ร่วมกันกระทำผิดฐานตั้งโรงงานประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยที่จำเลยที่ 1เป็นนิติบุคคลจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 1 เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยเป็นรายบุคคล และจำเลยที่ 1ได้เสียค่าปรับไปแล้วก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 แม้เป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 และกระทำในนามของจำเลยที่ 1 ก็ตาม ก็ถือว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วยเพราะจำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลย่อมกระทำการเองไม่ได้ ความประสงค์หรือวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ย่อมแสดงออกโดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นผู้แทน เมื่อจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานใดได้ชื่อว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำผิดฐานนั้นด้วย ดังนั้นศาลลงโทษจำเลยทั้งสามเป็นรายตัวได้และแม้จำเลยที่ 1 เสียค่าปรับแล้วศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ไม่เป็นการซ้ำซ้อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4112/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของกรรมการบริษัทในการกระทำผิดของบริษัท: ศาลลงโทษกรรมการได้ แม้บริษัทชำระค่าปรับแล้ว
จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลย่อมกระทำการเองไม่ได้ความประสงค์หรือวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ย่อมแสดงออกโดย จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และเป็นผู้แทน ของจำเลยที่ 1 เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานตั้งโรงงานและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตถือได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำความผิดฐานนั้นด้วยศาลลงโทษจำเลยทั้งสามเป็นรายตัวได้ และแม้จำเลยที่ 1เสียค่าปรับแล้ว ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยที่ 1ศาลลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ไม่เป็นการซ้ำซ้อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4112/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของกรรมการบริษัทต่อความผิดของนิติบุคคล
จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลย่อมกระทำการเองไม่ได้ ความประสงค์หรือวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ย่อมแสดงออกโดยจำเลยที่ 2 และที่ 3ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และเป็นผู้แทนของจำเลยที่ 1 เมื่อปรากฎว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานตั้งโรงงานและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตถือได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำความผิดฐานนั้นด้วย ศาลลงโทษจำเลยทั้งสามเป็นรายตัวได้ และแม้จำเลยที่ 1 เสียค่าปรับแล้ว ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยที่ 1 ศาลลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ไม่เป็นการซ้ำซ้อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3932/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง และความหมายของคำว่า 'ครอบครอง' ใน พ.ร.บ.ป่าไม้
ฎีกาของจำเลยหาได้บรรยายให้เห็นว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกคำพยานที่โจทก์นำสืบในข้อไหนอย่างไร และได้สันนิษฐานอันเป็นผลร้ายแก่จำเลยอย่างไร เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193วรรคสอง, 225 และฎีกาข้อนี้กล่าวโดยสรุปก็เพื่อให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงแตกต่างไปจากที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำว่า "ครอบครอง" ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 หาได้มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า "สิทธิครอบครอง" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ แต่มีความหมายกว้างกว่าโดยหมายความรวมถึงครอบครองเพื่อตนและครอบครองแทนผู้อื่นด้วย เพราะไม่มีกฎหมายบทจำกัด คิดว่าต้องครอบครองเพื่อตนเองเท่านั้นจึงจะเป็นความผิด และในทางอาญาการร่วมกันครอบครองไม้หวงห้ามก็เป็นความผิดเช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3932/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองไม้หวงห้าม: ความผิดครอบครองรวมถึงการครอบครองแทนผู้อื่น และข้อจำกัดในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกคำพยาน
ฎีกาของจำเลยหาได้บรรยายให้เห็นว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกคำพยานที่โจทก์นำสืบในข้อไหนอย่างไรและได้สันนิษฐานอันเป็นผลร้ายแก่จำเลยอย่างไร เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง,225 และฎีกาข้อนี้กล่าวโดยสรุปก็เพื่อให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงแตกต่างไปจากที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ คำว่า "ครอบครอง" ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 หาได้มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า "สิทธิครอบครอง" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ แต่มีความหมายกว้างกว่าโดยหมายความรวมถึงครอบครองเพื่อตนและครอบครองแทนผู้อื่นด้วย เพราะไม่มีบทกฎหมายใดจำกัดว่าต้องเป็นการครอบครองเพื่อตนเองเท่านั้นจึงจะเป็นความผิด และในทางอาญาการร่วมกันครอบครองไม้หวงห้ามก็เป็นความผิดเช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3524/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างผิดแบบและไม่ต่อใบอนุญาตเป็นความผิดหลายกรรม การลดโทษต้องมีเหตุเฉพาะตัว
จำเลยปลูกสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตตั้งแต่ใบอนุญาตยังไม่หมดอายุ เป็นการกระทำความผิดสำเร็จแล้วกรรมหนึ่ง เมื่อใบอนุญาตหมดอายุแล้วจำเลยไม่ต่อใบอนุญาตก่อสร้างแต่ยังคงก่อสร้างต่อไปอีกย่อมเป็นการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 21,65,69 และ 71 อีกกรรมหนึ่ง เหตุบรรเทาโทษเป็นเหตุเฉพาะตัว ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้จำเลยที่ไม่มีเหตุบรรเทาโทษย่อมไม่ถูกต้อง แต่โจทก์มิได้ฎีกา ศาลฎีกาไม่อาจแก้ไขได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ
of 177