คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 321

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 132 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฐานความผิดหลายกระทง: เมื่อจำเลยรับสารภาพฐานหนึ่ง โจทก์ขอพิจารณาความผิดฐานอื่นไม่ได้
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นสองฐาน คือฐานปล้นทรัพย์หรือฐานรับของโจร ขอให้ลงโทษจำเลยฐานใดฐานหนึ่ง เมื่อจำเลยให้การรับว่าได้กระทำผิดฐานรับของโจรเต็มตามฟ้องแล้ว โจทก์จะขอให้พิจารณาความผิดฐานปล้นทรัพย์อีกไม่ได้ ศาลย่อมสั่งงดสืบพยานและพิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรได้ทีเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฐานความผิดหลายกระทง: จำเลยรับสารภาพฐานหนึ่ง โจทก์ขอพิจารณาความผิดฐานอื่นไม่ได้
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นสองฐานคือฐานปล้นทรัพย์หรือฐานรับของโจร ขอให้ลงโทษจำเลยฐานใดฐานหนึ่งเมื่อจำเลยให้การับว่าได้กระทำผิดฐานรับของโจรเต็มตามฟ้องแล้ว โจทก์จะขอให้พิจารณาความผิดฐานปล้นทรัพย์อีกไม่ได้ ศาลย่อมสั่งงดสืบพยานและพิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรได้ทีเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1782/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องรับของโจร: โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยฟังว่าจำเลยไม่รู้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย
ในคดีฟ้องหาว่าจำเลยรับของโจร ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยถือว่าทางพิจารณาได้ความต่างกับฟ้องศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยรับไว้โดยไม่รู้ว่า เป็นของที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย, จึงพิพากษายืน ดังนี้โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219
(อ้างฎีกาที่ 1344/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1782/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาข้อเท็จจริงในคดีรับของโจร: เมื่อศาลชั้นต้น/อุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาไม่ได้
ในคดีฟ้องหาว่าจำเลยรับของโจร ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยถือว่าทางพิจารณาได้ความต่างกับฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยรับไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นของที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมายจึงพิพากษายืน ดังนี้ โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 (อ้างฎีกาที่ 1344/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดถือทรัพย์สินยังไม่ขาดพ้น ผู้เก็บทรัพย์สินตกหล่นมีความผิดฐานลักทรัพย์
เก็บสร้อยคอ ซึ่งจำเลยก็น่าจะรู้ว่าเป็นของที่เจ้าของเพิ่งทำตกที่ถนน และเจ้าของก็ยังอยู่ในบริเวณนั้น ถ้าไม่หยิบเอาไปเสียเจ้าของก็คงหาพบ เช่นนี้ ถือว่าความยึดถือของเจ้าของทรัพย์ยังไม่ขาดพ้นไป ผู้เก็บเอาไปต้องผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดถือทรัพย์ยังไม่ขาดพ้น การเก็บทรัพย์ที่ตกหล่นถือเป็นลักทรัพย์
เก็บสร้อยคอซึ่งจำเลยก็น่าจะรู้ว่าเป็นของที่เจ้าของเพิ่งทำตกที่ถนน และเจ้าของก็ยังอยู่ในบริเวณนั้น ถ้าไม่หยิบเอาไปเสียเจ้าของก็คงหาพบ เช่นนี้ถือว่าความยึดถือของเจ้าของทรัพย์ยังไม่ขาดพ้นไป ผู้เก็บเอาไปต้องผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การพิสูจน์ความผิดฐานรับของโจรอยู่ที่โจทก์ ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าทรัพย์ที่ได้รับมาจากการกระทำผิด
ในคดีที่โจทก์หาว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบความผิดของจำลเยว่า จำลเยได้รับทรัพย์นั้นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นการที่ได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมายหาใช่เป็นหน้าที่ของจำเลยต้องจนำสืบไม่ (อ้างฎีกา 577/2484)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การพิสูจน์ความผิดฐานรับของโจรอยู่ที่โจทก์ ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าทรัพย์นั้นได้มาจากการกระทำผิด
ในคดีที่โจทก์หาว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบความผิดของจำเลยว่า จำเลยได้รับทรัพย์นั้นไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมายหาใช่เป็นหน้าที่ของจำเลยต้องนำสืบไม่ (อ้างฎีกา 577/2484)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์และการรับของโจร: ความผิดสำเร็จแล้วและการรับทรัพย์หลังการลักทรัพย์
สร้อยคอทองคำของเจ้าทรัพย์ขาดหรือหลุดตกลงไปในกะเฌอมะปรางของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เก็บเอา เจ้าทรัพย์ขอคืนก็ไม่ยอมให้ เป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้ว จำเลยที่ 1 เดินเอาสร้อยไปส่งให้จำเลยที่ 2 ซึ่ง
อยู่ห่างสัก 4 วา จำเลยที่ 2 พาหนีไป ดังนี้จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานลักทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 2 ผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานพยานบุคคลยืนยันความผิดฐานลักทรัพย์ ผู้ต้องหาพาโคหายไปในเวลาและสถานที่ใกล้เคียง
ขณะพยานพบจำเลยกับพวกพาโคของเจ้าทรัพย์ไปนั้น เป็นเวลาพระอาทิตย์จวนจะขึ้นของคืนที่โคหายนั้นเอง และที่ๆพยานพบจำเลยกับพวกพาโคไปก็ห่างจากที่โคหาย ราว 200 เส้นเท่านั้น รูปคดีบ่งชัดว่า จำเลยกับพวกเป็นผู้ร้ายลักโครายนี้ จำเลยต้องมีความผิดฐานลักทรัพย์
of 14