พบผลลัพธ์ทั้งหมด 132 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 73 และการหักกลบลบโทษ รวมถึงขอบเขตการสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต้องโทษมาแล้วหลายครั้ง ๆ สุดท้ายจำเลยได้หลบหนี้ไปในระหว่างต้องโทษ แล้วกลับมากระทำผิดในคดีนี้ภายหลังที่พ้นโทษครั้งที่ 4 ไปยังไม่เกิน 3 ปี ก็เพิ่มโทษตามมาตรา 73 ได้
เมื่อคดีต้องเพิ่มโทษตามมาตรา 73 กึ่งหนึ่ง และลดฐานปราณีตามมาตรา 59 ลงกึ่งหนึ่ง โทษเพิ่มและลดมีกำหนดเสมอกัน ต้องหักกลบลบกันไปตามมาตรา 39
จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้รับของโจรตามฟ้องไว้จริง แต่ไม่ได้ลักทรัพย์ตามโจทก์ฟ้อง การพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ จึงเกินคำรับของจำเลย
เมื่อคดีต้องเพิ่มโทษตามมาตรา 73 กึ่งหนึ่ง และลดฐานปราณีตามมาตรา 59 ลงกึ่งหนึ่ง โทษเพิ่มและลดมีกำหนดเสมอกัน ต้องหักกลบลบกันไปตามมาตรา 39
จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้รับของโจรตามฟ้องไว้จริง แต่ไม่ได้ลักทรัพย์ตามโจทก์ฟ้อง การพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ จึงเกินคำรับของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษอาญาซ้ำจากเคยหลบหนีระหว่างต้องโทษ และขอบเขตการบังคับใช้มาตรา 73, 59, 39
จำเลยต้องโทษมาแล้วหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายจำเลยได้หลบหนีไปในระหว่างต้องโทษ แล้วกลับมากระทำผิดในคดีนี้ภายหลังที่พ้นโทษครั้งที่ 4 ไปยังไม่เกิน 3 ปี ก็เพิ่มโทษตามมาตรา 73 ได้
เมื่อคดีต้องเพิ่มโทษตามมาตรา 73 กึ่งหนึ่ง และลดฐานปราณีตามมาตรา 59 ลงกึ่งหนึ่ง โทษเพิ่มและลดมีกำหนดเสมอกัน ต้องหักกลบลบกันไปตาม มาตรา 39
จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้รับของโจรตามฟ้องไว้จริง แต่ ไม่ได้ลักทรัพย์ตามโจทก์ฟ้อง การพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ จึงเกินคำรับของจำเลย
เมื่อคดีต้องเพิ่มโทษตามมาตรา 73 กึ่งหนึ่ง และลดฐานปราณีตามมาตรา 59 ลงกึ่งหนึ่ง โทษเพิ่มและลดมีกำหนดเสมอกัน ต้องหักกลบลบกันไปตาม มาตรา 39
จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้รับของโจรตามฟ้องไว้จริง แต่ ไม่ได้ลักทรัพย์ตามโจทก์ฟ้อง การพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ จึงเกินคำรับของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขัดแย้งในตัว: ลักทรัพย์ vs. รับของโจร โจทก์ฟ้องได้ฐานเดียว
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม ถึง 19 กันยายน 2490 จำเลยสมคบกันลักไม้สัก หรือมิฉะนั้นตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยรับไม้สักนั้นไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้าย ต่อมาตำรวจค้นพบไม้สักที่จำเลยลักไปที่ข้างรั้วบ้านของจำเลยขอให้ลงโทษ ดังนี้เป็นฟ้องที่ขัดกันอยู่ในตัว ใช้ไม่ได้ตามกฎหมาย (อ้างฎีกา 975/2480)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขัดแย้งในตัวเอง: ลักทรัพย์ vs รับของโจร โจทก์ฟ้องทั้งสองฐานไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม ถึง 19 กันยายน 2490 จำเลยสมคบกันลักไม้สักหรือมิฉะนั้นตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยรับไม้สักนั้นไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้าย ต่อมาตำรวจค้นพบไม้สักที่จำเลยลักไปที่ข้างรั้วบ้านของจำเลย ขอให้ลงโทษ ดังนี้เป็นฟ้องที่ขัดกันอยู่ในตัว ใช้ไม่ได้ตามกฎหมาย
(อ้างฎีกา 975/2480)
(อ้างฎีกา 975/2480)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบร่วมคิดลักทรัพย์: ตัวการร่วมกระทำผิดจากการแบ่งของที่ได้จากการลักทรัพย์
จำเลยได้ไปที่ร้านเจ้าทรัพย์ในวันเกิดเหตุหลายครั้งโดยมีพวกไปด้วยและต่อมาในคืนเกิดเหตุพวกของจำเลยเข้าทำการลักทรัพย์ในร้าน จำเลยคอยข้างนอกเพราะเกรงว่าเจ้าทรัพย์ซึ่งรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อนจะจำหน้าได้เมื่อได้ทรัพย์มาแล้วแบ่งกันจำเลยได้รับส่วนแบ่ง พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าจำเลยได้สมคบร่วมคิดและร่วมมือกระทำความผิดกับพรรคพวกต้องเป็นตัวการลักทรัพย์รายนี้ด้วยกัน
ศาลชั้นต้นลงโทษฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 295,59, จำคุก 1 ปี 4 เดือนศาลอุทธรณ์แก้ลงโทษตามมาตรา 321,59จำคุก 6 เดือน โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลชั้นต้นลงโทษฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 295,59, จำคุก 1 ปี 4 เดือนศาลอุทธรณ์แก้ลงโทษตามมาตรา 321,59จำคุก 6 เดือน โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายความผิดฐานลักทรัพย์-รับของโจร-ยักยอกทรัพย์
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าคนร้ายลักไป จับเรือได้จากจำเลยเป็นคนร้ายลักหรือรับเรือไว้โดยรู้ว่าเป็นของได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย หรือร้ายลักเรือแล้วทำหลุดออกมา จำเลยเก็บได้ แล้วนำไปซุกซ่อนไว้โดยมีเจตนาทุจริต ยักยอกไว้ไม่ทำตามกฎหมาย
พนักงานสอบสวนจำเลย จำเลยรับว่า เก็บเรือลอยน้ำได้ จึงขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์รับของโจร ยักยอก เก็บของตกดังนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา มาตรา 158 แล้ว.
พนักงานสอบสวนจำเลย จำเลยรับว่า เก็บเรือลอยน้ำได้ จึงขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์รับของโจร ยักยอก เก็บของตกดังนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา มาตรา 158 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์ รับของโจร ยักยอกทรัพย์ และการฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าคนร้ายลักเรือไป จับเรือได้จากจำเลยทั้งนี้โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักหรือรับเรือไว้โดยรู้ว่าเป็นของได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย หรือคนร้ายลักเรือแล้วทำหลุดลอยมา จำเลยเก็บได้ แล้วนำไปซุกซ่อนไว้โดยมีเจตนาทุจริต ยักยอกไว้ไม่ทำตามกฎหมายสำหรับการนั้นพนักงานสอบสวนจำเลย จำเลยรับว่า เก็บเรือลอยน้ำได้จึงขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์รับของโจร ยักยอก เก็บของตก ดังนี้เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158 แล้วประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2491
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดลักทรัพย์จากพยานหลักฐาน การพิจารณาความน่าเชื่อถือของพยาน และการกลับคำพิพากษา
เอากระบือใส่คอกไว้แล้วไปนอนที่อื่น จนประมาณ 4.00 น. คืนเดียวกันนั้น จึงทราบว่ากระบือหาย ได้ออกติดตามรอยไปเป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ถึงที่แห่งหนึ่งเวลา 8.00 น. พบจำเลยกำลังพากระบือไปข้างหน้าจำเลยเหลียวมาเห็น ก็ทิ้งกระบือแล้วหนีเข้าป่า ดังนี้ ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ของที่ได้มาจากการกระทำผิดโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ถือเป็นของโจร
ของที่ได้มาโดยการกระทำอันเป็นความผิดโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานนั้น ไม่ใช่เป็นของอันได้มาโดยการกระทำผิดตามความหมายแห่งมาตรา 321 ผู้รับของเช่นนั้น จึงไม่มีผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเคลือบคลุมของฟ้องอาญา และการพิสูจน์ความผิดฐานรับของโจร
พฤติการณ์ที่ถือว่า ฟ้องไม่เคลือบคลุม