พบผลลัพธ์ทั้งหมด 296 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฉุดคร่าอนาจารและการหน่วงเหนี่ยวกักขัง ศาลรวมกระทงลงโทษได้
ความผิดฐานฉุดคร่าอนาจารนั้น เมื่อได้ฉุดคร่าไปถึงที่หมายปลายทาง ได้ที่พักพิงเรียบร้อยแล้ว ความผิดฐานฉุดคร่าสำหรับตัวผู้ฉุดคร่าก็เป็นอันถึงที่สุด ถ้ายังมีการหน่วงเหนี่ยวกักตัวผู้ถูกฉุดคร่าไว้ต่อไป ก็เป็นความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพขึ้นอีกกระทงหนึ่ง แต่ศาลมีอำนาจรวมกระทงลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฉุดคร่าและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ: การรวมโทษและการพิจารณาความผิดฐานต่างๆ
ความผิดฐานฉุดคร่าห์อนาจารนั้น เมื่อได้ฉุดคร่าห์ไปถึงที่หมายปลายทาง ได้ที่พักพิงเรียบร้อยแล้ว ความผิดฐานฉุดคร่าห์สำหรับตัวผู้ฉุดคร่าห์ก็เป็นอันถึงที่สุด ถ้ายังมีการหน่วงหนี่ยวกักตัวผู้ถูกฉุดคร่าห์ไว้ต่อไป ก็เป็นความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพขึ้นอีกกะทงหนึ่ง แต่ศาลมีอำนาจรวมกะทงลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาซ้ำซ้อนเมื่อศาลยกฟ้องไปแล้ว และสิทธิการฟ้องของเหยื่อในความผิดต่อแผ่นดิน
ความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 127,128 อันเป็นความผิดแผ่นดินนั้น ผู้ที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดนั้น ก็มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษผู้กระทำผิดได้
การกระทำโดยกรรมเดียววาระเดียว แม้จะเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบท ก็จะฟ้องผู้กระทำผิดได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วจะยกกฎหมายบทอื่นที่จำเลย ทำละเมิด แต่ไม่ได้ฟ้องไว้ในครั้งก่อนมาฟ้องจำเลยอีกไม่ได้
จำเลยปลอมตนไปกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยแสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิตต์ มาตรวจจับกุมผู้มเสียหายหาว่ากระทำผิดแล้วเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหาย ๆ จึงเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 127,268 ศาลไต่สวนแล้วสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาตามมาตรา 268 เท่านั้น จำเลยยอมใช้เงิน ผู้เสียหายจึงถอนฟ้องดังนี้ ย่อมถือว่าความผิดตามมาตรา 127 นั้น ศาลได้ยกฟ้องเสียแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยตามมาตรา 128 ก็ย่อมระงับไปด้วย อัยการจึงจะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 127 หรือ 128 อีกไม่ได้
การกระทำโดยกรรมเดียววาระเดียว แม้จะเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบท ก็จะฟ้องผู้กระทำผิดได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วจะยกกฎหมายบทอื่นที่จำเลย ทำละเมิด แต่ไม่ได้ฟ้องไว้ในครั้งก่อนมาฟ้องจำเลยอีกไม่ได้
จำเลยปลอมตนไปกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยแสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิตต์ มาตรวจจับกุมผู้มเสียหายหาว่ากระทำผิดแล้วเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหาย ๆ จึงเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 127,268 ศาลไต่สวนแล้วสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาตามมาตรา 268 เท่านั้น จำเลยยอมใช้เงิน ผู้เสียหายจึงถอนฟ้องดังนี้ ย่อมถือว่าความผิดตามมาตรา 127 นั้น ศาลได้ยกฟ้องเสียแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยตามมาตรา 128 ก็ย่อมระงับไปด้วย อัยการจึงจะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 127 หรือ 128 อีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาซ้ำซ้อน ศาลยกฟ้องแล้ว สิทธิฟ้องระงับ
ความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 127,128 อันเป็นความผิดต่อแผ่นดินนั้น ผู้ที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดนั้น ก็มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษผู้กระทำผิดได้
การกระทำผิดโดยกรรมเดียววาระเดียว แม้จะเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบท ก็จะฟ้องผู้กระทำผิดได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วจะยกกฎหมายบทอื่นที่จำเลย ทำละเมิด แต่ไม่ได้ฟ้องไว้ในครั้งก่อนมาฟ้องจำเลยอีกไม่ได้
จำเลยปลอมตนไปกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยแสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิต มาตรวจจับกุมผู้เสียหายหาว่ากระทำผิดแล้วเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 127,268 ศาลไต่สวนแล้วสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาตามมาตรา 268 เท่านั้น จำเลยยอมใช้เงิน ผู้เสียหายจึงถอนฟ้องดังนี้ ย่อมถือว่าความผิดตามมาตรา 127 นั้น ศาลได้ยกฟ้องเสียแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยตามมาตรา 128 ก็ย่อมระงับไปด้วย อัยการจึงจะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 127 หรือ 128 อีกไม่ได้
การกระทำผิดโดยกรรมเดียววาระเดียว แม้จะเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบท ก็จะฟ้องผู้กระทำผิดได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วจะยกกฎหมายบทอื่นที่จำเลย ทำละเมิด แต่ไม่ได้ฟ้องไว้ในครั้งก่อนมาฟ้องจำเลยอีกไม่ได้
จำเลยปลอมตนไปกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยแสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิต มาตรวจจับกุมผู้เสียหายหาว่ากระทำผิดแล้วเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 127,268 ศาลไต่สวนแล้วสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาตามมาตรา 268 เท่านั้น จำเลยยอมใช้เงิน ผู้เสียหายจึงถอนฟ้องดังนี้ ย่อมถือว่าความผิดตามมาตรา 127 นั้น ศาลได้ยกฟ้องเสียแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยตามมาตรา 128 ก็ย่อมระงับไปด้วย อัยการจึงจะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 127 หรือ 128 อีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1736/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษยักยอกเจ้าพนักงานและขอบเขตการฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 131 ถึง 4 กระทง จำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 131 เพียงกระทงเดียวจำคุก 2 ปี ดังนี้ ถือว่าแก้ไขมาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1736/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษอาญาโดยศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาในคดีเจ้าพนักงานยักยอกและปลอมแปลงเอกสาร
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 ถึง 4 กะทง จำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 131 เพียงกะทงเดียว จำคุก 2 ปี ดังนี้ถือว่าแก้ไขมาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557-1558/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมโทษอาญา – ความผิดฐานสมคบกันฆ่าและทำร้ายร่างกาย – การฎีกาความเห็นไม่ตรงกัน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริง และพิพากษาต้องกันว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 กระทงหนึ่งและตามมาตรา 254 อีกกระทงหนึ่ง แต่ให้รวมกระทงลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปีดังนี้ แม้โทษฐานทำร้ายร่างกายตามกฎหมายลักษณะอาญา ตามมาตรา 254ให้จำคุกไม่เกิน 2 ปีก็ดี แต่ศาลล่างทั้ง 2 ให้รวมกระทงลงโทษร่วมกับความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ไม่ได้กำหนดโทษฐานทำร้ายร่างกายไว้ชัดแจ้ง อันจะพึงอนุมานได้ว่าต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 หรือ 220 ฉะนั้นเมื่อจำเลยฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงรวมกันมาทั้ง2 ฐาน ก็ชอบจะฎีกาได้ ไม่ต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557-1558/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมโทษอาญาและการฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงรวมกันหลายฐานความผิด
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริง และพิพากษาต้องกันว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 กะทงหนึ่งและตามมาตรา 254 อีกกะทงหนึ่ง แต่ให้รวมกะทงลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปี ดังนี้แม้โทษฐานทำร้ายร่างกายตาม ก.ม.ลักษณะอาญาตามมาตรา 154 ให้จำคุกไม่เกิน 2 ปีก็ดี แต่ศาลล่างทั้ง 2 ให้รวมกะทงลงโทษร่วมกับความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้กำหนดโทษฐานทำร้างร่างกายไว้ชัดแจ้ง อันจะพึงอนุมานได้ว่าต้องด้วย วิ.อาญามาตรา 218 หรือ 220 ฉะนั้นเมื่อจำเลยฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงรวมกันมาทั้ง 2 ฐานก็ชอบจะฎีกาได้ไม่ต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยกระทำผิดซ้ำหลังได้รับโทษรอการลงอาญา ศาลเพิ่มโทษตามกฎหมายและรวมโทษเดิม
จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกมีกำหนด 9 เดือนมาแล้วแต่ถูกรอการลงอาญาไว้ มากระทำผิดฐานฆ่าคนตายตามมาตรา 249 ขึ้นอีกภายใน 5 ปี ศาลพิพากษาจำคุก 15 ปี และเพิ่มโทษตามมาตรา 42,72 อีก 1 ใน 3 เป็นโทษให้จำคุก 20 ปี แล้วเอาโทษที่รอไว้ 9 เดือนมาลงแก่จำเลย รวมเป็นโทษจำคุก 20 ปี 9 เดือน ศาลฎีกาพิพากษายืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำคุกจากความผิดซ้ำภายใน 5 ปี และการนำโทษที่รอการลงโทษไปลงโทษ
จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกมีกำหนด 9 เดือนมาแล้ว แต่ถูกรอการลงอาญาไว้มากระทำผิดฐานฆ่าคนตายตาม มาตรา 249 ขึ้นอีกภายใน 5 ปี ศาลพิพากษาจำคุก 15 ปี และเพิ่มโทษตามมาตรา 42, 72 อีก 1 ใน 3 เป็นโทษให้จำคุก 20 ปีแล้วเอาโทษที่รอไว้ 9 เดือนมาลงแก่จำเลย รวมเป็นโทษจำคุก 20 ปี 9 เดือน ศาลฎีกาพิพากษายืน