พบผลลัพธ์ทั้งหมด 306 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแถลงปฏิเสธหรือยืนยันข้อเท็จจริงต่อศาล ไม่ถือเป็นการแจ้งความเท็จ
การที่จำเลยแถลงต่อศาลโดยศาลนัดพร้อมและสอบถามเพื่อรับรองข้อเท็จจริงในคดี โดยจำเลยมิได้แถลงปฏิเสธหรือยืนยันอย่างใดนั้น จึงมิใช่เป็นการแจ้งความเท็จตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแถลงของจำเลยต่อศาลที่ไม่ใช่การแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 แม้จะไม่ได้ยืนยันความถูกต้องของเอกสาร
การที่จำเลยแถลงต่อศาลโดยศาลนัดพร้อมและสอบถามเพื่อรับรองข้อเท็จจริงในคดี โดยจำเลยมิได้แถลงปฏิเสธหรือยืนยันอย่างใดนั้น จึงมิใช่เป็นการแจ้งความเท็จตามความแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตำรวจละเว้นการจับผู้กระทำผิด ขัดขวางพยาน ถือเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
จำเลยเป็นพลตำรวจขาดหนีราชการแต่ยังมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิด ได้ประสพเหตุการณ์กระทำผิดอาญากลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่จะจับคนร้าย โดยเข้าขัดขวางพูดจาขู่พยานผู้รู้เห็นมิให้ยืนยันว่ารู้เห็นการกระทำผิด การละเว้นปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้ เป็นการละเว้นโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าทรัพย์ จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตำรวจละเว้นหน้าที่ช่วยเหลือการจับกุมผู้กระทำผิด และขัดขวางพยาน ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย
จำเลยเป็นพลตำรวจขาดหนีราชการแต่ยังมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดได้ประสบเหตุการณ์กระทำผิดอาญากลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่จะจับคนร้าย โดยเข้าขัดขวางพูดขู่พยานผู้รู้เห็นมิให้ยืนยันว่ารู้เห็นการกระทำผิด การละเว้นปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้ เป็นการละเว้นโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าทรัพย์ จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องแจ้งความเท็จ: การบรรยายความจริงผู้ครอบครองทรัพย์มรดก
คำบรรยายฟ้องคดีแจ้งความเท็จ
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้อง ความว่า จำเลยแจ้งความเท็จว่าโจทก์บุกรุกห้องเลขที่ 185 ตำบลท่าข้าม และลักทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นความเท็จความจริงจำเลยทราบว่าห้องที่กล่าวนี้และทรัพย์ที่หาว่าโจทก์ลักไป เป็นทรัพย์สินของกองมรดกของนายเทศโจทก์ได้ครอบครองอยู่ก่อนแล้วในฐานผู้รับมรดกและจัดการมรดกของนายเทศตามพินัยกรรมจำเลยกับพวกได้ลักทรัพย์เหล่านี้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา137,172 ตามฟ้องนี้โจทก์ได้บรรยายชัดแจ้งแล้ว ทั้งความเท็จที่จำเลยแจ้งต่อพนักงานสอบสวนและความจริงที่โจทก์เป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกรายนี้อยู่ก่อนแล้วจำเลยย่อมเข้าใจข้อหาได้ดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ชัดว่าความจริงโจทก์ไม่ได้บุกรุกหรือบุกรุกแต่มีสิทธิที่จะทำได้จึงไม่เป็นฟ้องที่สมบูรณ์นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้อง ความว่า จำเลยแจ้งความเท็จว่าโจทก์บุกรุกห้องเลขที่ 185 ตำบลท่าข้าม และลักทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นความเท็จความจริงจำเลยทราบว่าห้องที่กล่าวนี้และทรัพย์ที่หาว่าโจทก์ลักไป เป็นทรัพย์สินของกองมรดกของนายเทศโจทก์ได้ครอบครองอยู่ก่อนแล้วในฐานผู้รับมรดกและจัดการมรดกของนายเทศตามพินัยกรรมจำเลยกับพวกได้ลักทรัพย์เหล่านี้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา137,172 ตามฟ้องนี้โจทก์ได้บรรยายชัดแจ้งแล้ว ทั้งความเท็จที่จำเลยแจ้งต่อพนักงานสอบสวนและความจริงที่โจทก์เป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกรายนี้อยู่ก่อนแล้วจำเลยย่อมเข้าใจข้อหาได้ดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ชัดว่าความจริงโจทก์ไม่ได้บุกรุกหรือบุกรุกแต่มีสิทธิที่จะทำได้จึงไม่เป็นฟ้องที่สมบูรณ์นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จและสิทธิในทรัพย์มรดก: ฟ้องต้องระบุความจริงชัดเจน
คำบรรยายฟ้องคดีแจ้งความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จต้องสุจริต ผู้แจ้งความเข้าใจว่าสิทธิถูกรุกล้ำ
การที่จำเลยแจ้งความตำรวจว่าโจทก์ทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในเขตบ้านจำเลยนั้นหากความจริงปรากฏว่าโจทก์ได้กั้นรั้วขึ้นตรงที่ๆ จำเลยทำราวตากผ้าและตรงนั้นเป็นด้านหลังห้องที่จำเลยเช่าจากโจทก์ซึ่งโจทก์เคยผ่อนผันให้จำเลยทำราวตากผ้าได้เดินผ่านไปใช้สะพานท่าน้ำได้ดังนี้จำเลยย่อมน่าจะเข้าใจโดยสุจริตใจได้ว่าเมื่อโจทก์มาทำรั้วกั้นเสียเช่นนี้จำเลยย่อมเสียสิทธิในการใช้และเข้าใจว่าจำเลยถูกกลั่นแกล้งขัดขวางสิทธิฉะนั้นจะว่าจำเลยแจ้งความเท็จมีความผิดในทางอาญายังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จ: สิทธิในการใช้พื้นที่ร่วมกันและการเข้าใจผิดโดยสุจริต
การที่จำเลยแจ้งความตำรวจว่า โจทก์ ทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในเขตบ้านจำเลยนั้น หากความจริงปรากฏว่าโจทก์ได้กั้นรั้วเสียเช่นนี้ จำเลยย่อมเสียสิทธิในการใช้ และเข้าใจว่าจำเลยถูกกลั่นแกล้งขัดขวางสิทธิ ฉะนั้น จะว่าจำเลยแจ้งความเท็จมีความผิดในทางอาญายังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ - ไม่มีเจตนาทุจริต - ความเสียหาย - อำนาจฟ้อง - มัสยิด
คณะกรรมการของมัสยิดซึ่งเป็นนิติบุคคลได้ประชุมลงมติให้จำเลยซึ่งเป็นกรรมการผู้หนึ่งไปแจ้งต่ออำเภอว่าเป็นเจ้าของครอบครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของมัสยิดเป็นการชั่วคราวเพื่อความสะดวกที่จะให้เช่าและกันคนอื่นถือสิทธิต่อไป จำเลยก็นำความไปแจ้งต่อปลัดกิ่งอำเภอว่าจำเลยเป็นเจ้าของ หากว่าการแจ้งของจำเลยเช่นนี้ไม่มีเจตนาทุจริตเป็นที่รู้กันระหว่างจำเลยกับคณะกรรมการมัสยิดและมัสยิดหรือผู้ใดไม่ได้เสียหายหรืออาจเสียหายแต่ประการใด ไม่มีผิดฐานแจ้งความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ - เจตนา - ความเสียหาย - มัสยิด - กรรมการ
คณะกรรมการของมัสยิดซึ่งเป็นนิติบุคคลได้ประชุมลงมติให้จำเลยซึ่งเป็นกรรมการผู้หนึ่งไปแจ้งต่ออำเภอว่าเป็นเจ้าของครอบครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของมัสยิดเป็นการชั่วคราวเพื่อความสะดวกที่จะให้เช่าและกันคนอื่นถือสิทธิต่อไป จำเลยก็นำความไปแจ้งต่อปลัดกิ่งอำเภอว่า จำเลยเป็นเจ้าของหากว่าการแจ้งของจำเลยเช่นนี้ไม่มีเจตนาทุจริต เป็นที่รู้กันระหว่างจำเลยกับคณะกรรมการมัสยิดและมัสยิดหรือผู้ใดไม่ได้เสียหายหรืออาจเสียหายแต่ประการใดไม่มีผิดฐานแจ้งความเท็จ