พบผลลัพธ์ทั้งหมด 220 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1181/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญาและแจ้งความเท็จ: จำเลยเข้าใจสัญญาถูกต้องตามเจตนา แม้ข้อความไม่ชัดเจน ไม่ถือเป็นแจ้งความเท็จ
โจทก์จำเลยทำสัญญากัน โดยจำเลยยอมให้เอาที่ดินของจำเลยให้โจทก์ยื่นคำร้อง ขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ภายใน 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญา ในการนี้โจทก์ตกลงให้เงินแก่จำเลยเป็นการตอบแทน ต่อมาพ้นเวลา 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญาดังกล่าว จำเลยได้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อพนักงานโลหกิจว่า จนบัดนี้ โจทก์ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดการทำเหมืองได้ จำเลยจึงขอคัดค้านการอ้างสิทธิของโจทก์โดยจำเลยไม่ยอมให้ใช้ที่ดินของจำเลย ฯลฯ เช่นนี้ แม้ความจริงโจทก์จะได้ยื่นคำร้องขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ภายใน 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญากันนั้นไว้แล้วก็ตาม แต่เมื่อข้อความในสัญญามีเหตุทำให้จำเลยเข้าใจได้ดังคำร้องคัดค้านของจำเลยแล้ว โจทก์จะหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1181/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญาและการแจ้งความเท็จ: จำเลยไม่ได้แจ้งความเท็จ แต่เป็นการเข้าใจสัญญา
โจทก์จำเลยทำสัญญากัน โดยจำเลยยอมให้เอาที่ดินของจำเลยให้โจทก์ยื่นคำร้องขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ภายใน 6 เดือนนับแต่วันทำสัญญา ในการนี้โจทก์ตกลงให้เงินแก่จำเลยเป็นการตอบแทน ต่อมาพ้นเวลา 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญาดังกล่าว จำเลยได้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อพนักงานโลหกิจว่า จนบัดนี้ โจทก์ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดการทำเหมืองได้ จำเลยจึงขอคัดค้านการอ้างสิทธิของโจทก์โดยจำเลยไม่ยอมให้ใช้ที่ดินของจำเลย ฯลฯ เช่นนี้ แม้ความจริงโจทก์จะได้ยื่นคำร้องขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ภายใน 6 เดือนนับแต่วันทำสัญญากันนั้นไว้แล้วก็ตาม แต่เมื่อข้อความในสัญญามีเหตุทำให้จำเลยเข้าใจได้ดังคำร้องคัดค้านของจำเลยแล้ว โจทก์จะหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า, การป้องกันตัว, และการสมคบคิดทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายถูกกลางหลังทะลุออกหัวนมขวาตายภายหลังเล็กน้อย ถือว่าจำเลยเจตนาฆ่า
การที่จำเลยที่ 1-2 ถือมีดคนละเล่มเข้าไปในบ้านผู้ตายและจำเลยที่ 1 แทงนาง น.ภรรยานาย ข. นาย ข.ฉวยหอกเข้าทำร้ายจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 เข้าทำร้ายนาย ข. บุตรของนาย ข. ฟันจำเลยที่ 1-2 แล้วนาย ข. และบุตร ถูกจำเลยที่ 1-2 ทำร้ายถึงตาย ถือว่านาย ข.ทำเพื่อป้องกันชีวิตนาง น. และบุตรนาย ข.ป้องกันชีวิตนาย ข. ไม่ถือว่าเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทต่อสู้ทำร้ายกัน
และการที่จำเลยที่ 3 ถือขวานอยู่ที่ประตูรั้วบ้านผู้ตายก่อน แต่ไม่ปรากฏว่าเข้ามาในบ้านผู้ตายพร้อมจำเลยที่ 1-2 เมื่อจำเลยที่ 3 ฟันนาย ข. 1 ทีแล้วไม่ได้ทำอะไรอีก ไม่ถือว่าจำเลยที่ 3 สมคบกับจำเลยที่ 1-2 ฆ่าผู้ตาย มีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกาย
การที่จำเลยที่ 1-2 ถือมีดคนละเล่มเข้าไปในบ้านผู้ตายและจำเลยที่ 1 แทงนาง น.ภรรยานาย ข. นาย ข.ฉวยหอกเข้าทำร้ายจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 เข้าทำร้ายนาย ข. บุตรของนาย ข. ฟันจำเลยที่ 1-2 แล้วนาย ข. และบุตร ถูกจำเลยที่ 1-2 ทำร้ายถึงตาย ถือว่านาย ข.ทำเพื่อป้องกันชีวิตนาง น. และบุตรนาย ข.ป้องกันชีวิตนาย ข. ไม่ถือว่าเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทต่อสู้ทำร้ายกัน
และการที่จำเลยที่ 3 ถือขวานอยู่ที่ประตูรั้วบ้านผู้ตายก่อน แต่ไม่ปรากฏว่าเข้ามาในบ้านผู้ตายพร้อมจำเลยที่ 1-2 เมื่อจำเลยที่ 3 ฟันนาย ข. 1 ทีแล้วไม่ได้ทำอะไรอีก ไม่ถือว่าจำเลยที่ 3 สมคบกับจำเลยที่ 1-2 ฆ่าผู้ตาย มีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันฆ่า, ป้องกันตัว, และการทำร้ายร่างกาย: ความรับผิดทางอาญา
จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายถูกกลางหลังทะลุออกหัวนมขวาตายภายหลังเล็กน้อย ถือว่าจำเลยเจตนาฆ่า
การที่จำเลยที่ 1-2 ถือมีดคนละเล่มเข้าไปในบ้านผู้ตายและจำเลยที่ 1 แทงนาง น.ภรรยานาย ข. ๆ ฉวยหอก เข้าทำร้ายจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 เข้าทำร้ายนาย ข.บุตรของนาย ข.ฟันจำเลยที่ 1-2 แล้วนาย ข.และบุตรถูกจำเลยที่ 1-2 ทำร้ายถึงตาย ถือว่านาย ข.ทำเพื่อป้องกันชีวิตนาง น.และบุตรนาย ข.ป้องกันชีวิตนาย ข.ไม่ถือว่าเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทต่อสู้ทำร้ายกัน
และการที่จำเลยที่ 3 ถือขวานอยู่ที่ประตูรั้วบ้านผู้ตายก่อน แต่ไม่ปรากฎว่าเข้ามาในบ้านผู้ตายพร้อมจำเลยที่ 1-2 เมื่อจำเลยที่ 3 ฟันนาย ข.1 ทีแล้วไม่ได้ทำอะไรอีก ไม่ถือว่าจำเลยที่ 3 สมคบกับจำเลยที่ 1-2 ฆ่าผู้ตาย มีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกาย
การที่จำเลยที่ 1-2 ถือมีดคนละเล่มเข้าไปในบ้านผู้ตายและจำเลยที่ 1 แทงนาง น.ภรรยานาย ข. ๆ ฉวยหอก เข้าทำร้ายจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 เข้าทำร้ายนาย ข.บุตรของนาย ข.ฟันจำเลยที่ 1-2 แล้วนาย ข.และบุตรถูกจำเลยที่ 1-2 ทำร้ายถึงตาย ถือว่านาย ข.ทำเพื่อป้องกันชีวิตนาง น.และบุตรนาย ข.ป้องกันชีวิตนาย ข.ไม่ถือว่าเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทต่อสู้ทำร้ายกัน
และการที่จำเลยที่ 3 ถือขวานอยู่ที่ประตูรั้วบ้านผู้ตายก่อน แต่ไม่ปรากฎว่าเข้ามาในบ้านผู้ตายพร้อมจำเลยที่ 1-2 เมื่อจำเลยที่ 3 ฟันนาย ข.1 ทีแล้วไม่ได้ทำอะไรอีก ไม่ถือว่าจำเลยที่ 3 สมคบกับจำเลยที่ 1-2 ฆ่าผู้ตาย มีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการกระทำความผิดพยายามฆ่า - ปืนลั่นโดยไม่ชัดเจน - ยกฟ้อง
จำเลยควักปืนออกมาถือ ไม่ปรากฎอากับกิริยาว่าจะยิงผู้ใดผู้เสียหายกระโดดเข้ากอดจำเลยขณะจำเลยจะหันหน้ามาทางผู้เสียหาย ๆ ผลักปืนที่จำเลยถือ ปืนก็ลั่นขึ้นหนึ่งนัด โดยไม่ได้ความว่าปืนลั่นขึ้นเพราะเหตุใด ถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะยิงผู้เสียหายจึงไม่เป็นผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการกระทำและความรับผิดทางอาญา: การถือปืนและการลั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ
จำเลยควักปืนออกมาถือ ไม่ปรากฏอากัปกิริยาว่าจะยิงผู้ใด ผู้เสียหายกระโดดเข้ากอดจำเลยขณะจำเลยจะหันหน้ามาทางผู้เสียหาย ผู้เสียหายผลักปืนที่จำเลยถือ ปืนก็ลั่นขึ้นหนึ่งนัด โดยไม่ได้ความว่าปืนลั่นขึ้นเพราะเหตุใด ถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะยิงผู้เสียหายจึงไม่เป็นผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 651/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดสำเร็จจากการลักทรัพย์: การจับคาหนังคาเขาเป็นหลักฐานยืนยัน
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายล้วงกระเป๋าลักปากกาหมึกซิมของผู้เสียหายถูกจับคาหนังคาเขา การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสำเร็จ มิใช่เป็นขั้นพยายามกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 651/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดสำเร็จลักทรัพย์: การจับคาหนังคาเขาเป็นหลักฐานแสดงความผิดสำเร็จ
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายล้วงกระเป๋าลักปากกาหมึกซึมของผู้เสียหายถูกจับคาหนังคาเขา การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสำเร็จ มิใช่เป็นชั้นพยายามกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทจากการฝ่าฝืนกฎจราจร: การตีความความประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
การฝ่าฝืนกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับรถยนต์และการจราจรโดยมิได้ตั้งใจ แม้ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 43บัญญัติว่าเป็นประมาทก็ตาม แต่เมื่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 หาได้บัญญัติไว้เช่นนั้นไม่จึงถือไม่ได้ว่า การฝ่าฝืนกฎหมายและข้อบังคับดังกล่าวเป็นการกระทำโดยประมาทไปด้วยทั้งนี้โดยอาศัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาททางอาญา: การฝ่าฝืนกฎหมายจราจรโดยไม่เจตนา ไม่ถือเป็นความประมาทตามกฎหมาย
การฝ่าฝืนกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับรถยนต์และการจราจรโดยมิได้ตั้งใจ แม้ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 43 บัญญัติว่าเป็นประมาทก็ตาม แต่เมื่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 หาได้บัญญัติไว้เช่นนั้นไม่ จึงถือไม่ได้ว่า การฝ่าฝืนกฎหมายและข้อบังคับดังกล่าวเป็นการกระทำโดยประมาทไปด้วย ทั้งนี้โดยอาศัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3.