พบผลลัพธ์ทั้งหมด 522 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369-1370/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการฆ่า: การกระทำร่วมกันและเจตนาในการกระทำผิด
จำเลยที่ 1 เป็นคนใช้ปืนยิงผู้ตาย จำเลยที่ 2,3 มีอาวุธ โดดจากเรือนไปพร้อมจำเลยที่ 1 แสดงว่าจำเลยที่ 2,3 รู้เห็น มีเจตนาร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 2,3 มีอาวุธ แสดงว่าจำเลยที่ 2,3 พร้อมที่จะช่วยจำเลยที่ 1 ได้ทันที เมื่อจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายแล้ว ตอนหนีกลับจำเลยทั้งสามยังหนีกลับมาทางเดียวพร้อมกันอีก จึงนับว่าจำเลยที่ 2,3 ได้ร่วมกันกระทำความผิดด้วยกับจำเลยที่ 1 เป็นตัวการฆ่าผู้ตายด้วยกัน
โทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 กับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 กำหนดไว้เท่ากัน การที่จะใช้กฎหมายใหม่ขึ้นบังคับปรับบทก็ไม่เป็นคุณแก่จำเลยผู้กระทำผิดแต่อย่างใด ศาลจึงต้องใช้กฎหมายลักษณะอาญาปรับบทลงโทษจำเลย
(อ้างฎีกาที่ 1630/2500,1814/2500)
โทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 กับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 กำหนดไว้เท่ากัน การที่จะใช้กฎหมายใหม่ขึ้นบังคับปรับบทก็ไม่เป็นคุณแก่จำเลยผู้กระทำผิดแต่อย่างใด ศาลจึงต้องใช้กฎหมายลักษณะอาญาปรับบทลงโทษจำเลย
(อ้างฎีกาที่ 1630/2500,1814/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369-1370/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันฆ่าผู้อื่น: การกระทำโดยเจตนา และการสนับสนุนความผิดอาญา
จำเลยที่ 1 เป็นคนใช้ปืนยิงผู้ตาย จำเลยที่ 2,3 มีอาวุธ โดดจากเรือนไปพร้อมจำเลยที่ 1 แสดงว่าจำเลยที่ 2,3 รู้เห็นมีเจตนาร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่1 การที่จำเลยที่ 2,3 มีอาวุธ แสดงว่าจำเลยที่2,3 พร้อมที่จะช่วยจำเลยที่ 1 ได้ทันที เมื่อจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายแล้ว ตอนหนีกลับจำเลยทั้งสามยังหนีกลับมาทางเดียวพร้อมกันอีกจึงนับว่าจำเลยที่ 2,3ได้ร่วมกันกระทำความผิดด้วยกับจำเลยที่ 1 เป็นตัวการฆ่าผู้ตายด้วยกัน
โทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 กับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 กำหนดไว้เท่ากัน การที่จะใช้กฎหมายใหม่ขึ้นบังคับปรับบทก็ไม่เป็นคุณแก่จำเลยผู้กระทำผิดแต่อย่างใด ศาลจึงต้องใช้กฎหมายลักษณะอาญาปรับบทลงโทษจำเลย(อ้างฎีกาที่ 1630/2500,1814/2500)
โทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 กับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 กำหนดไว้เท่ากัน การที่จะใช้กฎหมายใหม่ขึ้นบังคับปรับบทก็ไม่เป็นคุณแก่จำเลยผู้กระทำผิดแต่อย่างใด ศาลจึงต้องใช้กฎหมายลักษณะอาญาปรับบทลงโทษจำเลย(อ้างฎีกาที่ 1630/2500,1814/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้และเจตนาฆ่า: การพิเคราะห์การป้องกันตัวและการใช้กำลังเกินเหตุในคดีฆ่าคนตาย
ก. การที่จำเลยโดดลงจากเรือพูดว่าแน่รึ แล้วต่างก็เข้าต่อสู้กับผู้ตาย ภายหลังที่ผู้ตายร้องท้าจำเลยนั้นเป็นการสมัครใจเข้าต่อสู้ มิใช่เป็นการป้องกันตัว
ข. การที่จำเลยใช้มีดดาบยาว 1 แขนกระโดดลงจากเรือนไปต่อสู้กับผู้ตายและฟันผู้ตายถึง 3 แห่ง แผลที่สำคัญถูกที่คอเกือบขาดนั้นแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา มาตรา 288 ประมวลกฎหมายอาญา
(ข้อ ข.ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2505)
ข. การที่จำเลยใช้มีดดาบยาว 1 แขนกระโดดลงจากเรือนไปต่อสู้กับผู้ตายและฟันผู้ตายถึง 3 แห่ง แผลที่สำคัญถูกที่คอเกือบขาดนั้นแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา มาตรา 288 ประมวลกฎหมายอาญา
(ข้อ ข.ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้และการมีเจตนาฆ่า พิจารณาจากพฤติการณ์ก่อนและหลังการกระทำ
ก.การที่จำเลยโดดลงจากเรือนพูดว่า แน่รืแล้วต่างก็เข้าต่อสู้กับผู้ตาย ภายหลังที่ผู้ตายร้องท้าจำเลยนั้น เป็นการสมัครใจเข้าต่อสู้ มิใช่เป็นการป้องกันตัว
ข.การที่จำเลยใช้มีดดาบยาว 1 แขน กระโดดลงจากเรือนไปต่อสู้กับผู้ตายและฟันผู้ตายถึง 3 แห่ง แผลที่สำคัญถูกที่คอเกือบขาดนั้น แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา มาตรา 288 ปรมวลกฎหมายอาญา
ข.การที่จำเลยใช้มีดดาบยาว 1 แขน กระโดดลงจากเรือนไปต่อสู้กับผู้ตายและฟันผู้ตายถึง 3 แห่ง แผลที่สำคัญถูกที่คอเกือบขาดนั้น แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา มาตรา 288 ปรมวลกฎหมายอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำของเจ้าพนักงานตำรวจในการยิงผู้ต้องสงสัยกบฎ ไม่เข้าข่ายได้รับการยกเว้นโทษตาม พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
เมื่อปรากฎว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจยิงผู้ตายซึ่งถูกสงสัยว่าจะมีส่วนร่วมกับการกบฎยึดวังหลวง (26 กุมภาพันธ์ 2492) ขณะอยู่กับบ้านตามปกติ ไม่มีพฤติการณ์แสดงว่าผู้ตายต่อสู้ขัดขวางการตรวจค้รและการเชิญไปสอบสวนแล้วก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำอันเกี่ยวเนื่องจากการป้องกัน ระงับหรือปราบปราบการกบฎ อันจะได้รับยกเว้นโทษตามพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในโอกาส 25 พุทธศตวรรษ พ.ศ. 2499 มาตรา 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241-242/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ปืนยิงแม้พลาดเป้า แต่มีเจตนาทำให้ถึงแก่ความตาย ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
การใช้ปืนยิงคนในร้านขายสุรา แม้ผู้ยิงจะเมาสุราก็ตาม ก็อาจแลเห็นผลได้ว่าผู้ถูกยิงจะถึงตายได้ เมื่อกระสุนปืนที่ยิงพลาดไปถูกคนอื่นมีบาดเจ็บสาหัส ก็ต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2504)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241-242/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงพลาดทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า แม้ผู้ยิงจะอยู่ในอาการเมาสุรา
การใช้ปืนยิงคนในร้านขายสุรา แม้ผู้ยิงจะเมาสุราก็ตามก็อาจแลเห็นผลได้ว่าผู้ถูกยิงจะถึงตายได้ เมื่อกระสุนปืนที่ยิงพลาดไปถูกคนอื่นมีบาดเจ็บสาหัส ก็ต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากลักษณะอาวุธและบาดแผล: ศาลฎีกาตัดสินคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้มีดยาว 4 นิ้วฟุต กว้าง 2 เซนติเมตรด้ามเป็นเหล็กแบนติดต่อกับตัวมีดยาว 5 นิ้วฟุตเศษ แทงเสือกไปแถวหน้าอกผู้ตายในขณะที่ผู้ตายเดินมาหาโดยมิได้ระวังตัว แผลทะลุช่องปอด เช่นนี้จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2503)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากถูกข่มเหง: การกระทำหลังถูกทำร้ายไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
ผู้ตายไปลอบดักทำร้ายและได้ลงมือต่อยเตะจำเลยก่อนนั้น นับว่าจำเลยได้ถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมแล้ว ฉะนั้น เมื่อจำเลยชักหลาวออกมาไล่ทำร้ายและแทงผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเข้าอยู่ในลักษณะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น
แม้จำเลยจะมิได้ยกเรื่องยั่งโทสะขึ้น เป็นข้อต่อสู้ไว้ เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่า มีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยจะได้รับการลดหย่อนโทษ ศาลก็มีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยให้จำเลยได้รับผลตามกฎหมายนั้นได้
แม้จำเลยจะมิได้ยกเรื่องยั่งโทสะขึ้น เป็นข้อต่อสู้ไว้ เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่า มีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยจะได้รับการลดหย่อนโทษ ศาลก็มีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยให้จำเลยได้รับผลตามกฎหมายนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากการถูกทำร้าย: ศาลลดหย่อนโทษจำเลยที่ถูกข่มเหงก่อนลงมือ
ผู้ตายไปลอบดักทำร้ายและได้ลงมือต่อยเตะจำเลยก่อนนั้นนับว่าจำเลยได้ถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมแล้ว ฉะนั้น เมื่อจำเลยชักหลาวออกมาไล่ทำร้ายและแทงผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเข้าอยู่ในลักษณะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมและได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น
แม้จำเลยจะมิได้ยกเรื่องยั่วโทสะขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่า มีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยจะได้รับการลดหย่อนโทษ ศาลก็มีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยให้จำเลยได้รับผลตามกฎหมายนั้นได้
แม้จำเลยจะมิได้ยกเรื่องยั่วโทสะขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่า มีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยจะได้รับการลดหย่อนโทษ ศาลก็มีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยให้จำเลยได้รับผลตามกฎหมายนั้นได้