คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 132

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 554 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความพินัยกรรม: ทรัพย์สมบัติที่ยกให้ทายาท และภาระจำยอมร่วมกัน
พินัยกรรมมีข้อความระบุไว้ว่าบรรดาทรัพย์สมบัติที่มีอยู่และจะมีต่อไปภายหน้า ยอมยกให้จำเลยเป็นผู้รับทรัพย์ตามจำนวนซึ่งกำหนดไว้นั้น เมื่อพินัยกรรมกำหนดว่า เรือนครัว ยุ้งให้ขายทำศพ ย่อมถือว่าเมื่อขาย หักค่าทำศพออกแล้วเงินที่เหลือเป็นเงินที่จะมีต่อไปภายหน้าให้นำมาแบ่งระหว่างจำเลย และที่กำหนดว่าตรอกทางเดินกับที่ดินที่มีบ่อน้ำให้ส่วนกลางภาระจำยอมร่วมกัน ย่อมหมายความว่าให้เป็นส่วนกลางใช้ร่วมกันเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความพินัยกรรม: ทรัพย์สินที่ยกให้ทำศพ และภาระจำยอมร่วมกัน
พินัยกรรมมีข้อความระบุไว้ว่าบรรดาทรัพย์สมบัติที่มีอยู่และจะมีต่อไปภายหน้า ยอมยกให้จำเลยเป็นผู้รับทรัพย์ตามจำนวนซึ่งกำหนดไว้นั้น เมื่อพินัยกรรมกำหนดว่าเรือน ครัว ยุ้งให้ขายทำศพ ย่อมถือว่าเมื่อขาย หักค่าทำศพออกแล้วเงินที่เหลือเป็นเงินที่จะมีต่อไปภายหน้า ให้นำมาแบ่งระหว่างจำเลยและที่กำหนดว่าตรอกทางเดินกับที่ดินที่มีบ่อน้ำให้ส่วนกลางภาระจำยอมร่วมกัน ย่อมหมายความว่าให้เป็นส่วนกลางใช้ร่วมกันเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 299/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าช่วงต้องได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าตามสัญญา หากไม่ได้ขออนุญาต ถือเป็นผิดสัญญา
เมื่อฟ้องโจทก์อาศัยสัญญาเช่าที่ทำกันใหม่ซึ่งมีข้อความบ่งชัดว่า "ผู้เช่าช่วงจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าเป็นหนังสือก่อนจึงจะให้เช่าช่วงได้" ดังนี้ แม้เจ้าของที่ดินเดิมจะได้ยินยอมให้จำเลยให้คนอื่นเช่าช่วงห้องของจำเลยที่ปลูกในที่ดินนั้นแล้วที่ดินจึงได้โอนมายังโจทก์ก็ตาม จำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาใหม่ที่ทำไว้กับโจทก์ เมื่อไม่ได้รับอนุญาตในเรื่องเช่าช่วง จึงถือว่าจำเลยผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
วัตถุประสงค์ของสัญญาดังกล่าว ชอบด้วยกฎหมายและไม่เกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 299/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าช่วง: การขออนุญาตจากผู้ให้เช่าตามสัญญาใหม่มีผลผูกพันแม้เจ้าของเดิมยินยอมก่อนหน้า
เมื่อฟ้องโจทก์อาศัยสัญญาเช่าที่ทำกันใหม่ซึ่งมีข้อความบ่งชัดว่า'ผู้เช่าช่วงจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าเป็นหนังสือก่อนจึงจะให้เช่าช่วงได้'ดังนี้ แม้เจ้าของที่ดินเดิมจะได้ยินยอมให้จำเลยให้คนอื่นเช่าช่วงห้องของจำเลยที่ปลูกในที่ดินนั้นแล้วที่ดินจึงได้โอนมายังโจทก์ก็ตามจำเลยก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาใหม่ที่ทำไว้กับโจทก์เมื่อไม่ได้รับอนุญาตในเรื่องเช่าช่วงจึงถือว่าจำเลยผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
วัตถุประสงค์ของสัญญาดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายและไม่เกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจจัดการทรัพย์มรดก: การเช่าที่ดินเพิ่มเติมเกินกว่าการเก็บค่าเช่าเดิม
โจทก์จำเลยตกลงกันในระหว่างการพิจารณาในคดีที่พิพาทกันเรื่องมรดกว่าโจทก์จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องเก็บผลประโยชน์จากทรัพย์สินกองมรดก ยอมให้จำเลยที่ 1 เก็บและจัดการไปฝ่ายเดียวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ถ้าจำเลยแพ้คดีและต้องส่งเงินผลประโยชน์ให้กองมรดกแล้วจำเลยไม่มีส่งก็ให้ศาลบังคับเอาจากผู้ค้ำประกันได้ในวงเงินสองแสนบาทนั้น ข้อตกลงดังกล่าวนี้ไม่กินความไปถึงว่าให้จำเลยมีอำนาจให้บุคคลอื่นเช่าที่ดินกองมรดกปลูกสร้างอาคารเพิ่มเติมขึ้นอีกเพราะคำว่า ให้จำเลยเก็บผลประโยชน์และจัดการไปฝ่ายเดียวนั้น หมายความเฉพาะเรื่องให้จำเลยเก็บเงินผลประโยชน์จากทรัพย์สินของกองมรดกในระหว่างคดีเป็นการชั่วคราวเท่านั้น
โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งอ้างว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลซึ่งอนุญาตให้จำเลยเป็นเพียงผู้เก็บค่าเช่า แต่กลับให้บุคคลอื่นเช่าที่ดินมรดกปลูกสร้างอาคารเพิ่มเติมภายหลัง แล้วเก็บเงินค่าเช่าและเงินกินเปล่าเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียเอง ฝ่ายจำเลยแถลงว่าจำเลยให้บุคคลเช่าที่ดินปลูกสร้างอาคารนั้นเพื่อให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควรได้ตามข้อตกลงนั้นแล้วเช่นนี้ เมื่อศาลมีคำสั่งในเรื่องนี้อย่างใด ถือว่าคำสั่งนี้เป็นคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณา และเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาด้วย คำสั่งของศาลดังกล่าวนี้ คู่ความย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้ภายในกำหนด 1 เดือนตาม ป.วิ.แพ่ง ม.228 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจจัดการทรัพย์สินมรดก: ข้อตกลงจำกัดเฉพาะการเก็บค่าเช่าเดิม, ไม่รวมถึงการให้เช่าเพิ่มเติม
โจทก์จำเลยตกลงกันในระหว่างการพิจารณาในคดีที่พิพาทกันเรื่องมรดกว่าโจทก์จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องเก็บผลประโยชน์จากทรัพย์สินกองมรดกยอมให้จำเลยที่ 1 เก็บและจัดการไปฝ่ายเดียวจนกว่าคดีจะถึงที่สุดถ้าจำเลยแพ้คดีและต้องส่งเงินผลประโยชน์ให้กองมรดกแล้วจำเลยไม่มีส่งก็ให้ศาลบังคับเอาจากผู้ค้ำประกันได้ในวงเงินสองแสนบาทนั้นข้อตกลงดังกล่าวนี้ไม่กินความไปถึงว่าให้จำเลยมีอำนาจให้บุคคลอื่นเช่าที่ดินกองมรดกปลูกสร้างอาคารเพิ่มเติมขึ้นอีกเพราะคำว่าให้จำเลยเก็บผลประโยชน์และจัดการไปฝ่ายเดียวนั้นหมายความเฉพาะเรื่องให้จำเลยเก็บเงินผลประโยชน์จากทรัพย์สินของกองมรดกในระหว่างคดีเป็นการชั่วคราวเท่านั้น
โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งอ้างว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลซึ่งอนุญาตให้จำเลยเพียงเป็นผู้เก็บค่าเช่าแต่กลับให้บุคคลอื่นเช่าที่ดินมรดกปลูกสร้างอาคารเพิ่มเติมขึ้นภายหลัง แล้วเก็บเงินค่าเช่าและเงินกินเปล่าเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียเองฝ่ายจำเลยแถลงว่าจำเลยให้บุคคลเช่าที่ดินปลูกสร้างอาคารนั้นเพื่อให้เกิดผลประโยชน์เท่าที่ควรได้ตามข้อตกลงนั้นแล้วเช่นนี้เมื่อศาลมีคำสั่งในเรื่องนี้อย่างใด ถือว่าคำสั่งนี้เป็นคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณา และเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาด้วยคำสั่งของศาลดังกล่าวนี้คู่ความย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้ภายในกำหนด 1 เดือน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาให้สิ่งปลูกสร้างเป็นส่วนควบกับที่ดิน ทำให้เรือนเป็นของเจ้าของที่ดินตามหลักกฎหมาย
โจทก์ขออนุญาตปลูกเรือนพิพาทในที่วัดโดยตกลงกับวัดไว้ตามความตอนหนึ่ง ในหนังสือของโจทก์ที่มีไปถึงวัดดังนี้ " บ้านพักซึ่งหม่อมฉันปลูกไว้ในที่ดินขออาศัยนี้ หากหม่อมฉันเป็นตายร้ายดีลง หรือจะอยู่ในที่นั้นไม่ได้ต่อไป ก็ขอน้อมถวายให้เป็นสมบัติของวัดพระมหาธาตุต่อไปด้วย" เช่นนี้ย่อมเป็นการแสดงออกซึ่งเจตนาโดยชัดแจ้งว่าให้สิ่งปลูกสร้างนั้นเป็นส่วนควบกับที่ดินจะไม่รื้อถอนเอาไป เรือนพิพาทย่อมตกได้แก่เจ้าของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตาม มาตรา 109 ดังนี้เมื่อโจทก์ไม่พอใจอยู่บ้านนั้นต่อไปแล้วโจทก์ก็ไม่มีสิทธิรื้อถอนเรือนไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่น: การเป็นส่วนควบและการสิทธิในทรัพย์สิน
โจทก์ขออนุญาตปลูกเรือนพิพาทในที่วัดโดยตกลงกับวัดไว้ตามความตอนหนึ่ง ในหนังสือของโจทก์ที่มีไปถึงวัดดังนี้ " บ้านพักซึ่งหม่อมฉันปลูกไว้ในที่ดินขออาศัยนี้ หากหม่อมฉันเป็นตายร้ายดีลง หรือจะอยู่ในที่นั้นไม่ได้ต่อไป ก็ขอน้อมถวายให้เป็นสมบัติของวัดพระมหาธาตุต่อไปด้วย" เช่นนี้ย่อมเป็นการแสดงออกซึ่งเจตนาโดยชัดแจ้งว่าให้สิ่งปลูกสร้างนั้นเป็นส่วนควบกับที่ดินจะไม่รื้อถอนเอาไป เรือนพิพาทย่อมตกได้แก่เจ้าของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตาม มาตรา 109 ดังนี้เมื่อโจทก์ไม่พอใจอยู่บ้านนั้นต่อไปแล้วโจทก์ก็ไม่มีสิทธิรื้อถอนเรือนไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636-1639/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความกับการบังคับคดีขับไล่: การตีความขอบเขตระยะเวลาเช่า
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยจากที่ของโจทก์ ชั้นพิจารณาคู่ความตกลงกันว่าโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าต่อไป 2 ปี แม้ในสัญญาประนีประนอมจะมิได้ระบุว่าเมื่อครบ 2 ปี แล้วจำเลยจะต้องยอมออกไปก็ตาม ก็ต้องตีความตามสัญญานั้นว่าเมื่อครบ 2 ปีแล้วจำเลยก็ต้องออกไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636-1639/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความกับการบังคับคดีขับไล่ การตีความขอบเขตการเช่าและการสิ้นสุดสัญญา
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยจากที่ของโจทก์ ชั้นพิจารณาคู่ความตกลงกันว่าโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าต่อไป 2 ปี แม้ในสัญญาประนีประนอมจะมิได้ระบุว่าเมื่อครบ 2 ปีแล้วจำเลยจะต้องยอมออกไปก็ตาม ก็ต้องตีความตามสัญญานั้นว่าเมื่อครบ 2 ปีแล้วจำเลยก็ต้องออกไป
of 56