พบผลลัพธ์ทั้งหมด 554 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารรับเงินค่าเซ้งบ้านที่มีข้อความระบุค่าเช่ารายเดือน ถือเป็นสัญญาเช่าที่มีผลผูกพันตามกฎหมายแพ่ง
คณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯลฯมีอำนาจแต่เฉพาะการเช่าที่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ฉะนั้น ก่อนครบกำหนดสัญญาเช่าจำเลยย่อมได้รับความคุ้มครอง ตาม ป.ม.กฎหมายแพ่ง ฯ ไม่ใช่เรื่องของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ มติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าที่ให้ความยินยอมแก่ผู้ให้เช่าเข้าอยู่ในเคหะที่เช่าเองได้นั้น ย่อมไม่มีผลแก่ผู้ให้เช่า
เอกสารรับเงินค่าเซ้งบ้าน มีข้อความเริ่มต้นระบุว่าผู้รับเป็นเจ้าของบ้านได้รับเงินค่าเซ้งบ้านจำนวนหนึ่งไว้แล้ว และมีข้อความว่า ให้สัญญาว่าบ้านหลังนั้นจะให้ผู้ชำระเงินเช่า คิดค่าเช่าเดือนละ 40 บาทไปจนกว่าจะหมดความต้องการแล้วลงชื่อผู้เช่าและพยาน ดังนี้ถือว่าเอกสารนี้เป็นสัญญษเช่าแล้ว
เอกสารรับเงินค่าเซ้งบ้าน มีข้อความเริ่มต้นระบุว่าผู้รับเป็นเจ้าของบ้านได้รับเงินค่าเซ้งบ้านจำนวนหนึ่งไว้แล้ว และมีข้อความว่า ให้สัญญาว่าบ้านหลังนั้นจะให้ผู้ชำระเงินเช่า คิดค่าเช่าเดือนละ 40 บาทไปจนกว่าจะหมดความต้องการแล้วลงชื่อผู้เช่าและพยาน ดังนี้ถือว่าเอกสารนี้เป็นสัญญษเช่าแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมเกิดขึ้นจากการเปิดทางให้ผู้ซื้อที่ดินใช้ร่วมกัน การปลูกสร้างกีดขวางถือเป็นการลดประโยชน์ของภาระจำยอม
ผู้ขายที่ดินทำทางในที่ของตนให้บรรดาผู้ซื้อที่ดินของตนใช้เข้าออกสู่ทางสาธารณะเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วนั้นย่อมถือว่าเป็นทางภาระจำยอมเมื่อผู้ขายไปปลูกเรือนลงในทางนี้เสียครึ่งหนึ่ง ทำให้ใช้ทางไม่สดวกเหมือนเช่นเดิมอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสดวก ซึ่งต้องด้วยข้อห้ามตาม ป.ม.แพ่งมาตรา 1390 เจ้าของที่ดินจึงต้องรับผิด
คำว่า " อาศัยใช้" ทางเดินไม่หมายความว่า เป็นการอาศัยสิทธิเสมอไป อาจเป็นภาระจำยอมก็ได้
คำว่า " อาศัยใช้" ทางเดินไม่หมายความว่า เป็นการอาศัยสิทธิเสมอไป อาจเป็นภาระจำยอมก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางภาระจำยอมเกิดขึ้นจากการใช้ทางต่อเนื่องแม้เจ้าของที่ดินจะก่อสร้างกีดขวาง
ผู้ขายที่ดินทำทางในที่ของตนให้บรรดาผู้ซื้อที่ดินของตนใช้เข้าออกสู่ทางสาธารณะเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วนั้น ย่อมถือว่าเป็นทางภาระจำยอมเมื่อผู้ขายไปปลูกเรือนลงในทางนี้เสียครึ่งหนึ่ง ทำให้ใช้ทางไม่สะดวกเหมือนเช่นเดิมอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกซึ่งต้องด้วยข้อห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1390 เจ้าของที่ดินจึงต้องรับผิด
คำว่า 'อาศัยใช้'ทางเดินไม่หมายความว่าเป็นการอาศัยสิทธิเสมอไปอาจเป็นภาระจำยอมก็ได้
คำว่า 'อาศัยใช้'ทางเดินไม่หมายความว่าเป็นการอาศัยสิทธิเสมอไปอาจเป็นภาระจำยอมก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อยกเว้นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพระราชทาน: การตีความต้องจำกัด และมีข้อแตกต่างตามแต่ละรัชกาล
การตีความข้อยกเว้นจากหลักทั่วไป ต้องตีความโดยจำกัดเงื่อนไขห้ามการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้ก่อนตายหรือโดยพินัยกรรมจะมีอยู่ได้ก็โดยจำกัดอย่างเคร่งครัด
พระราชหัตถเลขาพระราชทานที่ดิน มีข้อความว่า ยกที่ดินให้เป็นสิทธิแก่ผู้รับผู้เดียว ถ้าผู้รับไม่มีตัวลงเมื่อใดก็ให้ที่ตกเป็นของผู้ที่ควรจะได้รับมรดกตามความพอใจของผู้รับหรือตามพระราชกำหนดกฎหมายต่อไปอีกประการหนึ่งในเวลาที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ถ้าผู้รับจะขายที่รายนี้ให้แก่ผู้ใดต้องบอกให้พระองค์รู้ก่อน เมื่อพระองค์ทรงอนุญาตแล้วจึงขายได้ ดังนี้ ย่อมเห็นได้ชัดแล้วว่าเมื่อพระองค์ท่านเสด็จสวรรคตแล้ว ผู้รับก็มิต้องขอพระบรมราชานุญาตอย่างใดในการโอน
พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงสั่งไว้ในเรื่องพระทรงพลราบขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตขายที่ดินซึ่งได้รับพระราชทาน ให้แก่นายพีทีวอง เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2471 ซึ่งมีข้อความว่า'..สำหรับกระทรวงเกษตรนั้น จะจัดการตามหน้าที่ ให้ในเรื่องเช่นนี้ได้ต่อเมื่อเจ้าของที่มีหนังสือสำคัญแสดงว่าได้รับพระบรมราชานุญาตให้ขาย ก็ให้จัดการไปได้ถ้าไม่มีหนังสือต้องไม่รับรู้เสียทีเดียว ให้ไปนำหนังสือมาก่อน...'นั้น เป็นพระบรมราชโองการเพื่อวางวิธีการปฏิบัติสำหรับที่ดินที่พระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 6 พระราชทานแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาทของพระองค์ซึ่งยังสับสนกันอยู่เท่านั้น คำว่า'เรื่องเช่นนี้'จะแปลความไปให้หมายถึงที่ดินที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ไม่ว่าในรัชกาลใดๆ นั้นหาได้ไม่
พระราชหัตถเลขาพระราชทานที่ดิน มีข้อความว่า ยกที่ดินให้เป็นสิทธิแก่ผู้รับผู้เดียว ถ้าผู้รับไม่มีตัวลงเมื่อใดก็ให้ที่ตกเป็นของผู้ที่ควรจะได้รับมรดกตามความพอใจของผู้รับหรือตามพระราชกำหนดกฎหมายต่อไปอีกประการหนึ่งในเวลาที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ถ้าผู้รับจะขายที่รายนี้ให้แก่ผู้ใดต้องบอกให้พระองค์รู้ก่อน เมื่อพระองค์ทรงอนุญาตแล้วจึงขายได้ ดังนี้ ย่อมเห็นได้ชัดแล้วว่าเมื่อพระองค์ท่านเสด็จสวรรคตแล้ว ผู้รับก็มิต้องขอพระบรมราชานุญาตอย่างใดในการโอน
พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงสั่งไว้ในเรื่องพระทรงพลราบขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตขายที่ดินซึ่งได้รับพระราชทาน ให้แก่นายพีทีวอง เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2471 ซึ่งมีข้อความว่า'..สำหรับกระทรวงเกษตรนั้น จะจัดการตามหน้าที่ ให้ในเรื่องเช่นนี้ได้ต่อเมื่อเจ้าของที่มีหนังสือสำคัญแสดงว่าได้รับพระบรมราชานุญาตให้ขาย ก็ให้จัดการไปได้ถ้าไม่มีหนังสือต้องไม่รับรู้เสียทีเดียว ให้ไปนำหนังสือมาก่อน...'นั้น เป็นพระบรมราชโองการเพื่อวางวิธีการปฏิบัติสำหรับที่ดินที่พระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 6 พระราชทานแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาทของพระองค์ซึ่งยังสับสนกันอยู่เท่านั้น คำว่า'เรื่องเช่นนี้'จะแปลความไปให้หมายถึงที่ดินที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ไม่ว่าในรัชกาลใดๆ นั้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขห้ามโอนกรรมสิทธิในที่ดินพระราชทานต้องตีความอย่างเคร่งครัด และมีขอบเขตจำกัดเฉพาะเงื่อนไขที่ระบุไว้
การตีความข้อยกเว้นจากหลักทั่วไป ต้องตีความโดยจำกัดเงื่อนไขห้ามการโอนกรรมสิทธิในทรัพย์สินที่ให้ก่อนตายหรือโดยพินัยกรรมจะมีอยู่ได้ก็โดยจำกัดอย่างเคร่งครัด
พระราชหัตถเลขาพระราชทานที่ดิน มีข้อความว่า ยกที่ดินให้เป็นสิทธิแก่ผู้รับผู้เดียว ถ้าผู้รับไม่มีตัวลงเมื่อใดก็ให้ที่ตกเป็นของผู้ที่ควรจะได้รับมฤดกตามความพอใจของผู้รับหรือตามพระราชกำหนดกฎหมายต่อไปอีกประการหนึ่งในเวลาที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ถ้าผู้รับจะขายที่รายนี้ให้แก่ผู้ใดต้องบอกให้พระองค์รู้ก่อน เมื่อพระองค์ทรงอนุญาตแล้วจึงขายได้ ดังนี้ ย่อมเห็นได้ชัดแล้วว่าเมื่อพระองค์ท่านเสด็จสวรรคแล้ว ผู้รับก็มิต้องขอพระบรมราชานุญาตอย่างใดในการโอน
พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงสั่งไว้ในเรื่องพระทรงพลราบขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตขายที่ดินซึ่งได้รับพระราชทาน ให้แก่นายพีที,วอง เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2471 ซึ่งมีข้อความว่า "..สำหรับกระทรวงเกษตรนั้น จะจัดการตามหน้าที่ ให้ในเรื่องเช่นนี้ได้ต่อเมื่อเจ้าของที่มีหนังสือสำคัญแสดงว่าได้รับพระบรมราชานุญาตให้ขาย ก็ให้จัดการไปได้ ถ้าไม่มีหนังสือต้องไม่รับรู้เสียทีเดียว ให้ไปนำหนังสือมาก่อน.." นั้น เป็นพระบรมราชโองการเพื่อวางวิธีการปฏิบัติสำหรับที่ดินที่พระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 6 พระราชทานแก่ข้าทูลลอองธุลีพระบาทของพระองค์ซึ่งยังสับสนกันอยู่เท่านั้น คำว่า " เรื่องเช่นนี้ " จะแปลความไปให้หมายถึงที่ดินที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ไม่ว่าในรัชการใด ๆ นั้นหาได้ไม่
พระราชหัตถเลขาพระราชทานที่ดิน มีข้อความว่า ยกที่ดินให้เป็นสิทธิแก่ผู้รับผู้เดียว ถ้าผู้รับไม่มีตัวลงเมื่อใดก็ให้ที่ตกเป็นของผู้ที่ควรจะได้รับมฤดกตามความพอใจของผู้รับหรือตามพระราชกำหนดกฎหมายต่อไปอีกประการหนึ่งในเวลาที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ถ้าผู้รับจะขายที่รายนี้ให้แก่ผู้ใดต้องบอกให้พระองค์รู้ก่อน เมื่อพระองค์ทรงอนุญาตแล้วจึงขายได้ ดังนี้ ย่อมเห็นได้ชัดแล้วว่าเมื่อพระองค์ท่านเสด็จสวรรคแล้ว ผู้รับก็มิต้องขอพระบรมราชานุญาตอย่างใดในการโอน
พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงสั่งไว้ในเรื่องพระทรงพลราบขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตขายที่ดินซึ่งได้รับพระราชทาน ให้แก่นายพีที,วอง เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2471 ซึ่งมีข้อความว่า "..สำหรับกระทรวงเกษตรนั้น จะจัดการตามหน้าที่ ให้ในเรื่องเช่นนี้ได้ต่อเมื่อเจ้าของที่มีหนังสือสำคัญแสดงว่าได้รับพระบรมราชานุญาตให้ขาย ก็ให้จัดการไปได้ ถ้าไม่มีหนังสือต้องไม่รับรู้เสียทีเดียว ให้ไปนำหนังสือมาก่อน.." นั้น เป็นพระบรมราชโองการเพื่อวางวิธีการปฏิบัติสำหรับที่ดินที่พระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 6 พระราชทานแก่ข้าทูลลอองธุลีพระบาทของพระองค์ซึ่งยังสับสนกันอยู่เท่านั้น คำว่า " เรื่องเช่นนี้ " จะแปลความไปให้หมายถึงที่ดินที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ไม่ว่าในรัชการใด ๆ นั้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1788/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมมีเงื่อนไข: ผลเมื่อผู้รับผลประโยชน์เสียชีวิตก่อนปฏิบัติตามเงื่อนไข
พินัยกรรม์มีข้อความระบุไว้ว่าให้นาแปลงหนึ่งแก่ผู้รับ 1 คนๆละครึ่ง แต่มีเงื่อนไขว่าให้ผู้รับคนหนึ่งให้เงินแก่ผู้รับคนที่ 2 เป็นเงิน 200 บาท ถ้าผู้รับคนที่หนึ่งไม่ให้เงิน 200 แก่ผู้รับคนที่ 2 ก็ให้นาแปลงนี้เป็นของผู้รับคนที่ 2 คนเดียวดังนี้ ถ้าผู้รับคนที่ 1 ตายเสียก่อนผู้ทำพินัยกรรม์ ผู้รับคนที่ 1 ก็ไม่ได้ชำระเงิน 200 บาท เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้รับคนที่ 2 ก็ไม่มีโอกาศจะได้รับส่วนครึ่งหนึ่งของผู้รับคนที่หนึ่งตามเงื่อนไขนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1788/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามพินัยกรรมที่มีเงื่อนไข และผลเมื่อผู้รับตามพินัยกรรมถึงแก่กรรมก่อนปฏิบัติตามเงื่อนไข
พินัยกรรมมีข้อความระบุไว้ว่า ให้นาแปลงหนึ่งแก่ผู้รับ2 คนคนละครึ่ง แต่มีเงื่อนไขว่าให้ผู้รับคนหนึ่งให้เงินแก่ผู้รับคนที่ 2 เป็นเงิน 200 บาท ถ้าผู้รับคนที่หนึ่งไม่ให้เงิน 200 แก่ผู้รับคนที่ 2 ก็ให้นาแปลงนี้เป็นของผู้รับคนที่ 2 คนเดียว ดังนี้ ถ้าผู้รับคนที่ 1 ตายเสียก่อนผู้ทำพินัยกรรม ผู้รับคนที่ 1 ก็ไม่ได้ชำระเงิน 200 บาท เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้รับคนที่ 2 ก็ไม่มีโอกาสจะได้รับส่วนครึ่งหนึ่งของผู้รับคนที่หนึ่งตามเงื่อนไขนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1787/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับชำระหนี้ตามสัญญาแบ่งปันมรดก: เงื่อนไขสัญญาและการขาดอายุความ
การตีความสัญญาแบ่งปันมรดก ที่ผู้จัดการมรดกทำไว้ให้กับทายาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1787/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับชำระหนี้ตามสัญญาแบ่งปันมรดก โดยไม่มีเงื่อนไข และผลของการไม่ปฏิบัติตามสัญญา
การตีความสัญญาแบ่งปันมรดก ที่ผู้จัดการมรดกทำไว้ให้กับทายาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายกทรัพย์โดยพินัยกรรม: การตีความพินัยกรรมสั่งให้ยกทรัพย์เมื่อเสียชีวิต มิใช่การยกทรัพย์โดยเสน่หา
ความในพินัยกรรมข้อหนึ่งกล่าวว่า ผู้ตายเจตนายกทรัพย์ให้ผู้มีชื่อตั้งแต่วันทำพินัยกรรมฉบับนี้ มีข้อความเริ่มต้นระบุไว้ชัดว่าขอทำหนังสือพินัยกรรมเป็นคำสั่งเผื่อตายไว้ และตอนท้ายก็ยังกล่าวยืนยันว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมไว้ด้วยความเต็มใจและมีสติดี มีพยานลงชื่ออย่างพินัยกรรมทุกประการ เช่นนี้ ย่อมถือว่าเป็นพินัยกรรมที่ผู้ตายมุ่งหมายจะยกทรัพย์ให้เมื่อผู้ตายตายลง หาใช่เป็นหนังสือยกทรัพย์ให้โดยเสน่หาไม่