พบผลลัพธ์ทั้งหมด 554 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในพินัยกรรม: การยกทรัพย์เมื่อตาย มิใช่การยกทรัพย์โดยเสน่หา
ความในพินัยกรรมข้อหนึ่งกล่าวว่า ผู้ตายเจตนายกทรัพย์ให้ผู้มีชื่อตั้งแต่วันทำพินัยกรรมฉะบับนี้มีข้อความเริ่มต้นระบุไว้ชัดว่าขอทำหนังสือพินัยกรรมเป็นคำสั่งเผื่อตายไว้ และตอนท้ายก็ยังกล่าวยืนยันว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมไว้ด้วยความเต็มใจและมีสติดีมีพยานลงชื่ออย่างพินัยกรรม ทุกประการเช่นนี้ย่อมถือว่าเป็นพินัยกรรมที่ผู้ตายมุ่งหมายจะยกทรัพย์ให้เมื่อผู้ตายตายลง หาใช่เป็นหนังสือยกทรัพย์ให้ดดยเสน่หาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281-1283/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเช่าและทรัพย์สินหลังสัญญาหมดอายุ, ความสัมพันธ์ทางกฎหมายระหว่างผู้เช่าช่วง, ผู้เช่าเดิม, และเจ้าของทรัพย์
เช่าทรัพย์สินจากเจ้าของทรัพย์มาแล้วให้เช่าช่วง เมื่อหมดสัญญาเช่าแล้วเจ้าของทรัพย์กลับให้คนอื่นเป็นผู้เช่าแทนส่วนผู้เช่าช่วงยังคงเป็นคนเดิม ดังนี้ ผู้เช่าคนแรกจะเรียกค่าเช่าจากผู้เช่าช่วง ตั้งแต่วันที่ สัญญาของตนกับเจ้าของทรัพย์สิ้นสุดลงแล้ว ต่อไปอีกไม่ได้
ในกรณีเช่นนี้ ถ้าผู้เช่าช่วงชำระค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าคนก่อนสำหรับการเช่าภายหลังสัญญาที่ผู้เช่าคนก่อนกับเจ้าของทรัพย์สิ้นอายุแล้วก็ดี ผู้เช่าคนใหม่ก็ไม่มีสิทธิมาฟ้องผู้เช่าคนก่อนเรียกค่าเช่าที่ผู้เช่าช่วงชำระไปแก่ผู้เช่าคนก่อนได้ เพราะผู้เช่าคนก่อนกับผู้เช่าคนใหม่ไม่มีนิติสัมพันธ์กันอย่างใด และการที่ผู้เช่าคนก่อนรับชำระค่าเช่าไว้จากผู้เช่าช่วง ก็ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดต่อผู้เช่าคนใหม่แต่อย่างใด
ผู้เช่าคนก่อนฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างจากผู้เช่าช่วง ผู้เช่าคนใหม่ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วย แม้ศาลจะตัดสินให้ผู้เช่าช่วงชำระค่าเช่าที่ค้างแก่ผู้เช่าคนก่อนก็เป็นหนี้เฉพาะตัวผู้เช่าช่วง ผู้เช่าคนใหม่ไม่ต้องรับผิดในหนี้ส่วนตัวระหว่างผู้เช่าช่วงกับผู้เช่าคนก่อนด้วย
สัญญาเช่าข้อหนึ่งมีข้อความว่า "ทรัพย์สินที่ผู้รับเช่าได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมหรือนำมาติดต่อเป็นเครื่องประกอบตกแต่งในโรงมหรสพก็ดี ผู้รับเช่ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ให้เช่าทั้งสิ้น แต่ทรัพย์สิ่งใดที่ผู้แสดงมหรสพนำมาใช้ เพียงเพื่อประกอบการแสดงของตนนั้นอยู่นอกสัญญานี้ฯ" ดังนี้ เมื่อปรากฏเพียงแต่ว่าเป็นทรัพย์ของผู้เช่า ซึ่งผู้เช่านำเข้ามาในโรงมหรสพเท่านั้น จึงยังไม่พอที่จะชี้ขาดว่า ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของโรงมหรสพ
ในกรณีเช่นนี้ ถ้าผู้เช่าช่วงชำระค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าคนก่อนสำหรับการเช่าภายหลังสัญญาที่ผู้เช่าคนก่อนกับเจ้าของทรัพย์สิ้นอายุแล้วก็ดี ผู้เช่าคนใหม่ก็ไม่มีสิทธิมาฟ้องผู้เช่าคนก่อนเรียกค่าเช่าที่ผู้เช่าช่วงชำระไปแก่ผู้เช่าคนก่อนได้ เพราะผู้เช่าคนก่อนกับผู้เช่าคนใหม่ไม่มีนิติสัมพันธ์กันอย่างใด และการที่ผู้เช่าคนก่อนรับชำระค่าเช่าไว้จากผู้เช่าช่วง ก็ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดต่อผู้เช่าคนใหม่แต่อย่างใด
ผู้เช่าคนก่อนฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างจากผู้เช่าช่วง ผู้เช่าคนใหม่ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วย แม้ศาลจะตัดสินให้ผู้เช่าช่วงชำระค่าเช่าที่ค้างแก่ผู้เช่าคนก่อนก็เป็นหนี้เฉพาะตัวผู้เช่าช่วง ผู้เช่าคนใหม่ไม่ต้องรับผิดในหนี้ส่วนตัวระหว่างผู้เช่าช่วงกับผู้เช่าคนก่อนด้วย
สัญญาเช่าข้อหนึ่งมีข้อความว่า "ทรัพย์สินที่ผู้รับเช่าได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมหรือนำมาติดต่อเป็นเครื่องประกอบตกแต่งในโรงมหรสพก็ดี ผู้รับเช่ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ให้เช่าทั้งสิ้น แต่ทรัพย์สิ่งใดที่ผู้แสดงมหรสพนำมาใช้ เพียงเพื่อประกอบการแสดงของตนนั้นอยู่นอกสัญญานี้ฯ" ดังนี้ เมื่อปรากฏเพียงแต่ว่าเป็นทรัพย์ของผู้เช่า ซึ่งผู้เช่านำเข้ามาในโรงมหรสพเท่านั้น จึงยังไม่พอที่จะชี้ขาดว่า ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของโรงมหรสพ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความพินัยกรรม: ทรัพย์สินตกเป็นของภรรยาผู้รับพินัยกรรมก่อน หากภรรยาเสียชีวิตจึงตกแก่บุตรที่ระบุไว้
พินัยกรรมมีข้อความว่า "ฯลฯ ข้อ 1. ถ้าข้าพเจ้าถึงแก่กรรมไปแล้ว บรรดาทรัพย์สินของข้าพเจ้าขอยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่นางขำ เรืองแสงภรรยาของข้าพเจ้าทั้งสิ้นถ้าภรรยาข้าพเจ้าชีวิตหาไม่แล้ว จึงให้ทรัพย์นั้นตกทอดแก่บุตรผู้ที่ได้ระบุนามไว้ในพินัยกรรมนี้ ให้เป็นผู้รับทรัพย์สินตามจำนวนซึ่งกำหนดไว้ดังต่อไปนี้ ฯลฯ" ดังนี้ ต้องแปลว่าผู้ทำพินัยกรรมตั้งใจยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่นางขำภรรยาแต่ผู้เดียวโดยเด็ดขาด แต่นางขำหามีชีวิตไม่ กล่าวคือตายเสียก่อน ผู้ทำพินัยกรรมจึงยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ที่ระบุนามไว้ ฉะนั้นเมื่อผู้ทำพินัยกรรมตายก่อนนางขำ ทรัพย์มรดกจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนางขำโดยสิ้นเชิง ข้อความว่าที่ว่า ถ้านางขำหาชีวิตไม่แล้ว จึงให้ตกแก่ผู้มีนามดังระบุไว้ก็ไม่มีผล และเมื่อต่อมานางขำตาย ทรัพย์นั้นก็ตกได้แก่ทายาทนางขำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทนาย: ค่าจ้างเมื่อศาลไม่รับฟ้อง คดีอาญา ยุตติด้วยเหตุโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยจ้างโจทก์เป็นทนายว่าความในคดีที่จำเลยถูกฟ้องหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนา มีข้อสัญญากันว่าถ้าศาลพิพากษาหรือสั่งยกฟ้องในคดีดำที่ถูกฟ้องนั้น จำเลยจะให้ค่าจ้างโจทก์เป็นเงิน 1000 บาท โจทก์จึงทำคำร้องคัดค้านว่าโจทก์ในคดีนั้นไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ศาลจึงสั่งไม่ประทับรับฟ้องเพราะปรากฎว่า โจทก์ในคดีนั้นไม่ใช่สามีโดยชอบด้วย ก.ม.ของผู้ตาย ไม่มีอำนาจฟ้อง คดีนั้นจึงเป็นอันยุตติดังนี้ถือได้ว่า ตามสัญญาที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ดังกล่าวผูกมัดจำเลยให้ต้องจ่ายเงินแก่โจทก์ตามสัญญานั้นแล้ว แม้จำเลยจะถูกทายาทของผู้ตายเป็นโจทก์ฟ้องในกรณีนั้นอีก คดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทนายความ: ค่าจ้างเกิดเมื่อคดีอาญา 'ยุติ' แม้ไม่ใช่คำพิพากษา
จำเลยจ้างโจทก์เป็นทนายว่าความในคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนา มีข้อสัญญากันว่าถ้าศาลพิพากษาหรือสั่งยกฟ้องในคดีดำที่ถูกฟ้องนั้น จำเลยจะให้ค่าจ้างโจทก์เป็นเงิน 1,000 บาท โจทก์จึงทำคำร้องคัดค้านว่า โจทก์ในคดีอาญานั้นไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ศาลจึงสั่งไม่ประทับรับฟ้องเพราะปรากฏว่า โจทก์ในคดีนั้นไม่ใช่สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ไม่มีอำนาจฟ้อง คดีนั้นจึงเป็นอันยุติ ดังนี้ ถือได้ว่า ตามสัญญาที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ดังกล่าว ผูกมัดจำเลยให้ต้องจ่ายเงินแก่โจทก์ตามสัญญานั้นแล้ว แม้จำเลยจะถูกทายาทของผู้ตายเป็นโจทก์ฟ้องในกรณีนั้นอีก คดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 645/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายไม้ซุง: ข้อตกลงเพิ่มเติมที่ไม่ปรากฏในสัญญา และการจ่ายเงินวางศาล
เมื่อข้อสัญญามีความชัดว่าการนำไม้จากป่ามากรุงเทพฯเป็นหน้าที่ของจำเลย จำเลยกลับจะขอนำสืบว่า ก่อนทำสัญญาโจทก์ได้ตกลงด้วยวาจาเป็นผู้จัดหาช้างงัดไม้ลงน้ำให้ ดังนี้ แม้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เมื่อสืบตัวจำเลยแล้วศาลเห็นว่าไม่สมเหตุผลก็สั่งงดสืบพยานอื่นของจำเลยที่เป็นเพียงพยานประกอบได้
เงินที่วางศาลไว้ในระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุดไม่มีกฎหมายให้ศาลต้องจ่ายให้แก่ผู้ชนะทันทีในเมื่ออีกฝ่ายยังคัดค้านอยู่
เงินที่วางศาลไว้ในระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุดไม่มีกฎหมายให้ศาลต้องจ่ายให้แก่ผู้ชนะทันทีในเมื่ออีกฝ่ายยังคัดค้านอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 645/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายไม้ซุง: ข้อตกลงเพิ่มเติมที่ไม่ปรากฏในสัญญา และการงดสืบพยานที่ไม่น่าเชื่อถือ
เมื่อข้อสัญญามีความชัดว่าการนำไม้จากป่ามากรุงเทพฯ เป็นหน้าที่ของจำเลย จำเลยกลับจะขอนำสืบว่า ก่อนทำสัญญาโจทก์ได้ตกลงด้วยวาจาเป็นผู้จัดหาช้างงัดไม้ลงน้ำให้ ดังนี้ แม้ไม่ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94 เมื่อสืบตัวจำเลยแล้วศาลเห็นว่าไม่สมเหตุผลก็สั่งงดสืบพยานอื่นของจำเลยที่เป็นเพียงพยานประกอบได้
เงินที่วางศาลไว้ในระหว่างคดยังไม่ถึงที่สุดไม่มีกฎหมายให้ศาลต้องจ่ายให้แก่ผู้ชนะทันทีในเมื่ออีกฝ่ายยังคัดค้านอยู่
เงินที่วางศาลไว้ในระหว่างคดยังไม่ถึงที่สุดไม่มีกฎหมายให้ศาลต้องจ่ายให้แก่ผู้ชนะทันทีในเมื่ออีกฝ่ายยังคัดค้านอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเงินกู้ vs. เงินมัดจำเช่า จำเลยต้องแสดงเหตุแห่งการต่อสู้คดีชัดเจน
การที่เจ้าของสถานที่เช่าทำสัญญากู้ไว้แก่ผู้ตกลงเช่ามีกำหนดชำระคืนแน่นอนในเดือนปีนั้น เมื่อครบกำหนดแล้วแม้จะเป็นเงินมัดจำก็ต้องคืน
คำให้การต่อสู้คดีแพ่งต้องแสดงเหตุแห่งข้อต่อสู้ของตน จำเลยจะกล่าวในคำให้การแต่ว่าโจทก์ผิดสัญญา โดยไม่ได้กล่าวว่าโจทก์กระทำหรือไม่กระทำการอย่างใดอันเป็นการผิดสัญญา ดังนี้ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา177
คำให้การต่อสู้คดีแพ่งต้องแสดงเหตุแห่งข้อต่อสู้ของตน จำเลยจะกล่าวในคำให้การแต่ว่าโจทก์ผิดสัญญา โดยไม่ได้กล่าวว่าโจทก์กระทำหรือไม่กระทำการอย่างใดอันเป็นการผิดสัญญา ดังนี้ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเงินกู้และเงินมัดจำเช่า: จำเลยต้องคืนเงินให้โจทก์หากผิดสัญญาเช่า และต้องแสดงเหตุแห่งข้อต่อสู้ตามวิ.แพ่ง
การที่เจ้าของสถานที่เช่าทำสัญญากู้ไว้แก่ผู้ตกลงเช่ามีกำหนดชำระคืนแน่นอนในเดือนปีนั้น เมื่อครบกำหนดแล้วแม้จะเป็นเงินมัดจำก็ต้องคืน
คำให้การต่อสู้คดีแพ่งต้องแสดงเหตุแห่งข้อต่อสู้ของตน จำเลยจะกล่าวในคำให้การแต่ว่าโจทก์ผิดสัญญา โดยไม่ได้กล่าวว่าโจทก์กระทำหรือไม่ กระทำอย่างใดอันเป็นการผิดสัญญา การดังนี้ไม่ถูกต้องตาม วิ.แพ่ง ม.177
คำให้การต่อสู้คดีแพ่งต้องแสดงเหตุแห่งข้อต่อสู้ของตน จำเลยจะกล่าวในคำให้การแต่ว่าโจทก์ผิดสัญญา โดยไม่ได้กล่าวว่าโจทก์กระทำหรือไม่ กระทำอย่างใดอันเป็นการผิดสัญญา การดังนี้ไม่ถูกต้องตาม วิ.แพ่ง ม.177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมไม่ชัดเจน ทรัพย์สินพิพาทนอกพินัยกรรม ศาลพิจารณาเจตนาเจ้ามรดก
พินัยกรรมที่ระบุในตอนต้นว่ายกทรัพย์ที่มีอยู่และที่จะเกิดมาในภายหน้าให้ผู้รับพินัยกรรมคนเดียวนั้นแต่ในตอนต่อไปมีรายการทรัพย์ว่า ยกทรัพย์สิ่งใดให้บ้าง แต่ทรัพย์พิพาทไม่มีระบุไว้ในพินัยกรรม ซึ่งมีเหตุให้เห็นได้ว่า แจ้งมรดกมิให้มีเจตนาจะยกทรัพย์ที่พิพาทนี้ให้แก่ผู้รับพินยกรรมด้วย ดังมีทรัพย์พิพาทจึงเป็นทรัพย์มรดกนอกพินัยกรรม