พบผลลัพธ์ทั้งหมด 554 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในพินัยกรรม: ทรัพย์ที่ไม่ได้ระบุในรายการพินัยกรรมถือเป็นมรดกนอกพินัยกรรม
พินัยกรรมที่ระบุในตอนต้นว่ายกทรัพย์ที่มีอยู่และที่จะเกิดมีมาในภายหน้าให้ผู้รับพินัยกรรมคนเดียวนั้น แต่ในตอนต่อไปมีรายการทรัพย์ว่า ยกทรัพย์สิ่งใดให้บ้างแต่ทรัพย์พิพาทไม่มีระบุไว้ในพินัยกรรมซึ่งมีเหตุให้เห็นได้ว่า เจ้ามรดกมิได้มีเจตนาจะยกทรัพย์ที่พิพาทนี้ให้แก่ผู้รับพินัยกรรมด้วย ดังนี้ทรัพย์พิพาทจึงเป็นทรัพย์มรดกนอกพินัยกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนหนี้ชำระหนี้ มิใช่การตั้งตัวแทนรับเงิน
ข้อความในเอกสารที่แสดงเจตนาเป็นการโอนหนี้เพื่อเป็นการชำระหนี้ ไม่ใช่ตั้งตัวแทนสำหรับรับเงิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนหนี้ชำระหนี้ มิใช่การตั้งตัวแทนรับเงิน
ข้อความในเอกสารที่แสดงเจตนาเป็นการโอนหนี้เพื่อเป็นการชำระหนี้ ไม่ใช่ตั้งตัวแทนสำหรับเงิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายแร่: การส่งมอบ, ข้อจำกัดการอ้างเหตุสุดวิสัย, และการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในสัญญา
การที่จำเลยทำสัญญาขายแร่ในนามของตนเอง ในสัญญามิได้ระบุว่าทำแทนใคร แม้จะมีตัวการตัวการก็ไม่เคยแสดงต่อผู้ซื้อมาก่อนว่าจำเลยทำแทน ดังนี้จำเลยต้องรับผิดตามสัญญา ตัวการหาอาจทำให้เสื่อมสิทธิของผู้ซื้อที่มีต่อจำเลย ฐานจำเลยผิดสัญญาได้ไม่
เมื่อข้อความในสัญญามิได้ระบุว่า จำเลยทำแทนผู้ใด ที่จำเลยนำสืบว่าทำในฐานะตัวแทน จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
ข้อสัญญาที่ว่า ค่าส่งจากสถานีถึงโกดังผู้ซื้อ ผู้ขายต้องเสียเองนั้นหมายถึงว่า ผู้ขายต้องส่งมอบถึงโกดังผู้ซื้อ ไม่หมายเลยไปถึงว่า ผู้ขายจะต้องไปเอาแร่จากที่ใดที่หนึ่งมาส่ง ผู้ขายจึงอ้างเหตุสุดวิสัยว่าไม่สามารถขนส่งแร่จากที่หนึ่งมาแก้ตัวไม่ได้
การซื้อขายแร่แม้ผู้ซื้อขายไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติความผิดอยู่ที่ไม่ขออนุญาตกฎหมายมิได้ห้ามการซื้อขายแร่ทั้งสัญญาได้ทำในจังหวัดที่ยังมิได้ประกาศใช้ พระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่ฯ 2474 สัญญานั้นไม่เป็นโมฆะ
เมื่อข้อความในสัญญามิได้ระบุว่า จำเลยทำแทนผู้ใด ที่จำเลยนำสืบว่าทำในฐานะตัวแทน จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
ข้อสัญญาที่ว่า ค่าส่งจากสถานีถึงโกดังผู้ซื้อ ผู้ขายต้องเสียเองนั้นหมายถึงว่า ผู้ขายต้องส่งมอบถึงโกดังผู้ซื้อ ไม่หมายเลยไปถึงว่า ผู้ขายจะต้องไปเอาแร่จากที่ใดที่หนึ่งมาส่ง ผู้ขายจึงอ้างเหตุสุดวิสัยว่าไม่สามารถขนส่งแร่จากที่หนึ่งมาแก้ตัวไม่ได้
การซื้อขายแร่แม้ผู้ซื้อขายไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติความผิดอยู่ที่ไม่ขออนุญาตกฎหมายมิได้ห้ามการซื้อขายแร่ทั้งสัญญาได้ทำในจังหวัดที่ยังมิได้ประกาศใช้ พระราชบัญญัติการทำเหมืองแร่ฯ 2474 สัญญานั้นไม่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายแร่: การตีความสัญญา, เหตุสุดวิสัย, และฐานตัวแทนที่มิได้เปิดเผย
การที่จำเลยทำสัญญาขายแร่ในนามของตนเอง ในสัญญามิได้ระบุว่าทำแทนใคร แม้จะมีตัวการ ๆ ก็ไม่เคยแสดงต่อผู้ซื้อมาก่อนว่าจำเลยทำแทน ดังนี้ จำเลยต้องรับผิดตามสัญญา ตัวการหาอาจทำให้เสื่อมสิทธิของผู้ซื้อที่มีต่อจำเลย ฐานจำเลยผิดสัญญาได้ไม่
เมื่อข้อความในสัญญามิได้ระบุว่า จำเลยทำแทนผู้ใด ที่จำเลยนำสืบว่าทำในฐานะตัวแทน จึงต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94
ข้อสัญญาที่ว่า ค่าส่งจากสถานีโกดังผู้ซื้อ ผู้ขายต้องเสียเองนั้น หมายถึงว่า ผู้ขายต้องส่งมอบถึงโกดังผู้ซื้อ ไม่หมายเลยไปถึงว่า ผู้ขายจะต้องไปเอาแร่จากที่ใดที่หนึ่งมาส่ง ผู้ขายจึงอ้างเหตุสุดวิสัยว่าไม่สามารถขนส่งแร่จากที่หนึ่งมาแก้ตัวไม่ได้
การซื้อขายแร่แม้ผู้ซื้อขายไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติความผิดอยู่ที่ไม่ขออนุญาตกฎหมายมิได้ห้ามการซื้อขายแร่ทั้งสัญญาได้ทำในจังหวัดที่ยังมิได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.การทำเหมืองแร่ ฯ 2474 สัญญานั้นไม่เป็นโมฆะ
เมื่อข้อความในสัญญามิได้ระบุว่า จำเลยทำแทนผู้ใด ที่จำเลยนำสืบว่าทำในฐานะตัวแทน จึงต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94
ข้อสัญญาที่ว่า ค่าส่งจากสถานีโกดังผู้ซื้อ ผู้ขายต้องเสียเองนั้น หมายถึงว่า ผู้ขายต้องส่งมอบถึงโกดังผู้ซื้อ ไม่หมายเลยไปถึงว่า ผู้ขายจะต้องไปเอาแร่จากที่ใดที่หนึ่งมาส่ง ผู้ขายจึงอ้างเหตุสุดวิสัยว่าไม่สามารถขนส่งแร่จากที่หนึ่งมาแก้ตัวไม่ได้
การซื้อขายแร่แม้ผู้ซื้อขายไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติความผิดอยู่ที่ไม่ขออนุญาตกฎหมายมิได้ห้ามการซื้อขายแร่ทั้งสัญญาได้ทำในจังหวัดที่ยังมิได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.การทำเหมืองแร่ ฯ 2474 สัญญานั้นไม่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 439/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตั๋วสัญญาใช้เงินพิสูจน์การกู้ยืมได้ แม้ไม่มีคำว่า 'กู้ยืม' หลักฐานอื่นประกอบได้
ฟ้องเรียกเงินกู้โดยอ้างตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่งมีข้อความแสดงแต่เพียงรับรองว่า จำเลยมีหนี้อันจะพึงต้องชำระให้แก่โจทก์ โดยไม่มีถ้อยคำชัดว่า หนี้นั้นเป็นหนี้เงินกู้หรือหนี้อย่างอื่น โจทก์ย่อมนำพยานหลักฐานสืบประกอบว่าหนี้นั้นเป็นหนี้เงินกู้ได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 หาได้มีความหมายเคร่งครัดถึงกับว่า จะต้องมีถ้อยคำว่า กู้ยืมเป็นหลักฐานในเอกสารนั้นไม่ เมื่อโจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง แสดงความเป็นหนี้สินลงลายมือชื่อลูกหนี้แล้วและสืบพยานหลักฐานประกอบอธิบายได้ว่าหนี้สินนั้นเป็นหนี้สินแห่งการกู้ยืม เอกสารนั้นก็เป็นหนังสืออันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมแล้ว(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8-9/2493)
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 หาได้มีความหมายเคร่งครัดถึงกับว่า จะต้องมีถ้อยคำว่า กู้ยืมเป็นหลักฐานในเอกสารนั้นไม่ เมื่อโจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง แสดงความเป็นหนี้สินลงลายมือชื่อลูกหนี้แล้วและสืบพยานหลักฐานประกอบอธิบายได้ว่าหนี้สินนั้นเป็นหนี้สินแห่งการกู้ยืม เอกสารนั้นก็เป็นหนังสืออันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมแล้ว(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8-9/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 439/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการกู้ยืม: หนังสือรับรองหนี้ + พยานหลักฐานประกอบแสดงเจตนาการกู้ยืม
ฟ้องเรียกเงินกู้โดยล้างตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่งมีข้อความแสดงแต่เพียงรับรองว่า จำเลยมีหนี้อันจะพึงต้องชำระให้แก่โจทก์โดยไม่มีถ้อยคำชัดว่า หนี้นั้นเป็นหนี้เงินกู้หรือหนี้อย่างอื่น โจทก์ย่อมนำพยานหลักฐานสืบประกอบว่าหนี้นั้นเป็นหนี้เงินกู้ได้
ป.ม.แพ่งฯมาตรา 653 หาได้มีความหมายเคร่งครัดถึงกับว่า จะต้องมีถ้อยคำว่า กู้ยืมเป็นหลักฐานในเอกสารนั้นไม่ เมื่อโจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง แสดงความเป็หนี้สินลงลายมือชื่อลูกหนี้แล้ว และสืบพยานหลักฐานประกอบอธิบายได้ว่าหนี้สินนั้นเป็นหนี้สินแห่งการกู้ยืมเอกสารนั้นก็เป็นหนังสือเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมแล้ว
ป.ม.แพ่งฯมาตรา 653 หาได้มีความหมายเคร่งครัดถึงกับว่า จะต้องมีถ้อยคำว่า กู้ยืมเป็นหลักฐานในเอกสารนั้นไม่ เมื่อโจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง แสดงความเป็หนี้สินลงลายมือชื่อลูกหนี้แล้ว และสืบพยานหลักฐานประกอบอธิบายได้ว่าหนี้สินนั้นเป็นหนี้สินแห่งการกู้ยืมเอกสารนั้นก็เป็นหนังสือเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าช่วงและการสิ้นสุดสิทธิเช่า: การให้ผู้อื่นอยู่อาศัยไม่ถือเป็นการโอนสิทธิเช่าหากไม่ใช่การให้เช่าช่วง
การที่ผู้เช่าให้บริวารของผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน อาศัยอยู่ในห้องเช่า แล้วตนไปอยู่ที่อื่น ภายหลังเมื่อเลิกหุ้นส่วนกันแล้วได้ฟ้องขับไล่ผู้อาศัยนั้น ดังนี้ไม่ถือว่าเป็นการให้เช่าช่วงหรือโอนการเช่าให้อยู่แทนเด็ดขาดไม่ผิดสัญญาเช่า
เมื่อสัญญาเช่าของผู้เช่าเดิมยังไม่ระงับ แม้บริวารผู้อาศัยนั้นจะไปทำสัญญาเช่ากับผู้ให้เช่าใหม่ ก็ยังไม่มีสิทธิตามสัญญาเช่าใหม่นั้น
การที่บริวารผู้อาศัยอยู่ในห้องเช่าพิพาทโดยฝ่าฝืนคำบังคับของศาลที่สั่งขับไล่ ดังนี้จะอ้างสิทธิ ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 543(1) มิได้ เพราะถือว่าอยู่ในลักษณะละเมิด
เมื่อสัญญาเช่าของผู้เช่าเดิมยังไม่ระงับ แม้บริวารผู้อาศัยนั้นจะไปทำสัญญาเช่ากับผู้ให้เช่าใหม่ ก็ยังไม่มีสิทธิตามสัญญาเช่าใหม่นั้น
การที่บริวารผู้อาศัยอยู่ในห้องเช่าพิพาทโดยฝ่าฝืนคำบังคับของศาลที่สั่งขับไล่ ดังนี้จะอ้างสิทธิ ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 543(1) มิได้ เพราะถือว่าอยู่ในลักษณะละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้บริวารเข้าอยู่แทนไม่ถือเป็นการเช่าช่วงผิดสัญญาเช่า และผู้ละเมิดไม่อ้างสิทธิครอบครองได้
การที่ผู้เช่าให้บริวารของผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน อาศัยอยู่ในห้องเช่าแล้วตนไปอยู่ที่อื่น ภายหลังเมื่อเลิกหุ้นส่วนกันแล้วได้ฟ้องขับไล่ผู้อาศัยนั้น ดังนี้ไม่ถือว่าเป็นการให้เช่าช่วงหรือโอนการเช่าให้อยู่แทนเด็ดขาดไม่ผิดสัญญาเช่า
เมื่อสัญญาเช่าของผู้เช่าเดิมยังไม่ระงับแม้บริวารผู้อาศัยนั้นจะไปทำสัญญาเช่ากับผู้ให้เช่าใหม่ ก็ยังไม่มีสิทธิตามสัญญาเช่าใหม่นั้น
การที่บริวารผู้อาศัยอยู่ในห้องเช่าพิพาทโดยฝ่าฝืนคำบังคับของศาลที่สั่งขับไล่ดังนี้ จะอ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 543(1) มิได้ เพราะถือว่าอยู่ในลักษณะละเมิด
เมื่อสัญญาเช่าของผู้เช่าเดิมยังไม่ระงับแม้บริวารผู้อาศัยนั้นจะไปทำสัญญาเช่ากับผู้ให้เช่าใหม่ ก็ยังไม่มีสิทธิตามสัญญาเช่าใหม่นั้น
การที่บริวารผู้อาศัยอยู่ในห้องเช่าพิพาทโดยฝ่าฝืนคำบังคับของศาลที่สั่งขับไล่ดังนี้ จะอ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 543(1) มิได้ เพราะถือว่าอยู่ในลักษณะละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมออกจากที่เช่าเป็นสาระสำคัญของสัญญายอมความ หากไม่ยินยอม สัญญาเป็นโมฆะ
การที่ผู้ให้เช่าและผู้เช่าเคหะทำยอมกันว่า ผู้เช่ายอมออกไปภายในกำหนดวันแน่นอน ฝ่ายผู้ให้เช่ายอมจะชำระเงินให้หนึ่งหมื่นบาท และยอมให้ผู้เช่ารื้อสิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าทำไว้ไป แต่แล้วผู้เช่ากลับไม่ยอมออกไป จนศาลต้องมีหมายจับมาขัง จึงยอมออกไปและเป็นเวลาล่วงเลยมาถึง 1 ปี 4 เดือน นับจากวันยอม ดังนี้ ถือว่าผู้เช่าและบริวารมิได้ออกจากที่เช่าไปโดยความยินยอม หรือสมัครใจ ผู้เช่าจะมาขอให้ศาลบังคับผู้ให้เช่าให้ปฏิบัติตามยอมมิได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2493)