คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 132

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 554 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำพินัยกรรม: เอกสารที่ไม่ชัดเจนถึงเจตนาสั่งพินัยกรรม ไม่ถือเป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์
พินัยกรรมต้องเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1646 แม้เอกสารจะใช้คำว่าพินัยกรรมและข้อความในตอนต้นอาจมีทางพอจะตีความว่าได้เป็นพินัยกรรมก็ดี แต่เมื่ออ่านข้อความตอนอื่นประกอบแล้ว เห็นว่าผู้ตายหาได้มีเจตนาจะทำพินัยกรรมไม่หากเป็นหนังสือสัญญาซึ่งทำไว้แก่ฝ่ายสาว เวลาที่ผู้ตายจะได้จำเลยเป็นภริยาเท่านั้น การที่ผู้ตายเขียนคำว่า ขอทำพินัยกรรม ในตอนต้นจึงเป็นการใช้ถ้อยคำผิด ดังนี้ เอกสารเช่นว่านั้น จึงไม่ใช่พินัยกรรม
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องว่า ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าจำเลยไม่มีสิทธิเกี่ยวข้องในกองมรดกของผู้ตาย และห้ามมิให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องในการรับมรดกของผู้ตายคำขอไม่ให้เกี่ยวข้องนี้กว้างมาก หากศาลพิพากษาห้ามดังโจทก์ขอแล้ว อาจไปกระทบกระเทือนสิทธิของจำเลยซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ฟ้องร้องกันนี้ก็ได้ ฉะนั้นศาลจึงพิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องกับกองมรดกของผู้ตาย ในฐานะเป็นผู้รับมรดก ส่วนคำขอท้ายฟ้องที่โจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากเรือนซึ่งเป็นกองมรดกของผู้ตายก็เช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความพินัยกรรม: เจตนาของผู้ทำพินัยกรรมสำคัญกว่ารูปแบบเอกสาร
พินัยกรรม์ต้องเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1646 แม้เอกสารจะใช้คำว่า พินัยกรรม์และข้อความในตอนต้นอาจมีทางพอจะตีความว่าได้เป็นพินัยกรรม์ก็ดี แต่เมื่ออ่านข้อความตอนอื่นประกอบแล้ว เห็นว่าผู้ตายหาได้มีเจตนาจะทำพินัยกรรม์ไม่ หากเป็นหนังสือสัญญาซึ่งทำไว้แก่ฝ่ายสาว เวลาที่ผู้ตายจะได้จำเลยเป็นภริยาเท่านั้น การที่ผู้ตายเขียนคำว่า ขอทำพินัยกรรม์ ในตอนต้นจึงเป็นการใช้ถ้อยคำผิดดังนี้ เอกสารเช่นว่านั้น จึงไม่ใช่พินัยกรรม์
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องว่า ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่า จำเลยไม่มีสิทธิเกี่ยวข้องในกองมฤดกของผู้ตาย และห้ามมิให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องในการรับมฤดกของผู้ตาย คำขอไม่ให้เกี่ยวข้องนี้กว้างมาก หากศาลพิพากษาห้ามดังโจทก์ขอแล้ว อาจไปกระทบกระเทือนสิทธิของจำเลยซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ฟ้องร้องกันนี้ก็ได้ ฉะนั้นศาลจึงพิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องกับกองมฤดกของผู้ตาย ในฐานะเป็นผู้รับมฤดก ส่วนคำขอท้ายฟ้องที่โจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากเรือนซึ่งเป็นกองมฤดกของผู้ตายก็เช่นเดียวกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดิน กรรมสิทธิ์ยังไม่โอนจนกว่าเงื่อนไขตามสัญญาจะบรรลุผล การครอบครองเป็นเพียงการใช้สิทธิชั่วคราว
สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความชัดอยู่แล้วว่า จำเลยจะไปทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่พิพาทให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อนางหนุ่ยตายแล้วเท่านั้น ตัวอักษรในสัญญาก็แสดงชัดอยู่ว่า คู่สัญญามีเจตนาให้เป็นแต่เพียงสัญญาจะซื้อขายในเวลาภายหน้า การที่จำเลยให้โจทก์เข้าครอบครองที่ดินนั้น เป็นการอนุญาตให้โจทก์เข้าใช้และรับประโยชน์ไปพลางก่อนเท่านั้นหาใช่เป็นการสละสิทธิในที่ดินนั้นอย่างใดไม่การเข้าครอบครองของโจทก์จึงเป็นการเข้าครอบครองโดยอาศัยอำนาจของจำเลยตามข้อตกลงในสัญญา ซึ่งผูกพันระหว่างโจทก์จำเลยเท่านั้น โจทก์จึงยังไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิใดในที่ดินนั้น อันจะโอนขายให้บุคคลที่สามต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: กรรมสิทธิยังอยู่เจ้าของเดิม จนกว่าจะมีการโอนตามเงื่อนไข
สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความชัดอยู่แล้วว่า จำเลยจะไปทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ที่พิพาทให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อนางหนุ่ยตายแล้วเท่านั้น ตัวอักษรในสัญญาก็แสดงชัดอยู่ว่า คู่สัญญามีเจตนาให้เป็นแต่เพียงสัญญาจะซื้อขายในเวลาภายหน้า การที่จำเลยให้โจทก์เข้าครอบครองที่ดินนั้น เป็นการอนุญาตให้โจทก์เข้าใช้และรับประโยชน์ไปพลางก่อนเท่านั้น หาใช่เป็นการสละสิทธิในที่ดินนั้นอย่างใดไม่ การเข้าครอบครองของโจทก์จึงเป็นการเข้าครอบครองโดยอาศัยอำนาจของจำเลยตามข้อตกลงในสัญญา ซึ่งผูกพันระหว่างโจทก์จำเลยเท่านั้น โจทก์จึงยังไม่มีกรรมสิทธิหรือสิทธิใดในที่ดินนั้น อันจะโอนขายให้บุคคลที่สามต่อไปได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประนีประนอมยอมความมีผลยุติกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินพิพาท แม้ไม่มีข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์โดยชัดแจ้ง
โจทก์เป็นบิดาจำเลย และจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์พิพาทอยู่ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเรียกทรัพย์สินพิพาทนี้คืนครั้งหนึ่งแล้วและต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอถอนคดีโดยแถลงว่า โจทก์ไม่ติดใจเอาความกับจำเลยต่อไป โดยได้ทำสัญญาตกลงระงับข้อพิพาทกับจำเลยฉบับหนึ่งมีข้อความกล่าวอ้างถึงคดีที่ฟ้องนั้น และมีข้อความกล่าวถึงหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องปฏิบัติต่อโจทก์ โดยไม่ปรากฏว่าทรัพย์สินที่พิพาท โจทก์จำเลยได้ตกลงให้กรรมสิทธิ์อยู่แก่ใคร เช่นนี้เมื่อทรัพย์พิพาทอยู่ในความปกครองของจำเลย และโจทก์ตกลงทำประนีประนอมกับจำเลยดังกล่าวก็ต้องตีความว่าโจทก์ได้ตกลงไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์ของจำเลยต่อไปแล้ว เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินและข้อสัญญาต่างๆ ที่จำเลยให้ไว้ โจทก์ก็ไม่มีสิทธินำคดีนี้มาฟ้องเรียกทรัพย์พิพาทจากจำเลยอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปราณีประนอมยอมความและผลกระทบต่อกรรมสิทธิ: การสละสิทธิเรียกร้องทรัพย์สินหลังถอนฟ้อง
โจทก์เป็นบิดาจำเลย และจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์พิพาทอยู่ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเรียกทรัพย์สินพิพาทนี้คืนครั้งหนึ่งแล้ว และต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอถอนคดีโดยแถลงว่า โจทก์ไม่ติดใจเอาความกับจำเลยต่อไป โดยได้ทำสัญญาตกลงระงับข้อพิพาทกับจำเลยฉะบับหนึ่ง มีข้อความกล่าวอ้างถึงคดีที่ฟ้องนั้น และมีข้อความกล่าวถึงหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องปฏิบัติต่อโจทก์ โดยไม่ปรากฎว่าทรัพย์สินที่พิพาท โจทก์จำเลยได้ตกลงให้กรรมสิทธิอยู่แก่ใคร เช่นนี้ เมื่อทรัพย์พิพาทอยู่ในความปกครองของจำเลย และโจทก์ตกลงทำปราณีประนอมกับจำเลยดังกล่าว ก็ต้องตีความว่าโจทก์ได้ตกลงไม่โต้แย้งกรรมสิทธิของจำเลยต่อไปแล้ว เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินและข้อสัญญาต่าง ๆ ที่จำเลยให้ไว้ โจทก์ก็ไม่มีสิทธินำคดีนี้มาฟ้องเรียกทรัพย์พิพาทจากจำเลยอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเงินกู้ต่างดอกเบี้ยกำหนดไถ่ถอน: การตีความเจตนาสละสิทธิ vs. กำหนดระยะเวลาชำระหนี้
ทำสัญญากู้เงินมอบที่นาให้ทำกินต่างดอกเบี้ย กำหนดไถ่ถอนภายใน 1 ปี เมื่อพ้นกำหนดแล้วไม่ไถ่ ดังนี้ ในข้อวินิจฉัยที่ว่าจะเป็นการแสดงเจตนาสละสิทธิครอบครองหรือเป็นเรื่องระยะเวลาชำระหนี้นั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวแก่การวินิจฉัยหรือตีความตามข้อตกลงแห่งสัญญาซึ่งศาลฎีกาเห็นว่าข้อตกลงเพียงเท่านี้ยังแปลไม่ได้ว่าเป็นการแสดงเจตนาสละสิทธิครอบครอง แปลได้เพียงว่า เป็นกำหนดระยะเวลาชำระหนี้หรือกำหนดเวลาการไถ่ถอน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาไถ่ถอนที่ดิน: การตีความเจตนาสละสิทธิ vs. กำหนดระยะเวลาชำระหนี้
ทำสัญญากู้เงินมอบที่นาให้ทำกินต่างดอกเบี้ย กำหนดไถ่ถอนภายใน 1 ปี เมื่อพ้นกำหนดแล้วไม่ไถ่ ดังนี้ ในข้อวินิจฉัยที่ว่า จะเป็นการแสดงเจตนาสละสิทธิครอบครองหรือเป็นเรื่องระยะเวลาชำระหนี้นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวแก่การวินิจฉัยหรือตีความตามข้อตกลงแห่งสัญญา ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่าข้อตกลงเพียงเท่านี้ยังแปลไม่ได้ว่าเป็นการแสดงเจตนาสละสิทธิครอบครอง แปลได้เพียงว่า เป็นกำหนดระยะเวลาชำระหนี้หรือกำหนดเวลาการไถ่ถอน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพราง: การเปลี่ยนแปลงเจตนาทำสัญญาซื้อขายเป็นจำนอง ย่อมไม่สามารถยกความตั้งใจเดิมมาลบล้างสัญญาใหม่ได้
เดิมโจทก์จำเลยตั้งใจกันทำสัญญาซื้อขายนาพิพาท แต่เมื่อไปถึงกำนันกำนันว่าทำให้ไม่ได้ ทำได้แต่สัญญาจำนำแล้วโจทก์จำเลยก็เปลี่ยนความตั้งใจทำสัญญาจำนำ ดังนี้จำเลยจะยกเอาความตั้งใจเดิมมาลบล้างสัญญาที่โจทก์จำเลยทำโดยความตกลงใหม่นี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาซื้อขายเดิมไม่ลบล้างสัญญาจำนำใหม่ที่ทำโดยความตกลง ย่อมไม่เป็นนิติกรรมอำพราง
เดิมโจทก์จำเลยตั้งใจกันทำสัญญาซื้อขายนาพิพาท แต่เมื่อไปถึงกำนัน ๆ ว่าทำให้ไม่ได้ ทำได้แต่สัญญาจำนา แล้วโจทก์จำเลยก็เปลี่ยนความตั้งใจทำสัญญาจำนำ ดังนี้ จำเลยจะยกเอาความตั้งใจเดิมมาลบล้างสัญญาที่โจทก์จำเลยทำโดยความตกลงใหม่นี้ ไม่ได้
of 56