คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 132

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 554 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทางจำเป็น vs. ภาระจำยอม: ศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริงและหนังสืออนุญาตของสามี แม้มีคำขอภาระจำยอมแต่ไม่ได้บรรยายเหตุ
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นหญิงมีสามี ไม่อาจดำเนินคดีฟ้องร้องโดยลำพังตนเองได้เท่านั้น จำเลยไม่ได้คัดค้านว่า ไม่ได้รับอนุญาตจากสามี หรือหนังสืออนุญาตใช้ไม่ได้ เพราะเหตุใด เมื่อศาลพอใจในความสามารถของโจทก์ตามหนังสืออนุญาตของสามีโจทก์ที่ติดมาท้ายฟ้องแล้วเป็นอันฟังได้ว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องคดี ไม่จำต้องนำสืบอีก
โจทก์บรรยายฟ้องเรื่องทางจำเป็นและมีคำขอเรื่องภารจำยอมอยู่ท้ายฟ้อง แต่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่าเป็นทางภารจำยอมเพราะเหตุใด ย่อมต้องถือว่าโจทก์ฟ้องคดีในเรื่องทางจำเป็นอย่างเดียว
แม้เจ้าของที่ดิน ซึ่งตกอยู่ในที่ล้อมจะมีทั้งสิทธิที่จะผ่านที่ดินของผู้อื่นและหน้าที่ชดใช้ค่าทดแทนให้แก่เขาก็ดี มาตรา 1349 ไม่ได้บังคับให้ปฏิบัติหน้าที่เสียก่อนแล้วจึงใช้สิทธิได้ ฉะนั้นเมื่อจำเลย ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิเรียกค่าทดแทนยังไม่เรียกร้องเอาค่าทดแทนขึ้นมาในคดีนี้ คดีก็ไม่มีประเด็นจะให้ศาลวินิจฉัยถึง (อ้างฎีกา 311/2489)
พิพาทกันเรื่องทางเดินวิวาทซึ่งรับกันว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม ที่ดินของจำเลยได้ล้อมอยู่ แม้โจทก์จะระบุเลขโฉนดผิด ก็ไม่เป็นการเสียหายแก่รูปคดีอย่างไร
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็น ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นทางภารจำยอมศาลอุทธรณ์ฟังว่าเป็นทางภารจำยอมและทางจำเป็นพิพากษาให้เปิดทางจำเป็นคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าช่วง, สิทธิผู้เช่า, การบอกเลิกสัญญาเช่า, และผลของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่าเจ้าของเดิมโอนที่ให้โจทก์เมื่อเดือนธันวาคม 2488และนับตั้งแต่ ธันวาคม 2488เป็นต้นมา โจทก์ได้ทราบภายหลังว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เช่าได้กระทำผิดกฎหมายการเช่าและผิดสัญญาการเช่าหลายประการดังนี้ ต้องแปลว่าโจทก์หาว่าจำเลยได้ทำผิดสัญญาตั้งแต่ ธันวาคม 2488 เป็นต้นมา
โจทก์ขอให้จำเลยออกจากห้องเช่า จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ใจความว่า ไม่สามารถจะปฏิบัติตามความประสงค์ของโจทก์ จำเลยจะอยู่ต่อไปจนสิ้นอายุสัญญาเช่า ดังนี้ ข้อความในหนังสือไม่ได้แสดงความยินยอมเลิกใช้ทรัพย์ตามความหมายในพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า
จำเลยเช่าตึกแถวแล้วนำรถยนต์และน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปเก็บไว้ในตึกแถวนั้น เมื่อสัญญาไม่ได้ระบุห้ามไว้จะถือว่าผิดสัญญาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดินทำได้โดยไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน แต่มีผลผูกพันตามกฎหมายหากมีข้อเท็จจริงสมฟ้อง
สัญญามีข้อความว่า "ข้าพเจ้านายเลื่อน จ้อยสกุล....ได้มีที่ดิน 1 แปลง...โฉนดที่ 4233.....ที่ดินรายนี้มีชื่อนายเลื่อนนายโก้ จ้อยสกุล จะขอมอบกรรมสิทธิที่ดินรายนี้ให้นางปิ่น จ้อยสกุล ซึ่งเป็นภรรยานายโก้ นายเลื่อน จ้อยสกุลได้เอาเงินของนางปิ่นไป 320 บาท ที่ดินรายนี้ให้นางปิ่นเก็บกินได้ตั้งแต่วันทำสัญญา..." นั้น เป็นสัญญาจะซื้อขายที่ดินแก่กัน เพียงแต่ทำหนังสือกันเอง ก็ใช้ได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดินทำเองได้ตามกฎหมาย หากมีข้อเท็จจริงสมฟ้อง ผู้ขายมีสิทธิบังคับให้ผู้ซื้อโอนกรรมสิทธิ์
สัญญามีข้อความว่า "ข้าพเจ้านายเลื่อน จ้อยสกุล....ได้มีที่ดิน 1 แปลง... โฉนดที่ 4233......ที่ดินรายนี้มีชื่อนายเลื่อนนายโก้จ้อยสกุลจะขอมอบกรรมสิทธิ์ที่ดินรายนี้ให้นางปิ่นจ้อยสกุลซึ่งเป็นภรรยานายโก้ และนายเลื่อน จ้อยสกุลได้เอาเงินของนางปิ่นไป320บาท ที่ดินรายนี้ให้นางปิ่นเก็บกินได้ตั้งแต่วันทำสัญญา..." นั้น เป็นสัญญาจะซื้อขายที่ดินแก่กัน เพียงแต่ทำหนังสือกันเอง ก็ใช้ได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยผิดสัญญาขนส่งสินค้าแม้ถูกปล้นกลางทาง เหตุละเลยไม่รีบขนส่งตามกำหนด สัญญาครอบคลุมค่าเสียหายทั้งสินค้าและค่าเสียหาย
จำเลยทำสัญญารับจ้างขนสินค้าโดยการล่องแพ เมื่อจำเลยละเลยไม่จัดการขนส่งให้ทันกำหนดเวลา จนพ้นกำหนดเวลาตามสัญญาแล้วจึงมาถูกปล้นกลางทาง ดังนี้ ถือว่าจำเลยผิดสัญญา จะยกเอาข้อถูกปล้นเป็นเหตุแก้ตัวไม่ได้
ในสัญญาขนส่งกระเทียมมีว่า จำเลยยอมใช้ค่าเสียหายเป็นเงินแสนละ 100 บาท ดังนี้ค่าเสียหายที่กำหนดไว้ในสัญญาย่อมรวมทั้งค่ากระเทียมด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: ศาลพิจารณาตามเจตนาในสัญญา ไม่ผูกพันข้อกล่าวอ้างเดิม
เมื่อโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยยอมเลิกคดีกันแล้วข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง หรือที่จำเลยกล่าวในคำให้การก็ดี จะถือเอามาเป็นความจริงอย่างไรในชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาท้ายยอมนั้นไม่ได้ ศาลได้แต่จะพิเคราะห์ดูถึงเจตนาอันแท้จริงของโจทก์จำเลยตามข้อความเท่าที่ปรากฏอยู่ในสัญญายอมนั้นเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 615/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้รับมอบอำนาจช่วง และข้อยกเว้น พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า กรณีให้เช่าเพื่อทำโรงเรือน
ในหนังสือมอบอำนาจข้อ 5 มีว่าให้นายบานเย็นมีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนผู้รับมอบอำนาจคนอื่นที่ได้แต่งตั้งไว้เพื่อการให้เช่าทรัพย์สินของตัวการ และข้อ 6 มีว่าให้นายบานเย็นมีอำนาจอีกหลายประการ เช่นประนีประนอมยอมความและยื่นฟ้องต่อศาลด้วย ดังนี้ เมื่ออ่านรวมกันทั้งหมดต้องแปลว่าผู้มอบอำนาจประสงค์ให้นายบานเย็นมีอำนาจตั้งตัวแทนช่วงเพื่อฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้
การเช่าที่ดินมาโดยประสงค์จะปลูกสร้างโรงเรือนให้คนอื่นเช่า มิใช่เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับตนเอง ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า พ.ศ.2489

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงื่อนไขสัญญาซื้อขายที่ดิน: การบอกเลิกสัญญาเมื่อผู้ขายแพ้คดีขับไล่ผู้เช่า
สัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีข้อหนึ่งว่า'ผู้ซื้อกับผู้ขายตกลงจะโอนซื้อขายกันเด็ดขาด ณ หอทะเบียนที่ดิน ในเมื่อผู้ขายได้ฟ้องขับไล่นางเลื่อนผู้เช่าจนคดีถึงที่สุด' ดังนี้ โจทก์ก็ย่อมสืบอธิบายสัญญาได้ว่าที่มีข้อความเช่นนี้ ก็เพราะผู้ซื้อประสงค์จะเข้าอยู่เองฉะนั้นถ้าผู้ขายฟ้องขับไล่ผู้เช่าคดีถึงที่สุดแล้ว แต่ผู้ขายเป็นฝ่ายแพ้คดีผู้เช่าก็คงยังได้อยู่ในที่ดินบ้านเรือนนี้ได้ต่อไป ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและขอรับเงินมัดจำในการซื้อขายคืนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญา: เจตนาที่แท้จริง vs. ถ้อยคำตามตัวอักษร และขอบเขตการสืบพยาน
ป.ม.แพ่งฯ มาตรา132 ที่ว่าในการตีความแสดงเจตนานั้นให้เพ่งเล็งถึง เจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนตามตัวอักษรนั้น หมายความว่า ถ้าข้อความในเอกสารมีทางแปลไปได้แล้ว ก็พึงแปลให้เข้ากับเจตนาในที่นี้ ก็คือเจตนาอันเห็นได้จากหนังสือนั้นเอง มิได้หมายความว่าคู่สัญญาจะทำสัญญาไว้อย่างไรก็ช่าง แต่ย่อมสืบเจตนาได้เสมอการสืบเจตนานอกไปจากที่จะคำนวณได้จากตัวหนังสือนี้ มีห้ามไว้ในประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญา: เพ่งเล็งเจตนาอันแท้จริงเหนือถ้อยคำตามตัวอักษร และขอบเขตการสืบพยาน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 132 ที่ว่าในการตีความแสดงเจตนานั้นท่านให้เพ่งเล็งถึง เจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนตามตัวอักษรนั้น หมายความว่า ถ้าข้อความในเอกสารมีทางแปลไปได้แล้วก็พึงแปลให้เข้ากับเจตนาอันแท้จริงของคู่สัญญา และเจตนาในที่นี้ ก็คือเจตนาอันเห็นได้จากหนังสือนั้นเอง มิได้หมายความว่าคู่สัญญาจะทำสัญญาไว้อย่างไรก็ช่าง แต่ย่อมสืบเจตนาได้เสมอการสืบเจตนานอกไปจากที่จะคำนวณได้จากตัวหนังสือนี้ มีห้ามไว้ในประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
of 56