คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 326

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 461 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3957/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกจ้างในการประเมินผลงาน ไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท
จำเลยกล่าวต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ว่าก่อนมีการประชุมคณะกรรมการพนักงานของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นนายจ้างของโจทก์จำเลยโจทก์เข้าไปพบจำเลยซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโจทก์ในขณะนั้นโจทก์ได้ต่อว่าจำเลยเรื่องการประเมินผลงานเพื่อเลื่อนขั้นเงินเดือนมีการโต้เถียงกันและโจทก์แสดงกิริยาไม่เหมาะสมโดยยืนเท้าโต๊ะทำกิริยาเหมือนขู่ตะคอกและเหมือนกับจะทำร้ายจำเลยนั้นแม้จะรับฟังว่าจำเลยกล่าวข้อความต่อคณะกรรมการดังกล่าวก็ตามก็เป็นแต่เพียงทำให้เห็นว่าโจทก์บันดาลโทสะที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากจำเลยในการพิจารณาเสนอเลื่อนขั้นเงินเดือนโจทก์จึงเข้าไปต่อว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาแสดงว่าโจทก์เพียงโกรธจำเลยที่ไม่ให้ความเป็นธรรมและแสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อจำเลยไปบ้างซึ่งบุคคลทั่วไปอาจเป็นเช่นโจทก์ได้ในภาวะเช่นนั้นหาจำเป็นต้องเป็นคนเลวร้ายแต่อย่างใดไม่ข้อความดังกล่าวย่อมถือไม่ได้ว่าทำให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3324/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ไม่ถือเป็นหมิ่นประมาท แต่เป็นดูหมิ่นซึ่งหน้า
คำพูดของจำเลยที่ด่าว่าผู้เสียหายต่อเด็กหญิงก. ว่า"ให้ไอ้อุ่มเอาควยตำหีตำแตด ครั้งก่อนเคยให้ไอ้อุ่มเอาควยตำหีตำปากไปทีหนึ่งแล้ว"และที่จำเลยพูดกับส. ว่า"เมื่อเช้าอีรุณ (หมายถึงผู้เสียหาย)มาแหกปากร้านลัดดากูเลยให้ลูกชายเอาควยทิ่มหีทิ่มปากกลับไป"มิใช่คำยืนยันใส่ความผู้เสียหายว่าเคยร่วมประเวณีกับนายอุ่ม นายอุ่มที่กล่าวถึงก็เป็นบุตรของจำเลยและยังเป็นเด็กไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นชู้กับผู้เสียหายไม่ทำให้บุคคลที่สามเข้าใจไปว่าผู้เสียหายมีความประพฤติไม่ดีเคยร่วมประเวณีกับนายอุ่ม ไม่หมิ่นประมาทตามป.อ.มาตรา326แต่เป็นคำด่าผู้เสียหายด้วยคำหยาบในที่ลับหลังผู้เสียหายซึ่งเป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าตามมาตรา393 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามป.อ.มาตรา326ลงโทษสองกระทงเป็นจำคุก2เดือนปรับ2,000บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้2ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามป.อ.มาตรา393กระทงเดียวลงโทษปรับ1,000บาทเป็นคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทแม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้แต่ก็ยังคงลงโทษจำคุกหรือปรับจำเลยไม่เกินกำหนดดังกล่าวจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามป.วิ.อ.มาตรา219.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2972-2973/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดร่วมกันในการหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: โจทก์ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง จำเลยที่ 2 และที่ 3 โดยวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้กระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 4 จึงลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ได้ โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการหนังสือพิมพ์ อ. โดยจำเลยที่ 3 เป็นที่ปรึกษา จึงเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่า จำเลยที่ 2 มีหน้าที่เป็นผู้จัดการเกี่ยวกับการจัดพิมพ์และจำหน่ายเพื่อโฆษณาเผยแพร่หนังสือพิมพ์นั้น ซึ่งต้องได้อ่านข้อความในหนังสือพิมพ์ด้วย หากไม่เหมาะสมจำเลยที่ 2 ก็ไม่ต้องเผยแพร่ สำหรับจำเลยที่ 3 เป็นที่ปรึกษาย่อมมีหน้าที่กลั่นกรองข้อความที่ออกพิมพ์โฆษณา ให้ข้อเสนอและข้อคิดเห็น จึงเป็นที่แน่นอนว่าจำเลยที่ 3 ต้องได้อ่านและรู้ข้อความก่อนพิมพ์ออกจำหน่าย โจทก์ไม่ต้องนำสืบก็รับฟังได้ หากจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ร่วมมือกับจำเลยที่ 1 และที่ 4 แล้ว ข้อความในหนังสือพิมพ์ดังกล่าวก็ไม่มีทางโฆษณาแพร่หลาย จึงเป็นผู้กระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 4 โดยแบ่งหน้าที่กันทำ เช่นนี้ เป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้ศาลฎีการับฟังข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นไปตามความประสงค์ของโจทก์เท่านั้น จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2972-2973/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดร่วมกันในการพิมพ์และเผยแพร่ข้อความหมิ่นประมาท การพิสูจน์เจตนาและบทบาทของผู้เกี่ยวข้อง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่2และที่3โดยวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าจำเลยที่2และที่3ได้กระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่1และที่4จึงลงโทษจำเลยที่2และที่3ไม่ได้โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา220ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่2เป็นผู้จัดการหนังสือพิมพ์อ.โดยจำเลยที่ 3เป็นที่ปรึกษาจึงเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่าจำเลยที่2มีหน้าที่เป็นผู้จัดการเกี่ยวกับการจัดพิมพ์และจำหน่ายเพื่อโฆษณาเผยแพร่หนังสือพิมพ์นั้นซึ่งต้องได้อ่านข้อความในหนังสือพิมพ์ด้วยหากไม่เหมาะสมจำเลยที่2ก็ไม่ต้องเผยแพร่สำหรับจำเลยที่3เป็นที่ปรึกษาย่อมมีหน้าที่กลั่นกรองข้อความที่ออกพิมพ์โฆษณาให้ข้อเสนอและข้อคิดเห็นจึงเป็นที่แน่นอนว่าจำเลยที่3ต้องได้อ่านและรู้ข้อความก่อนพิมพ์ออกจำหน่ายโจทก์ไม่ต้องนำสืบก็รับฟังได้หากจำเลยที่2และที่3ไม่ร่วมมือกับจำเลยที่1และที่4แล้วข้อความในหนังสือพิมพ์ดังกล่าวก็ไม่มีทางโฆษณาแพร่หลายจึงเป็นผู้กระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่1และที่4โดยแบ่งหน้าที่กันทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้ศาลฎีการับฟังข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นไปตามความประสงค์ของโจทก์เท่านั้นจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2972-2973/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดร่วมกันในการหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันการกระทำผิดของจำเลยที่ 2 และ 3
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง จำเลยที่ 2และที่ 3 โดยวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้กระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 4 จึงลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ได้ โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการหนังสือพิมพ์ อ.โดยจำเลยที่ 3 เป็นที่ปรึกษา จึงเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่า จำเลยที่ 2 มีหน้าที่เป็นผู้จัดการเกี่ยวกับการจัดพิมพ์และจำหน่ายเพื่อโฆษณาเผยแพร่หนังสือพิมพ์นั้น ซึ่งต้องได้อ่านข้อความในหนังสือพิมพ์ด้วย หากไม่เหมาะสมจำเลยที่ 2 ก็ไม่ต้องเผยแพร่ สำหรับจำเลยที่ 3 เป็นที่ปรึกษาย่อมมีหน้าที่กลั่นกรองข้อความที่ออกพิมพ์โฆษณา ให้ข้อเสนอและข้อคิดเห็น จึงเป็นที่แน่นอนว่าจำเลยที่ 3 ต้องได้อ่านและรู้ข้อความก่อนพิมพ์ออกจำหน่ายโจทก์ไม่ต้องนำสืบก็รับฟังได้ หากจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ร่วมมือกับจำเลยที่ 1 และที่ 4 แล้ว ข้อความในหนังสือพิมพ์ดังกล่าวก็ไม่มีทางโฆษณาแพร่หลาย จึงเป็นผู้กระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 4 โดยแบ่งหน้าที่กันทำ เช่นนี้ เป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้ศาลฎีการับฟังข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นไปตามความประสงค์ของโจทก์เท่านั้น จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2635/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ผู้อื่นโทรศัพท์ไม่ได้ทำให้ผู้ถูกหมิ่นประมาทมีส่วนก่อให้เกิดการกระทำผิด
การที่โจทก์ร่วมใช้ให้ น. พูดโทรศัพท์กับจำเลย แล้วจำเลยกล่าวถ้วยคำอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมทางโทรศัพท์ขึ้นเองนั้นถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมมีส่วนก่อให้เกิดการกระทำด้วย โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2635/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ผู้อื่นโทรศัพท์ ไม่ถือเป็นส่วนก่อให้เกิดความผิดหมิ่นประมาท โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหาย
โจทก์ร่วมใช้ให้น. พูดโทรศัพท์กับจำเลยแล้วจำเลยกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมทางโทรศัพท์การกระทำของโจทก์ร่วมไม่ถือว่ามีส่วนก่อให้เกิดการกระทำผิดของจำเลยดังนี้โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายตามป.วิ.อ.มาตรา2(4).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2635/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ให้ผู้อื่นโทรศัพท์ ไม่ถือเป็นส่วนร่วมในการหมิ่นประมาท
การที่โจทก์ร่วมใช้ให้น.พูดโทรศัพท์กับจำเลยแล้วจำเลยกล่าวถ้วยคำอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมทางโทรศัพท์ขึ้นเองนั้นถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมมีส่วนก่อให้เกิดการกระทำด้วยโจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1293/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหมิ่นประมาทและการแจ้งความเท็จ: การบรรยายฟ้องที่เพียงพอและการพิจารณาความผิดฐานอาญา
ฟ้องความผิดฐานหมิ่นประมาทที่ได้กระทำด้วยหนังสือนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) บัญญัติไว้ 2 ประการ คือ ให้กล่าวไว้โดยบริบูรณ์หรือติดมาท้ายฟ้อง เมื่อฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถ้อยคำอันเป็นข้อสำคัญที่ทำให้เห็นว่าเป็นการหมิ่นประมาทแล้ว แม้โจทก์จะไม่สามารถส่งเอกสารที่อ้างว่าเป็นการใส่ความโจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ฟ้องโจทก์ก็ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนความผิดฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงาน โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องไว้ครบถ้วนแล้วเช่นกัน เมื่อการกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง มิใช่เป็นการรายงานต่อผู้บังคับบัญชาตามสายงานจำเลยก็อาจมีความผิดฐานหมิ่นประมาทและฐานแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานตามที่โจทก์ฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1199/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกาศผลการแข่งขันและการแจ้งเหตุผลที่ไม่รับนกเข้าแข่งขัน ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
ข้อความบางตอนในประกาศผลการแข่งขันนกพิราบสื่อสารกล่าวถึงมติของคณะกรรมการจัดการแข่งขันว่านกของโจทก์ไม่มีตราประทับที่ปีกจึงไม่พิจารณาตัดสินเพราะผิดกติกาและเนื่องจากหาบุคคลที่เหมาะสมเฝ้ากรงของโจทก์ไม่ได้จึงไม่รับนกของโจทก์เข้าแข่งขันในครั้งต่อไปเป็นเรื่องของการแถลงข้อเท็จจริงและแจ้งเหตุผลในเรื่องที่ไม่ตัดสินนกของโจทก์และไม่รับนกของโจทก์เข้าแข่งขั้นในครั้งต่อไปเท่านั้นไม่มีความตอนใดที่จะเห็นได้ว่าเป็นการกล่าวถึงตัวโจทก์ในลักษณะเป็นการใส่ความอันจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท.
of 47