พบผลลัพธ์ทั้งหมด 461 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1399/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทต้องใส่ความยืนยันข้อเท็จจริง ไม่ใช่แค่ความเห็นหรือคาดคะเน
ที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา326 นั้น จะต้องเป็นการใส่ความผู้อื่นโดยยืนยันข้อเท็จจริงที่ใส่ความนั้นต่อบุคคลที่สาม มิใช่เพียงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือคาดคะเน และการใส่ความดังกล่าวนั้นน่าจะทำให้ผู้อื่นที่ถูกใส่ความเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังด้วย
จำเลยกล่าวต่อน้องชายของผู้เสียหายและบุคคลอื่นว่า "พี่สาวเองมีผัวหรือยังควยกูนี่ใหญ่นะพี่สาวมึงคงชอบขอเย็ดสักทีสองทีได้ไหม" คำกล่าวที่ว่า "ควยกูนี่ใหญ่นะพี่สาวมึงคงชอบ" เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นหรือคาดคะเนของจำเลยเท่านั้น มิได้ยืนยันข้อเท็จจริงอันน่าจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังส่วนคำกล่าวที่ว่า"ขอเย็ดสักทีสองทีได้ไหม" ก็มิใช่ถ้อยคำที่น่าจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังแต่อย่างใด จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326
จำเลยกล่าวต่อน้องชายของผู้เสียหายและบุคคลอื่นว่า "พี่สาวเองมีผัวหรือยังควยกูนี่ใหญ่นะพี่สาวมึงคงชอบขอเย็ดสักทีสองทีได้ไหม" คำกล่าวที่ว่า "ควยกูนี่ใหญ่นะพี่สาวมึงคงชอบ" เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นหรือคาดคะเนของจำเลยเท่านั้น มิได้ยืนยันข้อเท็จจริงอันน่าจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังส่วนคำกล่าวที่ว่า"ขอเย็ดสักทีสองทีได้ไหม" ก็มิใช่ถ้อยคำที่น่าจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังแต่อย่างใด จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทจากการกล่าวหาความไม่ดีของบุคคล แม้เกิดจากความหึงหวง
กล่าวว่าหญิงเป็นคนสำเพ็งคนไม่ดี 5 ผัว 6 ผัว แม้กล่าวด้วยความหึงหวงสามีมิให้คบกับหญิงนั้นก็เป็นหมิ่นประมาท ตามมาตรา 326
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2783/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหมิ่นประมาทต้องระบุรายละเอียดการใส่ความและข้อเท็จจริงที่ถูกกล่าวอ้างอย่างชัดเจน
บรรยายฟ้องคดีหมิ่นประมาทว่าจำเลยร่วมกันเป็นตัวการก่อให้ผู้อื่นกระทำผิด โดยออกแถลงการณ์เป็นใบปลิวว่าผู้อำนวยการองค์การแก้วทุจริต แล้วอ่านใบปลิวนั้นด้วยเครื่องกระจายเสียงใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามว่าโจทก์ร่วมทุจริตกับผู้อำนวยการ แต่ถ้อยคำที่จำเลยพูดมีว่าอย่างไรใบปลิวที่โจทก์เท้าความถึงมีข้อความว่าอย่างไร โจทก์ได้ร่วมทุจริตอย่างไร มิได้บรรยายมาในฟ้องหรือแนบมาท้ายฟ้องคงกล่าวโดยสรุปว่าโจทก์ร่วมทุจริตกับผู้อำนวยการเท่านั้นคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2783/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหมิ่นประมาทต้องระบุรายละเอียดข้อความใส่ร้ายและความเสียหายที่ชัดเจน
บรรยายฟ้องคดีหมิ่นประมาทว่าจำเลยร่วมกันเป็นตัวการก่อให้ผู้อื่นกระทำผิด โดยออกแถลงการณ์เป็นใบปลิวว่าผู้อำนวยการองค์การแก้วทุจริต แล้วอ่านใบปลิวนั้นด้วยเครื่องกระจายเสียงใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามว่าโจทก์ร่วมทุจริตกับผู้อำนวยการ แต่ถ้อยคำที่จำเลยพูดมีว่าอย่างไรใบปลิวที่โจทก์เท้าความถึงมีข้อความว่าอย่างไร โจทก์ได้ร่วมทุจริตอย่างไร มิได้บรรยายมาในฟ้องหรือแนบมาท้ายฟ้องคงกล่าวโดยสรุปว่าโจทก์ร่วมทุจริตกับผู้อำนวยการเท่านั้นคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2021/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใส่ความทำให้เสียชื่อเสียง แม้ไม่มีมูลความจริง แต่มีเจตนาประจาน ย่อมเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
จำเลยพูดกับบุคคลที่สามกล่าวหาว่าโจทก์ร่วมกับพวกลักเป็ดของจำเลยไปแกงกิน โดยจำเลยไม่มีพยานหลักฐานใดที่จะดำเนินคดีเอาความต่อโจทก์ร่วมกับพวกได้ คำพูดของจำเลยจึงไม่มีมูลความจริง แต่จำเลยกล่าวยืนยันประจานให้บุคคลอื่นหลงเชื่อเป็นความจริงว่าโจทก์ร่วมกับพวกลักเป็ดของจำเลยย่อมเป็นการใส่ความทำให้โจทก์ร่วมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง รังเกียจต่อความประพฤติอันเสื่อมเสียของโจทก์ร่วมได้ จึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2021/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใส่ความทำให้เสียชื่อเสียง แม้ไม่มีหลักฐาน แต่มีเจตนาประจานให้ผู้อื่นเชื่อถือเป็นความจริง มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
จำเลยพูดกับบุคคลที่สามกล่าวหาว่าโจทก์ร่วม กับพวกลักเป็ดของจำเลยไปแกงกิน.โดยจำเลยไม่มีพยานหลักฐานใดที่จะดำเนินคดีเอาความต่อโจทก์ร่วมกับพวกได้ คำพูดของจำเลยจึงไม่มีมูลความจริง แต่จำเลยกล่าวยืนยันประจานให้บุคคลอื่นหลงเชื่อเป็นความจริงว่าโจทก์ร่วมกับพวกลักเป็ดของจำเลยย่อมเป็นการใส่ความทำให้โจทก์ร่วมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง รังเกียจต่อความประพฤติอันเสื่อมเสียของโจทก์ร่วมได้ จึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1972/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเผยแพร่ข้อความต่อสาธารณชนโดยสุจริตเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตนเองและสหกรณ์ ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
โจทก์เป็นสมาชิกสหกรณ์และเป็นประธานกรรมการจัดซื้อที่ดินเพื่อสหกรณ์ โดยมีสมาชิกเป็นกรรมการอีก 11 คน จำเลยที่ 1 เป็นสมาชิกสหกรณ์ และเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ จำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ จำเลยทั้งสองได้แจ้งข่าวและพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ว่า "ได้มีเจ้าของที่ดินแปลงใกล้เคียงเสนอขายสหกรณ์ในราคาถูกกว่านี้ แต่กรรมการไม่ยอมรับซื้อกลับไปซื้อที่ดินราคา 7 หมื่นบาท ซึ่งแพงกว่าแปลงอื่นๆ มาก การซื้อขายที่ดินแปลงนี้ เจ้าของที่ดินได้รับเงินจริงๆ ไปเพียง 4 หมื่นบาทเท่านั้น ส่วนอีก 3 หมื่นไม่รู้ว่าตกอยู่ในมือใคร ขณะนี้สมาชิกกำลังแยกย้ายกันหาหลักฐานการทุจริตครั้งนี้ เพื่อเตรียมดำเนินการตามกฎหมายต่อไป" ดังนี้เป็นข้อความที่ทำให้เข้าใจได้ว่า กรรมการผู้จัดซื้อที่ดินให้สหกรณ์ทุกคนหรือคนใดคนหนึ่งรวมทั้งโจทก์ด้วย ซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นผู้ใด ทุจริตในการซื้อขายที่ดินนั้น แต่จำเลยทั้งสองให้ข่าวและพิมพ์โฆษณาข้อความดังกล่าวเพราะมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าโจทก์ซื้อที่ดินแพงกว่าปกติ ส่อไปในทางทุจริต.ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) และไม่เป็นการละเมิด ที่โจทก์จะขอให้ศาลบังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ได้ โดยเฉพาะจำเลยที่ 1 ในฐานะที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ซึ่งจะต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นเนื่องจากการซื้อที่ดินแพงกว่าปกติ ย่อมถือได้ว่าเป็นการป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมอีกด้วย
ในคดีอาญา จำเลยมีอำนาจนำพยานเข้าสืบพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลย โดยไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ในข้อเท็จจริง ที่จำเลยจะนำสืบพยานต่อไปได้ (อ้างฎีกาที่ 2823,2824/2516)
ในคดีอาญา จำเลยมีอำนาจนำพยานเข้าสืบพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลย โดยไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ในข้อเท็จจริง ที่จำเลยจะนำสืบพยานต่อไปได้ (อ้างฎีกาที่ 2823,2824/2516)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1972/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข่าวข้อเท็จจริงที่สืบได้โดยสุจริตเพื่อป้องกันผลประโยชน์ของสมาชิกสหกรณ์ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
โจทก์เป็นสมาชิกสหกรณ์และเป็นประธานกรรมการจัดซื้อที่ดินเพื่อสหกรณ์โดยมีสมาชิกเป็นกรรมการอีก 11 คน จำเลยที่ 1เป็นสมาชิกสหกรณ์ และเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์จำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ จำเลยทั้งสองได้แจ้งข่าวและพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ว่า "ได้มีเจ้าของที่ดินแปลงใกล้เคียงเสนอขายสหกรณ์ในราคาถูกกว่านี้ แต่กรรมการไม่ยอมรับซื้อกลับไปซื้อที่ดินราคา 7 หมื่นบาท ซึ่งแพงกว่าแปลงอื่น ๆ มากการซื้อขายที่ดินแปลงนี้ เจ้าของที่ดินได้รับเงินจริง ๆ ไปเพียง 4 หมื่นบาทเท่านั้น ส่วนอีก 3 หมื่นไม่รู้ว่าตกอยู่ในมือใครขณะนี้สมาชิกกำลังแยกย้ายกันหาหลักฐานการทุจริตครั้งนี้เพื่อเตรียมดำเนินการตามกฎหมายต่อไป" ดังนี้เป็นข้อความที่ทำให้เข้าใจได้ว่า กรรมการผู้จัดซื้อที่ดินให้สหกรณ์ทุกคนหรือคนใดคนหนึ่งรวมทั้งโจทก์ด้วย ซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นผู้ใด ทุจริตในการซื้อขายที่ดินนั้น แต่จำเลยทั้งสองให้ข่าวและพิมพ์โฆษณาข้อความดังกล่าวเพราะมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าโจทก์ซื้อที่ดินแพงกว่าปกติส่อไปในทางทุจริตถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) และไม่เป็นการละเมิด ที่โจทก์จะขอให้ศาลบังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ได้ โดยเฉพาะจำเลยที่ 1 ในฐานะที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ซึ่งจะต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นเนื่องจากการซื้อที่ดินแพงกว่าปกติ ย่อมถือได้ว่าเป็นการป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมอีกด้วย
ในคดีอาญา จำเลยมีอำนาจนำพยานเข้าสืบพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลย โดยไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ในข้อเท็จจริง ที่จำเลยจะนำสืบพยานต่อไปได้ (อ้างฎีกาที่ 2823,2824/2516)
ในคดีอาญา จำเลยมีอำนาจนำพยานเข้าสืบพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลย โดยไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ในข้อเท็จจริง ที่จำเลยจะนำสืบพยานต่อไปได้ (อ้างฎีกาที่ 2823,2824/2516)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีหมิ่นประมาท: สิทธิจำเลยในการสืบพยานโต้แย้ง แม้จำเลยรับข้อเท็จจริงบางส่วน ศาลต้องให้โอกาสจำเลยสืบพยาน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งเทศมนตรี จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ตอบกระทู้ของสมาชิกสภาจังหวัดโดยทำเป็นบันทึกอัดโรเนียวแจกสมาชิกสภาจังหวัดใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง โดยเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 326, 328. จำเลยให้การปฏิเสธและว่าการกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามกฎหมายโจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลย และจำเลยก็มีสิทธินำสืบเพื่อแสดงว่าจำเลยมิได้กระทำผิด แม้จำเลยจะได้แถลงรับรองความถูกต้องของสำเนาบันทึกท้ายฟ้องว่าเป็นเอกสารที่จำเลยได้พิมพ์แจก และแถลงว่าข้อความในบันทึกนั้น จำเลยได้กล่าวถึงโจทก์ในขณะปฏิบัติการในฐานะเทศมนตรี ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยรับสารภาพ แม้ศาลเห็นว่าไม่จำเป็นต้องสืบพยานโจทก์ก็ยังต้องให้โอกาสจำเลยนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ก่อนจึงจะชอบที่ศาลสั่งงดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษา ไม่ได้ให้จำเลยนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยนั้น ไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน: จำเลยมีสิทธิสืบพยานหักล้างข้อกล่าวหา แม้จำเลยรับข้อเท็จจริงบางส่วน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งเทศมนตรี จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ตอบกระทู้ของสมาชิกสภาจังหวัดโดยทำเป็นบันทึกอัดโรเนียวแจกสมาชิกสภาจังหวัดใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง โดยเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136,326,328. จำเลยให้การปฏิเสธและว่าการกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลย และจำเลยก็มีสิทธินำสืบเพื่อแสดงว่าจำเลยมิได้กระทำผิด แม้จำเลยจะได้แถลงรับรองความถูกต้องของสำเนาบันทึกท้ายฟ้องว่าเป็นเอกสารที่จำเลยได้พิมพ์แจก และแถลงว่าข้อความในบันทึกนั้น จำเลยได้กล่าวถึงโจทก์ในขณะปฏิบัติการในฐานะเทศมนตรี ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยรับสารภาพ แม้ศาลเห็นว่าไม่จำเป็นต้องสืบพยานโจทก์ก็ยังต้องให้โอกาสจำเลยนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ก่อนจึงจะชอบ ที่ศาลสั่งงดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษา ไม่ได้ให้จำเลยนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยนั้น ไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา