พบผลลัพธ์ทั้งหมด 461 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวิพากษ์วิจารณ์ผู้อำนวยการโรงพยาบาล: การแสดงความคิดเห็นด้วยความน้อยใจและโกรธ ไม่ถึงขั้นดูหมิ่น
จำเลยกล่าวถ้อยคำว่า "ผู้อำนวยการคนนี้ใครว่าดี เดี๋ยวนี้ดีแตกเสียแล้ว ไปติดต่อเรื่องคนไข้ก็มาไล่ โรงพยาบาลเป็นของรัฐบาล ไม่ใช่ของผู้อำนวยการ ตึกบุญเลี่ยมเป็นของชาวเมืองเพชรสร้าง บ้านที่ผู้อำนวยการอยู่ก็ต้องอาศัยเขาอยู่ เป็นหมอควรจะใจเย็น แต่นี่ใจร้อนยังกับไฟ ใช้ไม่ได้ ถึงเจ็บก็ไม่มารักษาที่นี่ จะเอาเรื่องทุกอย่างไปลงสาส์นเพชร" จำเลยกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นด้วยความน้อยใจและมีอารมณ์โกรธเนื่องจากถูกนายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูดเป็นทำนองไล่ อันเป็นการไม่สมควร เพราะเป็นการขาดคารวะแต่ก็ยังไม่ถึงกับเป็นการดูหมิ่นหรือใส่ความ ตามมาตรา 136 และ 326 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวิพากษ์วิจารณ์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลด้วยถ้อยคำที่ไม่สมควร ไม่ถึงขั้นดูหมิ่นใส่ความ
จำเลยกล่าวถ้อยคำว่า 'ผู้อำนวยการคนนี้ใครว่าดีเดี๋ยวนี้ดีแตกเสียแล้ว ไปติดต่อเรื่องคนไข้ก็มาไล่โรงพยาบาลเป็นของรัฐบาล ไม่ใช่ของผู้อำนวยการตึกบุญเอี่ยมเป็นของชาวเมืองเพชรสร้าง บ้านที่ผู้อำนวยการอยู่ก็ต้องอาศัยเขาอยู่ เป็นหมอควรจะใจเย็นแต่นี่ใจร้อนยังกับไฟ ใช้ไม่ได้ ถึงเจ็บก็ไม่มารักษาที่นี่ จะเอาเรื่องทุกอย่างไปลงสาสน์เพชร'จำเลยกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นด้วยความน้อยใจและมีอารมณ์โกรธเนื่องจาก ถูกนายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูดเป็นทำนองไล่อันเป็นการไม่สมควร เพราะเป็นการขาดคารวะ แต่ก็ยังไม่ถึงกับเป็นการดูหมิ่นหรือใส่ความ ตามมาตรา 136และ 326 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1201/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดข่มขู่เพื่อป้องกันการขัดขวางการจับกุม ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
จำเลยซึ่งเป็นตำรวจไปจับแผ่นกระดาษจดหมายเลขสลากกินรวบที่นางพีเป็นผู้ขาย ก่อนจับได้ก็มีการยื้อแย่งกันและจับได้บนบ้านของโจทก์ จำเลยพูดกับโจทก์ว่า เดี๋ยวจับเป็นอันธพาลทั้งพ่อทั้งลูก(โจทก์ที่ 2 เป็นบุตรสาวของโจทก์ที่ 1) ดังนี้ ไม่มีมูลเป็นความผิดฐานใส่ความหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 เพราะจำเลยมิได้กล่าวว่าโจทก์ทั้งสองเป็นบุคคลอันธพาล เป็นคำขู่เพื่อมิให้โจทก์ทั้งสองเข้าขัดขวางช่วยเหลือผู้กระทำผิดเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1201/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดข่มขู่เพื่อป้องกันการขัดขวางการจับกุม ไม่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท
จำเลยซึ่งเป็นตำรวจไปจับแผ่นกระดาษจดหมายสลากกินรวบที่นางพีเป็นผู้ขาย ก่อนจับได้ก็มีการยื้อแย่งกัน และจับได้บนบ้านของโจทก์ จำเลยพูดกับโจทก์ว่า "เดี๋ยวจับเป็นอันธพาลทั้งพ่อทั้งลูก" (โจทก์ที่ 2 เป็นบุตรสาวของโจทก์ที่ 1) ดังนี้ ไม่มีมูลเป็นความผิดฐานใส่ความหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 เพราะจำเลยมิได้กล่าวว่าโจทก์ทั้งสองเป็นบุคคลอันธพาล เป็นคำขู่เพื่อมิให้โจทก์ทั้งสองเข้าขัดขวางช่วยเหลือผู้กระทำผิดเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทและดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: การใส่ความต่อบุคคลที่ 3 และการดูหมิ่นผู้พิพากษา
หนังสือใส่ความผู้อื่นนั้น แม้จะส่งไปถึงนายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว ก็ถือว่าใส่ความต่อบุคคลที่ 3 ตามมาตรา 326 แห่ง ประมวลกฎหมายอาญา
เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา และได้ร่วมเป็นองค์คณะตัดสินคดีที่ทำให้จำเลยแพ้และจำเลยได้กล่าวข้อความซึ่งเป็นการดูหมิ่น โจทก์ในฐานะที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ย่อมเป็นความผิดต่อมาตรา 198ประมวลกฎหมายอาญา
เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา และได้ร่วมเป็นองค์คณะตัดสินคดีที่ทำให้จำเลยแพ้และจำเลยได้กล่าวข้อความซึ่งเป็นการดูหมิ่น โจทก์ในฐานะที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ย่อมเป็นความผิดต่อมาตรา 198ประมวลกฎหมายอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใส่ความหมิ่นประมาทและดูหมิ่นเจ้าพนักงานในหน้าที่ แม้ส่งถึงบุคคลที่สามก็มีความผิดตามกฎหมาย
หนังสือใส่ความผู้อื่นนั้นแม้จะส่งไปถึงนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวก็ถือว่าใส่ความต่อบุคคลที่ 3 ตามมาตรา 326 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาและได้ร่วมเป็นองค์คณะตัดสินคดีที่ทำให้จำเลยแพ้ และจำเลยได้กล่าวข้อความซึ่งเป็นการดูหมิ่นโจทก์ในฐานะที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาย่อมเป็นความผิดต่อมาตรา 198ประมวลกฎหมายอาญา
เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาและได้ร่วมเป็นองค์คณะตัดสินคดีที่ทำให้จำเลยแพ้ และจำเลยได้กล่าวข้อความซึ่งเป็นการดูหมิ่นโจทก์ในฐานะที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาย่อมเป็นความผิดต่อมาตรา 198ประมวลกฎหมายอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันผลประโยชน์สาธารณะ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท แม้เป็นการกล่าวหาการทุจริต
การฟ้องให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทจะต้องได้ความว่าจำเลยจงใจเจตนาใส่ความเพื่อให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
การที่โจทก์ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้าโดยวิธีที่ไม่งามนอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการ ส่อให้เห็นไปได้ว่าโจทก์ทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงชี้ว่าจำเลยเจตนาร้าย กลั่นแกล้งตรงข้ามกลับฟังได้ว่าจำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาลกรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329ย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
การที่โจทก์ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้าโดยวิธีที่ไม่งามนอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการ ส่อให้เห็นไปได้ว่าโจทก์ทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงชี้ว่าจำเลยเจตนาร้าย กลั่นแกล้งตรงข้ามกลับฟังได้ว่าจำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาลกรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329ย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นติชมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329
การฟ้องให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทจะต้องได้ความว่าจำเลยจงใจเจตนาใส่ความเพื่อให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
การที่โจทก์ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้า โดยวิธีที่ไม่งาม นอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการ ส่งให้เห็นไปได้ว่า โจทก์ทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงชี้ว่าจำเลยเจตนาร้าย กลั่นแกล้ง ตรงข้ามกลับฟังได้ว่า จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อป้องกันส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาล กรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
การที่โจทก์ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้า โดยวิธีที่ไม่งาม นอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการ ส่งให้เห็นไปได้ว่า โจทก์ทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงชี้ว่าจำเลยเจตนาร้าย กลั่นแกล้ง ตรงข้ามกลับฟังได้ว่า จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อป้องกันส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาล กรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทโดยเจตนาต่อชุมชน แม้กล่าวลอยๆ ก็อาจเป็นความเสียหายต่อโจทก์ได้ หากมีบริบทชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 โดยกล่าวในฟ้องว่า จำเลยได้โฆษณาด้วยเครื่องกระจายเสียงต่อชุมนุมชนซึ่งมาประชุมกันว่า ทนายความเมืองร้อยเอ็ดคบไม่ได้ เป็นนอกสองหัว เหยียบเรือสองแคม เป็นมวยล้ม ว่าความทีแรกดี ครั้นได้รับเงินแล้วก็ว่าเป็นอย่างอื่น และได้กล่าวในฟ้องด้วยว่าทนายความจังหวัดร้อยเอ็ดมีอยู่ในวันที่จำเลยกล่าวข้อความนี้เพียง 10 คนและในขณะที่จำเลยกล่าว จำเลยได้เห็นโจทก์ซึ่งเป็นทนายความคนหนึ่งประกอบอาชีพว่าความอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ดเข้าประชุมอยู่ด้วย กับยืนยันมาในฟ้องว่า การที่จำเลยกล่าวเช่นนั้นก็โดยมีเจตนาหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์และบรรดาผู้ประกอบอาชีพทนายความในจังหวัดร้อยเอ็ดทุกคนให้ได้รับความเสียหาย ดังนี้เป็นฟ้องที่ควรให้มีการไต่สวนมูลฟ้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทโดยการกล่าวถึงกลุ่มบุคคล ศาลต้องไต่สวนมูลฟ้องเพื่อพิสูจน์เจตนาและผู้เสียหาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 โดยกล่าวในฟ้องว่า จำเลยได้โฆษณาด้วยเครื่องกระจายเสียงต่อชุมนุมชนซึ่งมาประชุมกันว่า'ทนายความเมืองร้อยเอ็ดคบไม่ได้ เป็นนกสองหัวเหยียบเรือสองแคม เป็นมวยล้ม ว่าความทีแรกดี ครั้นได้รับเงินแล้วก็ว่าเป็นอย่างอื่น' และได้กล่าวในฟ้องด้วยว่าทนายความจังหวัดร้อยเอ็ดมีอยู่ในวันที่จำเลยกล่าวข้อความนี้เพียง 10 คนและในขณะที่จำเลยกล่าว จำเลยได้เห็นโจทก์ซึ่งเป็นทนายความคนหนึ่งประกอบอาชีพว่าความอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ดเข้าประชุมอยู่ด้วยกับยืนยันมาในฟ้องว่าการที่จำเลยกล่าวเช่นนั้นก็โดยมีเจตนาหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์และบรรดาผู้ประกอบอาชีพทนายความในจังหวัดร้อยเอ็ดทุกคนให้ได้รับความเสียหายดังนี้ เป็นฟ้องที่ควรให้มีการไต่สวนมูลฟ้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป (ประชุมใหญ่ ครั้งที่10/2505)