คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 254

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 223 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวและการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาเหตุแห่งการกระทำและความเหมาะสมของโทษ
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยที่ 1 มีมีดซุยฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ 2, 3, 4 อีกฝ่ายหนึ่ง ต่างสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 1 ใช้มีดซุยแทง จำเลยที่ 2,3,4 ใช้ขวานและไม้ตะบองตีจำเลยที่ 1 ถึงบาดเจ็บ จำเลยที่ 3 มีแผลถูกแทงที่หน้าอก 1 แห่ง บาดเจ็บสาหัส ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ พอเข้าใจได้ว่าจำเลยที่ 1 ใช้มีดซุยแทงถูกจำเลยที่ 3 ที่หน้าอก 1 แห่ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีฆ่าคนตายโดยไม่มีศพชันสูตร: การใช้ข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาเดิม
เมื่อไม่ได้มีการชันสูตรพลิกศพผู้ตาย เพราะบิดาผู้ตายได้จัดการเผาศพไปก่อนแล้ว โจทก์ก็ย่อมฟ้องจำเลยในความผิดฐานฆ่าคนตายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382-384/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการใช้ปืนลูกซอง: ปืนที่ไม่สามารถทำให้ถึงแก่ชีวิตไม่ได้เป็นเครื่องสังหาร
อาวุธปืนที่จะต้องถือว่าเป็นเครื่องสังหารชีวิตมนุษย์นั้นย่อมมีลักษณะว่าถ้าใช้อาวุธปืนนั้นยิงคน ตามธรรมดาจะให้บังเกิดความตายหรือความตายเป็นผลธรรมดาของการที่ถูกอาวุธนั้น จึงจะถือว่าอาวุธปืนนั้นเป็นเครื่องสังหารต่อชีวิต ซึ่งถ้าใครใช้อาวุธปืนชนิดนั้นยิงผู้ใดก็จะถือว่าผู้นั้น เจตนาฆ่า
จำเลยได้ใช้ปืนลูกซองขนาดเล็กบรรจุกระสุนลูกปลายขนาดเล็กเบอร์ 8ปากกระบอกปืนมีศูนย์กลางกว้างเพียง 1.5 ซ.ม. คำชันสูตรบาดแผลปรากฏว่า แผลเป็นจุดๆ ใกล้ชิดกัน ขนาดของแผลแต่ละแผลกว้าง 2 ม.ม. ยาว 2 ม.ม.ลึกเป็นจุดกลมขนาดเมล็ดถั่วเขียวและมีเม็ดกระสุนฝังในเนื้อ รักษา 15 วันหายดังนี้ จำเลยไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าคน แต่มีผิดฐานทำร้ายร่างกาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 61/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวจากการถูกทำร้ายโดยผู้ไม่มีอำนาจจับ และการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ
คนยามไปรษณีย์ไม่มีอำนาจจับราษฎรที่พูดโต้เถียงกับพนักงานไปรษณีย์
จำเลยโต้เถียงกับพนักงานไปรษณีย์ แล้วมีพวกพนักงานไปรษณีย์ร้องบอกให้จับ คนยามไปรษณีย์เข้าจับจำเลย จำเลยจึงต่อยเอาดังนี้ เป็นป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 61/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัว: คนยามไม่มีอำนาจจับ การใช้กำลังเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายเป็นเหตุสมควร
คนยามไปรษณีย์ไม่มีอำนาจจับราษฎรที่พูดโต้เถียงกับพนักงานไปรษณีย์
จำเลยโต้เถียงกับพนักงานไปรษณีย์ แล้วมีพวกพนักงานไปรษณีย์ร้องบอกให้จับ คนยามไปรษณีย์เข้าจับจำเลย ๆ จึงต่อยเอา ดังนี้ เป็นป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้กระทำผิดซ้ำต่อเนื่องตั้งแต่เด็ก ควรลงโทษกักกันเพื่อแก้ไขพฤติกรรม
จำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้ายมาตั้งแต่เด็ก คือตั้งแต่มีอายุ 10 ขวบ ก็ได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์เรื่อยมา ถูกว่ากล่าวเรียกประกันทานบล และส่งโรงเรียนฝึกอาชีพ 3 ครั้ง ครั้งที่ 4 ถูกจำคุกฐานลักทรัพย์ และหลบหนีอีก 1 ปี 4 เดือน 20 วัน ครั้งที่ 5 ถูกจำคุก 20 วันฐานหลบหนีการควบคุม และในครั้งหลังนี้ โทษฐานทำร้ายร่างกายอันเป็นเหตุร้ายหนึ่งจึงควรลงโทษกักกันแก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้กระทำผิดซ้ำ ความร้ายแรงของพฤติกรรม และการพิจารณาโทษ
จำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้ายมาตั้งแต่เด็ก คือตั้งแต่มีอายุ 10 ขวบ ก็ได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์เรื่อยมาถูกว่ากล่าวเรียกประกันทันฑ์บนและส่งโรงเรียนฝึกอาชีพ 3 ครั้ง ครั้งที่ 4 ถูกจำคุกฐานลักทรัพย์ และหลบหนีอีก 1 ปี 4 เดือน 20 วัน ครั้งที่ 5ถูกจำคุก 20 วันฐานหลบหนีการควบคุมและในครั้งหลังนี้ถูกลงโทษฐานทำร้ายร่างกายอันเป็นเหตุร้ายอย่างหนึ่งจึงควรลงโทษกักกันแก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินความสาหัสของการบาดเจ็บเพื่อกำหนดฐานความผิดทางอาญา
บาดแผลของผู้เสียหายรักษา 1 เดือนเศษหาย ระหว่างแผลยังไม่หาย เดินไปไหนมาไหนได้ ไม่ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ แต่ทำงานหนักไม่ได แต่ 20 วันแล้วทำงานหนักได้ 20 วันไถนาได้แต่ไม่ปรกติแท้ ดังนี้ยังฟังไม่ถนัดนักว่า บาดเจ็บนั้นจะถึงไม่สามารจะประกอบการหาเลี้ยงชีพได้โดยปรกติเกิน 20 วัน จึงไม่เป็นบาดเจ็บสาหัสตามมาตรา 256
ศาลชั้นต้นลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254 ศาลอุทธรณ์ลงโทษตามมาตรา 256 เป็นแก้มาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินความสาหัสของบาดเจ็บเพื่อกำหนดฐานความผิดทางอาญา
บาดแผลของผู้เสียหายรักษา 1 เดือนเศษหาย ระหว่างแผลยังไม่หายเดินไปไหนมาไหนได้ ไม่ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อแต่ทำงานหนักไม่ได้ แต่ 20 วันแล้วทำงานหนักได้ 20 วันไถนาได้แต่ไม่ปรกติแท้ ดังนี้ ยังฟังไม่ถนัดนักว่า บาดเจ็บนั้นจะถึงไม่สามารถจะประกอบการหาเลี้ยงชีพได้โดยปรกติเกิน 20 วัน จึงไม่เป็นบาดเจ็บสาหัสตามมาตรา 256
ศาลชั้นต้นลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 ศาลอุทธรณ์ลงโทษตามมาตรา 256 เป็นแก้มาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาผิดวัน ทำให้ศาลลงโทษจำเลยไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดในวันที่ 6 มิถุนายน 2489 แต่โจทก์นำสืบว่าจำเลยทำผิดในวันที่ 5 มิถุนายน 2489 เป็นการฟ้องผิดวัน ลงโทษจำเลยไม่ได้
of 23