คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 118

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนความประสงค์จากสัญญาซื้อขายเป็นสัญญากู้และค้ำประกัน การนำสืบต้องไม่ขัดต่อสัญญาใหม่
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินต้นและดอกเบี้ยในฐานะผู้ค้ำประกันจำเลยต่อสู้ว่า ผู้ซื้อผู้ขายไม่ต้องการทำสัญญาซื้อขายต่อเจ้าหน้าที่ ผู้ซื้อคือโจทก์ เกรงว่าผู้ขายจะกลับถ้อยคืนคำผู้ซื้อให้ทำเป็นสัญญากู้ จำเลยเป็นผู้ค้ำประกัน ดังนี้ เป็นเรื่องคู่สัญญาเปลี่ยนความประสงค์เดิม เมื่อข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นเรื่องคู่สัญญาสมัครใจเปลี่ยนทำสัญญากู้และค้ำประกันแทนสัญญาซื้อขายเสียแล้วการที่จำเลยจะนำสืบตามข้อต่อสู้เป็นการขัดต่อสัญญากู้และค้ำประกัน จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการเรียกคืนที่ดินหลังศาลฎีกาพิพากษาเพิกถอนนิติกรรม การฟ้องภายใน 1 ปี นับจากวันที่ทราบคำพิพากษาไม่ขาดอายุความ
โจทก์จำเลยตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินต่อกันโดยต่างทำนิติกรรมยกให้ที่ดินซึ่งกันและกัน ภายหลังศาลฎีกาได้พิพากษาว่า นิติกรรมที่จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ตกเป็นโมฆะ โจทก์ต้องคืนที่ดินให้จำเลย ดังนี้ เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยภายใน 1 ปี นับแต่วันทราบคำพิพากษาศาลฎีกา ขอให้จำเลยคืนที่ดินซึ่งจำเลยรับโอนจากโจทก์ไม่ว่าศาลจะวินิจฉัยเรื่องอายุความในลักษณะขอให้เพิกถอนนิติกรรมหรือเรียกคืนลาภอันมิควรได้หรือในลักษณะใด คดีของโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเรียกคืนที่ดินหลังศาลพิพากษาเพิกถอนนิติกรรม การฟ้องภายใน 1 ปี นับจากวันที่ทราบคำพิพากษา ไม่ขาดอายุความ
โจทก์จำเลยตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินต่อกันโดยต่างทำนิติกรรมยกให้ที่ดินซึ่งกันและกัน ภายหลังศาลฎีกาได้พิพากษาว่า นิติกรรมที่จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ตกเป็นโมฆะ โจทก์ต้องคืนที่ดินให้จำเลย ดังนี้ เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยภายใน 1 ปี นับแต่วันทราบคำพิพากษาศาลฎีกา ขอให้จำเลยคืนที่ดินซึ่งจำเลยรับโอนจากโจทก์ ไม่ว่าศาลจะวินิจฉัยเรื่องอายุความในลักษณะขอให้เพิกถอนนิติกรรมหรือเรียกคืนลาภอันมิควรได้หรือในลักษณะใด คดีของโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพรางสัญญาเช่า: ศาลอนุญาตให้จำเลยสืบพยานเพื่อพิสูจน์เจตนาที่แท้จริงของสัญญา
โจทก์จำเลยทำสัญญาขายฝากที่ดิน แล้วจำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินนั้นในวันเดียวกัน ต่อมาเมื่อพ้นกำหนดไถ่คืนแล้ว โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ดิน จำเลยต่อสู้ว่า ความจริงเป็นเรื่องกู้เงินโดยเอาที่ดินเป็นประกัน ส่วนการเช่าที่ดินนั้นเป็นการเลี่ยงกฎหมาย เผื่อถ้าจำเลยไถ่ที่ดินจะได้คิดแทนดอกเบี้ยซึ่งเกินกว่าอัตราในกฎหมาย คดีนี้จำเลยไม่ได้ไถ่ที่ดินคืน และจำเลยไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่เช่าที่ดินที่เช่าเป็นที่ว่างเปล่าไม่ควรมีค่าเช่าถึงอัตราที่กำหนดเป็นค่าเช่ากันไว้ เช่นนี้ เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่า สัญญาเช่าไม่สมบูรณ์ เพราะมิได้มีเจตนาที่จะให้ผูกพันด้วยการเช่ากันจริง ๆ จำเลยมีสิทธิที่จะนำพยานมาสืบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาที่แท้จริงของสัญญาเช่า: สิทธิในการนำสืบพยานเพื่อพิสูจน์ว่าสัญญาเช่าเป็นเพียงอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านดอกเบี้ย
โจทก์จำเลยทำสัญญาขายฝากที่ดิน แล้วจำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินนั้นในวันเดียวกัน ต่อมาเมื่อพ้นกำหนดไถ่คืนแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ดิน. จำเลยต่อสู้ว่า ความจริงเป็นเรื่องกู้เงินโดยเอาที่ดินเป็นประกันส่วนการเช่าที่ดินนั้นเป็นการเลี่ยงกฎหมาย เผื่อถ้าจำเลยไถ่ที่ดินคืนจะได้คิดแทนดอกเบี้ยซึ่งเกินกว่าอัตราในกฎหมายคดีนี้จำเลยไม่ได้ไถ่ที่ดินคืน และจำเลยไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่เช่าที่ดินที่เช่าเป็นที่ว่างเปล่าไม่ควรมีค่าเช่าถึงอัตราที่กำหนดเป็นค่าเช่ากันไว้เช่นนี้ เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าสัญญาเช่าไม่สมบูรณ์ เพราะมิได้มีเจตนาที่จะให้ผูกพันด้วยการเช่ากันจริงๆ จำเลยมีสิทธิที่จะนำพยานมาสืบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่: สัญญาเช่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่ดินของโจทก์จริง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่เช่า ซึ่งอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโจทก์ ถ้าจำเลยต่อสู้ว่าที่เช่าเป็นที่สาธารณะ โจทก์หลอกลวงให้หลงเชื่อว่าเป็นที่ของโจทก์เช่นนี้ จำเลยยอมนำสืบได้ และหากข้อเท็จจริงฟังได้ตามข้อต่อสู้ของจำเลย โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินทำให้สัญญาเช่าเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่เช่า ซึ่งอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโจทก์ ถ้าจำเลยต่อสู้ว่าที่เช่าเป็นที่สาธารณะ โจทก์หลอกลวงให้หลงเชื่อว่าเป็นที่ของโจทก์ เช่นนี้ จำเลยย่อมนำสืบได้ และหากข้อเท็จจริงฟังได้ตามข้อต่อสู้ของจำเลย โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273-274/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพรางการจำนอง: การนำสืบพยานเพื่อพิสูจน์สภาพที่แท้จริงของสัญญา
โจทก์จำนองที่ดินไว้เป็นประกันเงินกู้แต่ทำหลักฐานทางทะเบียนเป็นการขายฝากและโจทก์คงครอบครองที่ดินมาดังนี้ โจทก์ย่อมนำสืบว่าสัญญาขายฝากที่ทำต่อเจ้าพนักงานว่าเป็นนิติกรรมอำพรางการจำนองได้ไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร อันต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เพราะถ้าสัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางการจำนองก็เป็นโมฆะเสียเปล่าใช้บังคับไม่ได้(ฎีกา 272/2498ประชุมใหญ่4/2498)
เมื่อคู่ความยังโต้เถียงข้อเท็จจริงกันว่ามีการทำนิติกรรมอำพรางนิติกรรมที่แท้จริงไว้และยังไม่ได้ความที่จะฟังว่าเป็นไปในทางใดศาลชั้นต้นก็สั่งงดสืบพยานเสียดังนี้ ศาลฎีกามีอำนาจให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงเจตนาลวงในการซื้อขายที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงการยึดทรัพย์ ศาลพิพากษาเพิกถอนนิติกรรม
ทำสัญญาซื้อขายที่ดินกันมานานถึง 2 ปีเศษแล้วแต่ปรากฎว่าภรรยาและบุตรผู้ขายยังคงอยู่และทำกินในดินที่ทำสัญญาซื้อขายตลอดมา โดยผู้ซื้อมิได้เกี่ยวข้องทำอะไรในที่ดิน และยังปรากฎว่าบุตรเขยผู้ขายได้ปลูกเรือนอยู่ในที่ดินที่ทำสัญญาซื้อขาย พฤติการณ์ต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นเครื่องแสดงให้เห็นได้ว่าการทำสัญญาซื้อขายเป็นการแสดงเจตนาลวง มิใช่มีเจตนาซื้อขายต่อกันจริงจัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมซื้อขายที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงการยึดทรัพย์ เป็นการแสดงเจตนาลวงและเป็นโมฆะ
ทำสัญญาซื้อขายที่ดินกันมานานถึง 2 ปีเศษแล้วแต่ปรากฏว่าภรรยาและบุตรผู้ขายยังคงอยู่และทำกินในที่ดินที่ทำสัญญาซื้อขายตลอดมา โดยผู้ซื้อมิได้เกี่ยวข้องทำอะไรในที่ดิน และยังปรากฏว่าบุตรเขยผู้ขายได้ปลูกเรือนอยู่ในที่ดินที่ทำสัญญาซื้อขาย พฤติการณ์ต่างๆ ดังกล่าวเป็นเครื่องแสดงให้เห็นได้ว่าการทำสัญญาซื้อขายเป็นการแสดงเจตนาลวง มิใช่มีเจตนาซื้อขายต่อกันจริงจัง
of 28