คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 118

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝากที่เป็นโมฆะ: เจตนาลวงและการไม่ได้รับเงินจริง
แม้ตามหนังสือสัญญาจะกล่าวว่าเป็นสัญญาขายฝากเครื่องสียนต์ก็ตามแต่ระบุว่าเมื่อมาไถ่ต้องคิดดอกเบี้ยให้ ก็เห็นเจตนาว่ามิได้ทำโอนกรรมสิทธิขายฝากกันจริงและผู้ขายฝากก็ไม่เคยครอบครองทรัพย์นั้นเลย ทั้งมิได้จ่ายเงินให้กันจริงด้วยแล้ว พฤติการณ์เหล่านี้แสดงว่าไม่มีการขายฝากกันเป็นการกระทำเพื่อแสดงเจตนาลวงเป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝากที่ปรากฏเจตนาลวง: การทำสัญญาโดยมิได้โอนกรรมสิทธิ์และไม่มีการชำระเงิน
แม้ตามหนังสือสัญญาจะกล่าวว่าเป็นสัญญาขายฝากเครื่องสียนต์ก็ตามแต่ระบุว่าเมื่อมาไถ่ต้องคิดดอกเบี้ยให้ ก็เห็นเจตนาว่ามิได้ทำโอนกรรมสิทธิขายฝากกันจริงและผู้ขายฝากก็ไม่เคยครอบครองทรัพย์นั้นเลย ทั้งมิได้จ่ายเงินให้กันจริงด้วยแล้ว พฤติการณ์ เหล่านี้แสดงว่าไม่มีการขายฝากกัน เป็นการกระทำเพื่อแสดงเจตนาลวงเป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินหลีกเลี่ยงเจ้าหนี้: นิติกรรมโมฆะและสิทธิยึดทรัพย์
ลูกหนี้ตามคำพิพากษาทำนิติกรรมต่อกรมการอำเภอขายนาพิพาทของตน 2 แปลง ให้แก่บุคคลภายนอกโดยสมรู้เจตนาลวงเพื่อป้องกันมิให้เจ้าหนี้ยึดทรัพย์ ดังนี้ถือว่านิติกรรมนั้นเกิดจากเจตนาลวงจึงตกเป็นโมฆะเสียเปล่าตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา118และ 133 โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิจะยึดนาพิพาท 2 แปลงมาขายทอดตลาดได้โดยไม่ต้องฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 329/2480

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าหนี้: นิติกรรมโมฆะและสิทธิในการยึดทรัพย์
ลูกหนี้ตามคำพิพากษาทำนิติกรรมต่อกรมการอำเภอขายนาพิพาทของตน 2 แปลงให้แก่บุคคลภายนอกโดยสมรู้เจตนาลวงเพื่อป้องกันมิให้เจ้าหนี้ยึดทรัพย์ ดังนี้ถือว่านิติกรรมนั้นเกิดจากเจตนาลวงจึงตกเป็นโมฆะเสียเปล่าตาม ป.พ.พ. ม.118 และ 133 โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิจะยึดนาพิพาท 2 แปลงมาขายทอดตลาดได้โดยไม่ต้องฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 329/2480.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเพื่อทำการค้า: เรือนพิพาทไม่ใช่เคหะตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ แม้มีอยู่อาศัยด้วย
คดีที่ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงซึ่งยุติแล้วตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา
เมื่อเรือนพิพาทอยู่ในทำเลที่มีการค้าและเป็นสถานที่ซึ่งทำการติดต่อกับการค้าทั้งได้เคยทำการค้ามาก่อนกับจำเลยก็ได้เช่าไว้เพื่อทำการค้า ถึงแม้ว่าจำเลยและครอบครัวจะอยู่ด้วยก็อยู่เพื่อประกอบการค้านั่นเองดังนั้นเรือนพิพาทจึงมิใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
เมื่อฟังว่าจำเลยเช่าเรือนพิพาทเพื่อทำการค้าจริงๆ ดังสัญญาเช่าที่โจทก์อ้างประกอบฟ้องแล้ว ประเด็นเรื่องนิติกรรมอำพรางตามข้อต่อสู้ของจำเลยก็ย่อมตกไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเรือนพิพาทเพื่อค้า ยุติว่าไม่ใช่เคหะ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ไม่คุ้มครอง และนิติกรรมอำพรางไม่มีผล
คดีที่ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อ ก.ม.ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงซึ่งยุติแล้วตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา
เมื่อเริอนพิพาทอยู่ในทำเลที่มีการค้าและเป็นสถานที่ซึ่งทำการติดต่อกับกาค้าทั้งได้เคยทำการค้ามาก่อนกับจำเลยก็ได้เช่าไว้เพื่อทำการค้า ถึงแม้ว่าจำเลยและครอบครัวจะอยู่ด้วยก็อยู่เพื่อประกอบการค้านั่นเอง ดังนั้นเรือนพิพาทจึงมิใ่ช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครอง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
เมื่อฟังว่าจำเลยเช่าเรือนพิพาทเพื่อทำการค้าจริง ๆ ดังสัญญาเช่าที่โจทก์อ้างประกอบฟ้องแล้ว ประเด็นเรื่องนิติกรรมอำพรางตามข้อต่อสู้จำเลยก็ย่อมตกไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเพื่อทำการค้า มิใช่เคหะ: ศาลยืนตามข้อเท็จจริงที่ยุติว่าเรือนพิพาทเป็นที่ทำการค้า ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
คดีที่ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงซึ่งยุติแล้วตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา
เมื่อเรือนพิพาทอยู่ในทำเลที่มีการค้าและเป็นสถานที่ซึ่งทำการติดต่อกับการค้าทั้งได้เคยทำการค้ามาก่อนกับจำเลยก็ได้เช่าไว้เพื่อทำการค้า ถึงแม้ว่าจำเลยและครอบครัวจะอยู่ด้วยก็อยู่เพื่อประกอบการค้านั่นเองดังนั้นเรือนพิพาทจึงมิใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
เมื่อฟังว่าจำเลยเช่าเรือนพิพาทเพื่อทำการค้าจริงๆ ดังสัญญาเช่าที่โจทก์อ้างประกอบฟ้องแล้ว ประเด็นเรื่องนิติกรรมอำพรางตามข้อต่อสู้ของจำเลยก็ย่อมตกไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิโดยการครอบครองปรปักษ์ และการสละเจตนาเป็นเจ้าของที่ดิน
โจทก์ประสงค์จะขายฝากที่ดินของตนบางส่วน แต่เพิ่อความสดวกในทางทะเบียนผู้รับขายฝากกับโจทก์จึงตกลงกันว่าให้โจทก์ทำขายฝากกับผู้รับฝากทั้งหมด ส่วนที่โจทก์ไม่ได้ขายฝากไว้นั้น ผู้รับขายฝากได้ทำเป็นหนังสือยกให้แก่โจทก์และให้โจทก์ครอบครองในส่วนนั้นตลอดมา ดังนี้หนังสือยกให้ที่ผู้รับขายฝากทำให้แก่โจทก์นั้นโจทก์ย่อมอ้างเป็นพยานหักล้างหลักฐานการขายฝากในส่วนที่โจทก์ไม่ตั้งใจขายฝากไว้ได้ เพราะเป็นการสืบถึงนิติกรรมที่อำพรางไว้ ไม่ใช่สืบแก้ไขเอกสารสัญญาขายฝากนอกจากนี้ยังฟังเป็นเอกสารอันหนึ่งได้ว่าผู้รับขายฝากได้สละเจตนาเป็นเจ้าของในที่ดินส่วนนั้น และเมื่อโจทก์ครอบครองมาเป็นเวลาเกิน 20 ปีแล้วย่อมได้กรรมสิทธิตาม ป.พ.พ.ม. 1382 อยู่ดี
ปัญหาข้อใดแม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะได้กล่าวไว้ แต่คู่ความมิได้ฎีกาขึ้นมา ปัญหาข้อนั้นก็เป็นอันยุติเพราะไม่มีอะไรที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยถึง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์จากการสละเจตนาเป็นเจ้าของ และหนังสือยกให้เป็นพยานหลักฐานได้
โจทก์ประสงค์จะขายฝากที่ดินของตนบางส่วน แต่เพื่อความสะดวกในทางทะเบียนผู้รับขายฝากกับโจทก์จึงตกลงกันว่าให้โจทก์ทำขายฝากไว้กับผู้รับขายฝากทั้งหมดส่วนที่โจทก์ไม่ได้ขายฝากไว้นั้น ผู้รับขายฝากได้ทำเป็นหนังสือยกให้แก่โจทก์และให้โจทก์ครอบครองในส่วนนั้นตลอดมา ดังนี้หนังสือยกให้ที่ผู้รับขายฝากทำให้แก่โจทก์นั้นโจทก์ย่อมอ้างเป็นพยานหักล้างหลักฐานการขายฝากในส่วนที่โจทก์ไม่ตั้งใจขายฝากไว้ได้ เพราะเป็นการสืบถึงนิติกรรมที่อำพรางไว้ ไม่ใช่สืบแก้ไขเอกสารสัญญาขายฝากนอกจากนี้ยังฟังเป็นเอกสารอันหนึ่งได้ว่าผู้รับขายฝากได้สละเจตนาเป็นเจ้าของในที่ดินส่วนนั้น และเมื่อโจทก์ครอบครองมาเป็นเวลาเกิน 20 ปีแล้วย่อมได้กรรมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382อยู่ดี
ปัญหาข้อใดแม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะได้กล่าวไว้ แต่คู่ความมิได้ฎีกาขึ้นมา ปัญหาข้อนั้นก็เป็นอันยุติเพราะไม่มีอะไรที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยถึง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์จากการสละเจตนาเป็นเจ้าของ และการพิสูจน์นิติกรรมที่ซ่อนเร้น
โจทก์ประสงค์จะขายฝากที่ดินของตนบางส่วน แต่เพื่อความสะดวกในทางทะเบียนผู้รับขายฝากกับโจทก์จึงตกลงกันว่าให้โจทก์ทำขายฝากไว้กับผู้รับขายฝากทั้งหมดส่วนที่โจทก์ไม่ได้ขายฝากไว้นั้น ผู้รับขายฝากได้ทำเป็นหนังสือยกให้แก่โจทก์และให้โจทก์ครอบครองในส่วนนั้นตลอดมา ดังนี้หนังสือยกให้ที่ผู้รับขายฝากทำให้แก่โจทก์นั้นโจทก์ย่อมอ้างเป็นพยานหักล้างหลักฐานการขายฝากในส่วนที่โจทก์ไม่ตั้งใจขายฝากไว้ได้ เพราะเป็นการสืบถึงนิติกรรมที่อำพรางไว้ ไม่ใช่สืบแก้ไขเอกสารสัญญาขายฝากนอกจากนี้ยังฟังเป็นเอกสารอันหนึ่งได้ว่าผู้รับขายฝากได้สละเจตนาเป็นเจ้าของในที่ดินส่วนนั้น และเมื่อโจทก์ครอบครองมาเป็นเวลาเกิน 20 ปีแล้วย่อมได้กรรมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382อยู่ดี
ปัญหาข้อใดแม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะได้กล่าวไว้ แต่คู่ความมิได้ฎีกาขึ้นมา ปัญหาข้อนั้นก็เป็นอันยุติเพราะไม่มีอะไรที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยถึง
of 28